Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 22
“หิวหรือเปล่า” คนที่นอนซ้อนอยู่ทางด้านหลังเอ่ยถามเสียงเบา เมื่อฉันเริ่มขยับตัวแต่ก็ไม่สามารถไปไหนได้ไกลนักเพราะท่อนแขนแข็งแรงนั้นโอบรัดฉันไว้เสียแน่น
“ไม่ค่ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน”
“อย่ามาสั่งค่ะ” ฉันยกแขนข้างที่โอบรอบเอวตัวเองไว้ให้ออกห่าง จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและทำธุระส่วนตัวของตัวเองทันที วันนี้น่าจะไปที่วัดช่วงบ่าย ซองต่าง ๆ ถูกแจกไปแล้วเพราะคุณป้ากับคุณลุงจัดการให้ ส่วนแขกที่มาร่วมงานก็มีคนคอยต้อนรับช่วยแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากจะไปอยู่กับคุณย่าให้นานที่สุด
“พลอยมากินข้าวก่อน” พิรัชเอ่ยชวน เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสามคนนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น ฉันพยักหน้าส่งให้อย่างว่าง่าย เพราะมั่นใจว่าเพื่อนต้องรอกินข้าวด้วยอย่างแน่นอน
“นายครับ มีเอกสารด่วนครับ” พี่ผู้จัดการไร่เอ่ยบอกคนที่เพิ่งเดินตามฉันลงมาจากชั้นสอง ฉันชวนเพื่อนไปที่ห้องกินข้าวทันที โดยมีป้าแจ่มเตรียมมื้อเที่ยงให้ด้วยความดีใจ คงเป็นเพราะไม่เห็นฉันกินข้าวท่านเลยเป็นห่วง
“ไหวไหม มีอะไรให้ช่วยบอกมาเลยนะ” ประกายดาวเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงและท่าทีจริงจัง
“อื้อ ขอบใจนะที่มาอยู่ด้วย” บอกกับเพื่อนอย่างที่รู้สึก
“พวกฉันเสียใจที่มาหาช้า แต่พอรู้ข่าวก็รีบมาเลย”
“ไม่เป็นไร แค่มาก็ดีใจแล้ว กินข้าวกันเถอะ” เอ่ยบอกเพื่อนทั้งสามคน พิรัช ประกายดาวและอาริสาต่างตักกับข้าวมาใส่จานให้เมื่อเห็นว่าฉันกินข้าวเพียงน้อยนิดและบังคับให้กินจนหมดจาน
“ถ้าไม่หมดฉันจะไม่ยอมให้แกไปที่วัด” ประกายดาวบอกเสียงเข้ม ทั้งยังยึดของฉันไปถือไว้เอง
“กินไม่ลง”
“ไม่ลงก็พยายามกิน เดี๋ยวทำยำให้เลยเอาแซ่บ ๆ จะได้กินง่าย ๆ” อาริสาบอกก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำยำให้ฉันอย่างที่เจ้าตัวได้พูดก่อนหน้านี้
“กินข้าวด้วยกันไหมครับ” พิรัชเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามายืนข้าง ๆ ฉัน
“ครับ ขอกินด้วยนะ”
“เชิญนั่งเลยครับ กินช้า ๆ ก่อนก็ได้นะครับ อาริสาไปทำยำให้พลอยอยู่น่ะครับ” พิรัชเอ่ยและบอกคนข้าง ๆ ป้าแจ่มรีบตักข้าวมาให้คุณจอมทัพทันที เขาก็กินไม่ค่อยเยอะแต่ขยันตักกับข้าวตรงหน้ามาใส่จานให้ฉันไม่ต่างจากเพื่อน ๆ ของฉันเลย
“เปรี้ยวแค่ไหนหนึ่งถึงสิบ” อาริสาโผล่หน้ามาจากห้องครัวหลังจากที่หายไปได้สักพัก
“แปด” ฉันตอบ
“จัดไป” เอาเถอะกินอะไรจัด ๆ ก็คงจะรู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้ล่ะมั้ง เรียกความสดชื่นให้ตัวเองสักนิดก็คงจะดี
“กินรสจัดเดี๋ยวก็ปวดท้องอีกนะ” พิรัชบ่น
“อย่างน้อยก็คงจะตื่นมากกว่านี้ล่ะมั้ง” ฉันตอบเพื่อนมือก็ตักข้าวเข้าปากช้า ๆ มันไม่มีความรู้สึกอยากกินอะไรเลย
“ระวังด้วย งานยังอีกหลายวันเดี๋ยวไม่สบายไปก่อน” คนข้าง ๆ บอกเสียงเบา มือก็ตักกับข้าวมาใส่จานให้ฉัน ฉันกินเล็กน้อยเท่านั้น กระทั่งอาริสากลับมาพร้อมกับยำรวมจานใหญ่ นั่นจึงทำให้ฉันกินอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิม จากสามคำเป็นห้าคำ
“เตรียมยาไว้เลย ปวดท้องแน่ ๆ” ประกายดาวบอกอย่างรู้ทันแต่ก็กินยำด้วยกันกับฉัน
“...” คุณจอมทัพมองฉันเงียบ ๆ ไม่ได้ห้ามที่กินยำรสชาติจัดจ้านแบบนี้ ก็เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามอยู่แล้ว
กินข้าวเสร็จทุกคนยังไม่ยอมให้ฉันออกไปที่วัด แต่บังคับให้กินยาเคลือบกระเพาะไว้ ฉันยอมกินอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกแสบท้องแล้วเล็กน้อย เมื่อยอมทำตามที่ทุกคนบอกท้ายที่สุดคุณจอมทัพก็พาฉันออกมาที่วัดพร้อมกับเพื่อน ๆ ทั้งสามคน
อย่างที่เคยบอกไปว่าเขาไม่ยอมให้อยู่ห่างจากเขาเลยสักนิดเดียว แม้ฉันจะแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากให้เขาช่วยหรืออยู่ใกล้แต่เขาก็ยังตีมึนคอยอยู่ข้าง ๆ
ทั้งที่ตอนนั้นฉันต้องการเขา เขากลับไม่ได้อยู่ด้วย
ตอนนี้อะไรที่ทำให้เขาอยากจะยืนอยู่ตรงนี้ ตรงที่ข้าง ๆ ฉันนะ
“คุณย่า...”
“...”
“หนาวไหม หนูเหงามากเลย คิดถึงคุณย่าจัง...” หลังจากสวดอภิธรรมในคืนที่สามผ่านไป ฉันนั่งอยู่ตรงหน้าแท่นวางหีบศพ รอบข้างมีดอกไม้ที่คุณย่าชอบจัดวางอยู่อย่างสวยงาม พรุ่งนี้ทีมจากร้านดอกไม้จะเข้ามาจัดดอกไม้ในโซนพิธีให้ จัดในแบบที่คุณย่าชอบ เมื่อก่อนฉันดีใจที่ได้ซื้อดอกไม้มาให้คุณย่า แต่ทำไมในตอนนี้เพียงแค่ได้มองดอกไม้ที่ท่านชอบฉันถึงต้องร้องไห้แบบนี้
“วันนี้หนูกินข้าวแล้วนะคะ คุณย่าไม่ต้องห่วงแล้วนะ หนูแข็งแรงมาก” เอ่ยเล่าทั้งที่ก็มั่นใจว่าท่านคงไม่ได้ยิน แต่ขอร้องเถอะนะ ขอให้ฉันได้พูดคุยกับท่านเถอะ
“กินเยอะมาก ๆ เลย เพื่อน ๆ หนูทำกับข้าวให้กินทุกวันเลย”
“...”
“กินจนแก้มจะออกแล้ว” แต่ไม่รู้ทำไมพอเล่าไปสักพัก ทั้งที่ฉันยังยิ้มให้กับรูปคุณย่าตรงหน้าแต่น้ำตากลับไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ฉันไม่ได้สะอื้นเหมือนคืนก่อน ๆ แต่มันก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ให้ไหลไม่ได้เลย
“หนูไม่ดื่มกาแฟหนักแล้วนะ คุณย่าไม่ต้องห่วงเลย” เพราะถึงไม่ดื่มฉันก็นอนไม่หลับอยู่ดี
“แต่หนูยังชอบน้ำเย็น ๆ เหมือนเดิม กินแล้วน้ำมูกก็ไหล”
“...”
“คุณย่าไม่อยากกลับมาดุหนูจริง ๆ เหรอ? หนูกินน้ำเย็นทุกวันเลยนะ” เพราะเป็นภูมิแพ้แต่ชอบกินของเย็น ฉันเลยน้ำมูกไหลต้องกินยาแก้แพ้ทุกวัน บางวันแค่อากาศเปลี่ยนน้ำมูกก็ไหลแล้ว ช่วงไหนเป็นหนักฉันต้องพ่นจมูกก่อนอน ดูใช้ชีวิตลำบากเลยใช่ไหมล่ะฉันน่ะ