การข้ามชายแดนจากไทยมาประเทศลาวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมสักเท่าไหร่นัก แค่มีพาสปอร์ตก็ผ่านเข้ามาได้ฉลุยแล้ว ไม่นานนัก รถบัสที่ผมนั่งข้ามผ่านมายังลาวก็พาไปส่งที่ตลาดเช้าซึ่งเป็นท่ารถในนครหลวงเวียงจันทน์ ลงจากรถได้เท่านั้น ผมก็ถูกบรรดาสามล้อรับจ้างรุมทึ้งทันที พร้อมกับเรียกค่าจ้างเป็นเงินไทยประมาณห้าสิบบาทเพื่อไปส่งยังโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ดีที่ผมหาข้อมูลมาก่อนเลยปฏิเสธสามล้อพวกนั้นไปหมดและตั้งใจว่าจะเดินไปยังเกสต์เฮ้าส์ตามแผนที่ GPS ในโทรศัพท์
ทว่าพอผมเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ สายตาก็ปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด
ใช่... ผู้ชายคนนั้นคือคนเดียวกับที่ผมเหวี่ยงกระเป๋าไปโดนก่อนหน้านี้
อุตส่าห์แยกกันไปแล้วยังจะวกกลับมาเจอกันอีก!
รู้เลยว่าโลกใบนี้โคตรจะกลม ผมมองไอ้บ้านั่นก้าวเดินฉับๆ อยู่ตรงหน้า มือข้างหนึ่งถือกระเป๋ากระสอบสายรุ้งสะพายบ่า มองจากทางด้านหลังแล้ว ผมก็สงสัยนะว่ามันกล้าแต่งตัวอย่างนี้เดินตามท้องถนนได้ยังไง เรื่องอากาศร้อนอะไรมันไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องแต่งตัวไม่เข้ากับบรรยากาศบ้านเมืองนี่มันทำให้มันดูเหมือนคนบ้า
ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องของผม ชะลอฝีเท้า ทิ้งระยะห่างสักหน่อยก่อนเดินตามไปเงียบๆ
ต้องใช้คำว่าเดินตามจริงๆ เพราะตอนแรกที่ผมเห็นมันเดินนำหน้าก็แค่คิดว่าคงจะไปทางเดียวกันแล้วไปแยกย้ายกันอีกทีตามตรอกซอกซอย หากแต่ไม่ใช่เลย ผมเดินตามหลังมันต้อยๆ ตามมายันเกสต์เฮ้าส์ที่ผมจองเอาไว้
เดี๋ยวนะ...มึงก็พักที่นี่เหรอ!?
พักที่นี่อย่างแน่นอน มันมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าเกสต์เฮ้าส์ที่ชื่อว่า ‘สะบายดีเวียงจันทน์’ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองป้ายเกสต์เฮ้าส์ราวกับว่าไม่แน่ใจนักว่ามันคือที่หมายที่มันต้องการมาไหม อะไรไม่ว่า มายืนขวางทางเข้าอยู่นานสองนาน ทำเอาผมที่แบกกระเป๋าเป้ใบบักเอ้กชักทนไม่ไหว ต้องเดินมาบอกมันอย่างไม่มีทางเลือกแม้ว่าจะไม่อยากเสวนาด้วยเลยก็ตาม
“ขอโทษนะครับ ขอผมเข้าไปหน่อย” ผมพูดออกมาเป็นภาษาไทย
ผู้ชายคนนั้นหันมามองผม สีหน้าดูงุนงง ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าอาจจะไม่ใช่คนลาวเพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะด่าผมเป็นภาษาอังกฤษ ผมเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงไท้ไทยใส่ไป
“เอ็กซ์คิ้วมี แคนยูพลีส...” หลบหน่อย... แม่งพูดเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไงวะ ใช้ภาษามือเลยแล้วกัน
โบกมือปัดหย็อยๆ เป็นสัญญาณบอกว่าให้มันหลีกทางให้ อีกฝ่ายมองผมแล้วจู่ๆ ก็หัวเราะในลำคอดังหึขึ้นมา จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน ปล่อยให้ผมยืนมองอย่างงุนงง
ไอ้ที่หัวเราะหึเมื่อกี้มันคืออะไร ทำไมรู้สึกเหมือนโดนดูถูกเรื่องพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เลยวะ
ขุ่นใจขึ้นมาอีกระลอกทั้งที่ไม่อยากจะอารมณ์เสียเลย แต่พอมองตามหลังผู้ชายคนนั้นที่ไปติดต่อยังล็อบบี้และหายขึ้นไปยังชั้นบน ผมก็ถอนหายใจออกมา
ช่างมันเถอะ คนต่างชาติ ต่างภาษาก็ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว ไม่แปลกถ้าเขาจะมารยาทไม่ดี
เพราะปลงเรื่องนี้ได้ ผมเลยไปติดต่อพนักงานที่ล็อบบี้เพื่อขอกุญแจเข้าห้องพักบ้าง โชคดีที่อย่างน้อยผมก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับผู้ชายคนนั้นเพราะผมอยู่เกสต์เฮ้าส์แบบแชร์ห้อง เพื่อนร่วมห้องผมเป็นเด็กนักศึกษาจากไทยอีกสามคนที่มาเที่ยวกันวันสุดท้ายก่อนจะกลับไทยพรุ่งนี้ วันนี้ผมก็เลยมีเด็กๆ พวกนั้นช่วยนำเที่ยวในเวียงจันทน์
ไปกับเด็กพวกนั้น ทุกอย่างมันก็ดูง่ายไปหมดเพราะเด็กๆ วางแผนเที่ยวกันมาดี ข้อมูลแน่น แถมยังอยู่ที่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย ผมที่แทบไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลยได้พึ่งใบบุญตะลอนทัวร์ไปด้วยแต่ก็เป็นแค่การเที่ยวในละแวกเกสต์เฮ้าส์เท่านั้น
เด็กๆ บอกว่าเที่ยวเวียงจันทน์ไม่ยากหรอก ไปตามแผนที่ GPS ในโทรศัพท์แค่นั้นเอง มันก็ไม่ยากสักเท่าไหร่หรอก วันใหม่มาถึง ผมก็ไปตะลอนเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ ตามลำพัง
ไอ้ไปเที่ยวตามที่พวกนั้นน่ะไม่ยากเลย ที่ยากก็คือทำยังไงให้ไม่ถูกพวกมิจฉาชีพในคราบพ่อค้าแม่ค้าโกงเงินต่างหาก!
กลับมาถึงเกสต์เฮ้าส์ได้ ผมก็ออกอาการหัวเสียเมื่อคิดทบทวนว่าวันนี้ถูกหลอกเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์และโดนโก่งราคาค่ารถ ค่าอาหารไปมากแค่ไหน ยิ่งมาอ่านพวกรีวิวบนเว็บไซต์เรื่องกลโกงของคนพวกนี้ ผมยิ่งแค้นใจเข้าไปใหญ่
เสียไปไม่ใช่น้อยเลยนะวันนี้ อย่างน้อยก็แบงก์เทาใบนึงล่ะวะ
เป็นการเสียเงินที่ไม่ควรจะเสียเลยแม้แต่น้อย เอาเงินนั่นไปจ้างไกด์นำเที่ยวยังจะดีกว่าเสียไปเปล่าๆ ให้พวกขี้โกงนั่นอีก แค่ในเวียงจันทน์ยังขนาดนี้ แล้วออกไปจังหวัดอื่น ผมจะต้องถูกโกงเพราะตามไม่ทันคนพวกนี้อีกขนาดไหน
คิดแล้วก็น่ากังวลนัก ผมเลยตัดสินใจลงไปติดต่อกับพนักงานที่ล็อบบี้ว่าจะขอให้เขาช่วยหาไกด์ให้สักคนเพราะอีกไม่กี่วัน ผมก็จะเดินทางไปเที่ยวยังหลวงพระบางและต่อด้วยวังเวียง หากแต่ก็ต้องผิดหวังด้วยพนักงานล็อบบี้แจ้งว่าไกด์ผู้ชายติดงานกันหมด จะเหลือก็แต่ไกด์ผู้หญิง