Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 23
“หนาวไหม หนูเหงามากเลย คิดถึงคุณย่าจัง...” หลังจากสวดอภิธรรมในคืนที่สามผ่านไป ฉันนั่งอยู่ตรงหน้าแท่นวางหีบศพ รอบข้างมีดอกไม้ที่คุณย่าชอบจัดวางอยู่อย่างสวยงาม พรุ่งนี้ทีมจากร้านดอกไม้จะเข้ามาจัดดอกไม้ในโซนพิธีให้ จัดในแบบที่คุณย่าชอบ เมื่อก่อนฉันดีใจที่ได้ซื้อดอกไม้มาให้คุณย่า แต่ทำไมในตอนนี้เพียงแค่ได้มองดอกไม้ที่ท่านชอบฉันถึงต้องร้องไห้แบบนี้
“วันนี้หนูกินข้าวแล้วนะคะ คุณย่าไม่ต้องห่วงแล้วนะ หนูแข็งแรงมาก” เอ่ยเล่าทั้งที่ก็มั่นใจว่าท่านคงไม่ได้ยิน แต่ขอร้องเถอะนะ ขอให้ฉันได้พูดคุยกับท่านเถอะ
“กินเยอะมาก ๆ เลย เพื่อน ๆ หนูทำกับข้าวให้กินทุกวันเลย”
“...”
“กินจนแก้มจะออกแล้ว” แต่ไม่รู้ทำไมพอเล่าไปสักพัก ทั้งที่ฉันยังยิ้มให้กับรูปคุณย่าตรงหน้าแต่น้ำตากลับไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ฉันไม่ได้สะอื้นเหมือนคืนก่อน ๆ แต่มันก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ให้ไหลไม่ได้เลย
“หนูไม่ดื่มกาแฟหนักแล้วนะ คุณย่าไม่ต้องห่วงเลย” เพราะถึงไม่ดื่มฉันก็นอนไม่หลับอยู่ดี
“แต่หนูยังชอบน้ำเย็น ๆ เหมือนเดิม กินแล้วน้ำมูกก็ไหล”
“...”
“คุณย่าไม่อยากกลับมาดุหนูจริง ๆ เหรอ? หนูกินน้ำเย็นทุกวันเลยนะ” เพราะเป็นภูมิแพ้แต่ชอบกินของเย็น ฉันเลยน้ำมูกไหลต้องกินยาแก้แพ้ทุกวัน บางวันแค่อากาศเปลี่ยนน้ำมูกก็ไหลแล้ว ช่วงไหนเป็นหนักฉันต้องพ่นจมูกก่อนอน ดูใช้ชีวิตลำบากเลยใช่ไหมล่ะฉันน่ะ
“หนูพลอย...”
“...” ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งคุยกับคุณย่านานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คุณป้านิรเอ่ยเรียกชื่อ หันกลับไปมองก็เห็นว่ามีทั้งเพื่อนและครอบครัวป้านิรนั่งอยู่ทางด้านหลัง
“กลับบ้านไปพักกันลูก เขาจะปิดศาลาแล้ว”
“ค่ะคุณแม่” ขานรับอย่างว่าง่าย ฉันหันกลับไปเอ่ยลาคุณย่าก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายตัวเองเตรียมกลับบ้าน ตั้งแต่วันงานวันแรกจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้กลับไปบ้านคุณจอมทัพเลย เพราะฉันเลือกที่จะค้างที่บ้านของคุณย่ากับเพื่อน ๆ ตัวเอง ส่วนคุณจอมทัพเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วยังตามมานอนด้วย แต่เท่าที่สังเกตเหมือนเขาจะโดนป้านิรเมินด้วยเหมือนกันนะ ตั้งแต่วันงานแรก ๆ เลยก็ว่าได้
“อยากกินอะไร ถึงบ้านจะทำให้” ประกายดาวที่นั่งอยู่ที่เบาะรถด้านหลังเอ่ยถามฉันเมื่อเรานั่งรถออกจากวัดได้สักพักแล้ว โดยมีคุณจอมทัพทำหน้าที่ขับรถและฉันนั่งอยู่เบาะด้านหน้าข้างเขา ส่วนเพื่อนทั้งสามคนนั่งที่เบาะด้านหลังด้วยกัน
“วันนี้แอบไปกินกระเพาะปลามา อิ่มมาก” เอ่ยบอกเพื่อนทั้งที่ความเป็นจริงฉันไม่ได้กินอะไรสักอย่างฉันแค่ไม่อยากให้เพื่อนเหนื่อย อยากให้พักเยอะ ๆ เพราะเพื่อนฉันก็ช่วยงานหลายอย่างแล้ว
“แต่ถ้าหิวมาบอกเลยนะ จะทำให้เอง” อาริสาอาสาอย่างน่ารัก กระทั่งกลับมาถึงบ้าน ฉันกอดเพื่อนทีละคนก่อนที่เราจะแยกย้ายกลับเข้าห้องนอน ฉันอาบน้ำสระผมเสร็จก็เดินออกจากห้องนอนในจังหวะที่ใครอีกคนเข้าไปอาบน้ำ ฉันเดินออกมาสวนข้างบ้านมองดูต้นไม้ ดอกไม้ที่คุณย่าชอบ ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้สีขาวในสวนเอนหลังพิงเก้าอี้เงยหน้ามองท้องฟ้าในช่วงเวลาห้ามทุ่ม
ฉันไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด ตรงข้ามนั่นคือฉันมีเพียงความคิดถึง
“เดี๋ยวจะไม่สบายนะ มานั่งตากหมอกแบบนี้ได้ยังไง” เสียงทุ้มดังจากทางด้านหลังพร้อมกับผ้าคลุมผืนหนึ่งที่ถูกคลุมร่างฉันไว้อย่างอ่อนโยน
“...”
“เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ ไม่ง่วงหรือยังไงกัน” คุณจอมทัพทรุดนั่งทับส้นเท้ามองหน้าฉัน มือของเขายื่นมากุมมือฉันไว้อย่างแผ่วเบา แต่ฉันค่อย ๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขาแล้วขยับนั่งตัวตรง
“พลอย ขอโทษเรื่องวันนั้นอธิบายได้จริง ๆ” คุณจอมทัพมองหน้าฉันอย่างเสียใจ ทั้งยังพยายามยื่นมือมาจับมือฉันไว้
“...”
“ขอโทษที่ทำให้ต้องผ่านเรื่องพวกนั้นมาคนเดียว ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ” ฉันนั่งเงียบสักพักก่อนจะเอ่ยบอกอีกฝ่าย
“พลอย...”
“ฉันเข้าใจจริง ๆ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้วุ่นวาย แล้วทำให้คุณกับแฟนต้องทะเลาะกัน เสร็จงานคุณย่าฉันจะหย่าให้นะคะ ขอโทษสำหรับทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ”
“พลอย ช่วยฟังก่อนได้ไหม”
“คุณจอมทัพ”
“ครับ?” เจ้าของชื่อขานรับทั้งยังมองด้วยแววตาสับสน คล้ายกับตอนนี้เขากำลังกลัวอะไรบางอย่างที่ฉันก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าสิ่งที่เขากลัวคืออะไร
“ฉันรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าที่คุณยอมแต่งงานกับฉันเพราะครอบครัวคุณเองก็ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับคุณ และฉันเองก็ยอมแต่งเพื่อให้ย่าสบายใจ”
“...”
“ตอนนี้คุณย่าเองก็ไม่อยู่แล้ว คุณได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ฉันก็อยากจะคืนอิสระให้คุณอย่าให้ฉันรู้สึกผิดต่อคุณและแฟนคุณไปมากกว่านี้เลยนะคะ”
“พลอย ผมบอกไปแล้วว่าเขาเป็นแฟนเก่า เลิกกันไปนานเกือบสิบปีแล้วด้วยซ้ำ”
“...”
“เรื่องที่ไร่ ผมดูแลมาตลอดเกือบสิบปี ไม่ใช่เพิ่งจะได้มา พ่อชอบแกล้งพูดแบบนั้นเพราะผมชอบบอกว่าจะไม่ทำ”
“...”
“และที่สำคัญ ผมไม่หย่า”
“...”
“ไปนอนได้แล้ว ดึกแล้ว”
เขาไม่ฟังทั้งยังดึงมือฉันให้เดินเข้าบ้าน ฉันเองก็เหนื่อยที่จะพูดแล้วเช่นเดียวกัน กลับเข้าห้องนอนฉันก็เดินเข้าห้องน้ำอีกครั้งสักพักใหญ่ถึงได้เดินออกมา หวังให้ใครอีกคนหลับไปก่อนแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเดินออกมาก็เจอกับคุณจอมทัพนั่งที่ปลายเตียงจ้องมาทางฉันอยู่
“นอน” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะรั้งให้ฉันล้มตัวนอนบนเตียงพร้อมกับเขา ท่อนแขนของเขาโอบกอดฉันไว้แต่ฉันก็เลือกที่จะยกแขนข้างนั้นออกแล้วนำหมอนข้างทั้งสองชิ้นมาวางขวางกั้นพื้นที่ระหว่างเรา ขยับกอดหมอนอีกหนึ่งใบแล้วหลับตาลงเงียบ ๆ แต่ก่อนหลับฉันจำได้ว่ามีหมอนข้างกั้นอยู่ไม่รู้ว่าทำไมพอตื่นเช้าขึ้นมาหมอนข้างทั้งสองใบถึงได้อยู่ที่พื้นแล้วมีท่อนแขนโอบกอดร่างฉันไว้อยู่แบบนี้
วันนี้คือคืนวันสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันงานจริง พื้นที่วัดมีร้านที่ดอกไม้กำลังจัดดอกไม้รอบบริเวณ ถึงแม้จะอยากออกไปที่วัดในตอนนี้แต่เพื่อนฉันก็ยังไม่ยอมให้ออกไป บังคับให้กินข้าวรองท้องเสียก่อน ฉันเองก็รีบกินเพื่อที่จะได้ออกไปที่วัดแล้ว
หากพูดกันตามตรงญาติของเราไม่มีแล้วนะคะ คุณย่ามีลูกสองคนคือคุณพ่อและน้องชายคุณพ่อ ซึ่งตอนนี้น้องชายคุณพ่อก็เสียหลังจากที่คุณพ่อเสียเกือบห้าปีท่านไม่ได้แต่งงานทำให้เมื่อท่านเสียชีวิตทั้งตระกูลเลยเหลือเพียงแค่ฉันกับคุณย่า แต่ตอนนี้กลับมีเพียงแค่ฉัน
วันงานทุกคนยุ่งมาก รวมถึงฉันที่ยุ่งจนแทบไม่มีเวลานั่ง ยามส่งร่างคุณย่าเข้าไปยังช่องเล็ก ๆ ทุกอย่างก็หยุดนิ่งเหมือนความฝัน คอยถามย้ำกับตัวเองว่านี่คือเรื่องจริงหรือเป็นความฝันกันแน่ แต่หากเป็นความฝันทำไมฉันถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้
กลุ่มควันลอยพุ่งขึ้นสูง แขกที่มาร่วมงานแสดงความเสียใจและอยู่จนเสร็จพิธี ฉันส่งแขกกลับด้วยความเหม่อลอย สิ่งที่ฉันได้กลับบ้านไปในครั้งนี้มีเพียงรูปหนึ่งใบพร้อมกับความรู้สึกเสียใจ
ในวันนั้นฉันหวังอยู่เต็มอกว่าคุณย่าจะได้กลับบ้านพร้อมกับฉันหลังจากที่ท่านหายแล้วไข้ลดลง แต่ไม่เคยคิดว่าท่านจะได้กลับมาในรูปแบบนี้
“คุณย่า หนูรักคุณย่านะคะ” ตอนนี้ทำได้เพียงกระซิบบอกท่านผ่านสายลม