Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 14
ข้อความจากเพื่อนส่งเข้ามาพูดคุยกันในกลุ่มแชตเรื่อย ๆ ก่อนจะเงียบหายไปในช่วงเวลาห้าทุ่ม ฉันนั่งแปลงานไปได้สักพักใหญ่ เงยหน้าอีกทีก็พบว่าเป็นเวลาตีสอง หากอยู่ที่กรุงเทพฉันคงจะทำงานต่อจนถึงตีห้าแล้วค่อยนอนตอนเช้า แต่ตอนนี้ไม่ได้เลยค่ะทำแบบเดิมไม่ได้เลย เพราะตอนเช้าต้องไปทำงานกับเจ้าของบ้านอีก
แปดโมงเช้าฉันโดนลากออกจากบ้าน และระหว่างฉันและคุณจอมทัพไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักประโยค เขาพาฉันนั่งรถไปตามถนนเส้นหนึ่งที่รอบ ๆ ข้างนั้นเป็นไร่องุ่นแล้วยังมีคนงานกำลังตัดแต่งกิ่งต้นองุ่นอยู่ กระทั่งเขาหยุดรถที่หน้าอาคารหนึ่งชั้นที่ภายนอกนั้นดูร่มรื่นอยู่ไม่น้อย
“เข้ามา” คุณจอมทัพเอ่ยบอกเสียงเข้ม ฉันเดินตามเข้าไปภายในก็เจอกับพนักงานที่นั่งเรียงอยู่ชุดโต๊ะทำงานตัวเองอย่างเป็นระเบียบ จังหวะที่ก้าวเข้าไปทุกสายตาต่างก็จ้องมองมายังฉันเป็นตาเดียวกัน
“นี่พนักงานของสำนักงานไร่ ค่อยไปทำความรู้จัก ทุกคน นี่พลอยไพลินเจ้านายอีกคนของทุกคน” คุณจอมทัพเอ่ยแนะนำเสียงดังฟังชัด หลายคนยิ้ม หลายคนทำหน้าไม่พอใจ ฉันยกมือไหว้ทุกคนพร้อมกับเอ่ยทักทายสั้น ๆ และนับว่าใจชื้นอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินเสียงของพี่ ๆ บางคนทักทายกลับมาอย่างน่ารัก
“เอาละ ว่างค่อยคุยกันเพิ่มเติมแล้วกัน เดินตามมา” คุณจอมทัพเอ่ยบอกและท้ายประโยคเขาหันมามองฉันและเอ่ยชวนให้เดินตามเขาเข้าไปภายในห้องห้องหนึ่งที่ภายในมีชุดโต๊ะทำงานวางอยู่ และมุมด้านหนึ่งมีโซฟาเข้ามุมวางอยู่ เขาชี้นิ้วให้ฉันไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่ประตูห้องทำงานจะถูกเคาะแล้วเปิดเข้ามาโดยที่ไม่รอฟังคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง
“ฟ้าใสเอาเอกสารมาให้ค่ะ” เจ้าของร่างบางเอ่ยแจ้งเจ้าของห้องเสียงหวานทั้งยังส่งสายตาเย้ายวนให้อย่างเปิดเผย ฉันมองภาพนั้นด้วยความรังเกียจ ก็คงจะกินคนงานของตัวเองไปจนหมดแล้วมั้ง ดูท่าทางแสดงความเป็นเจ้าของมากขนาดนี้โดยที่ไม่สนใจคนนอกที่นั่งอยู่แบบฉันเลย
“เอาวางไว้แล้วออกไป”
“คุณทัพอยากได้กาแฟไหมคะ” ผู้หญิงคนนั้นยังคงเอ่ยถาม
“ไม่ ออกไปสักที แล้วเวลาเคาะห้องรอให้ฉันอนุญาตไม่ใช่จะเข้ามาเลย มันดูไร้มารยาท”
“ขะ ขอโทษค่ะ”
เฮ้อ ฉันไม่อยากจะรับรู้หรอกนะว่าพวกเขาจะเล่นบทแง่งอนกันอีกนานแค่ไหน เพราะฉันเอือมระอาเต็มทน และเริ่มที่จะไม่ชอบคนตัวสูงคนนี้แล้วเหมือนกัน ดูเจ้าชู้กินไม่เลือกมากเลยล่ะ
“จะให้ทำอะไรคะ” ฉันเอ่ยถามคนตรงหน้าหลังจากที่คนของเขาออกจากห้องไปได้สักพัก
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย มาช่วยงานผัวแค่นี้ดีกว่าไปเที่ยวเตร็ดเตร่กับผู้ชายจนคนงานในไร่นินทา” คุณจอมทัพเอ่ยบอก ฉันเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ยามได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายใส่ร้ายฉัน
“ฉันไปเที่ยวตรงไหนคะ? แล้วไปกับผู้ชาย? ฉันไปกับใคร คนงานในไร่ที่เห็นน่ะใคร ไปบอกมาคุยเลยสิว่าเห็นฉันไปกับใคร ไม่ใช่อยากนินทาก็นินทาโดยที่ไม่รู้เรื่อง แล้วที่พูดน่ะไม่เป็นความจริง” ฉันมองอย่างไม่ยอมแพ้ และคนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันเอ่ยจบไปด้วยซ้ำ
“ถ้าไม่รู้ก็อย่ามาพูด” ฉันเอ่ยย้ำอีกครั้งพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายนิ่ง ๆ
“อย่ามาชวนทะเลาะ” เขามองเมินเดินไปเปิดตู้แล้วหยิบเงินในตู้นั้นออกมาวางตรงหน้าฉัน ก่อนจะเดินวนไปมาหยิบกระดาษและซองมาหลายแผ่น
“นับเงินใส่ซองจ่ายคนงาน ลงรายการให้ด้วย”
“...”
“ทำไป ทำงานช่วยผัวแค่นี้คงไม่ตายหรอก”
“ประสาท”
ฉันว่าอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“นี่เธอ!”
คุณจอมทัพมองฉันดุ ๆ เมื่อได้ยินว่าฉันว่าเขาไปแบบนั้น แต่ก็แค่นั้นนั่นแหละเพราะเขาไม่ได้ดุหรือต่อว่าอะไรฉันอีก ฉันนั่งตัดกระดาษรายชื่อติดกับซองสีขาวเรียงไว้ตามใบรายการก่อนที่จะเริ่มนับเงินใส่ซองฉันไม่ลืมที่จะนับเงินก้อนที่อีกฝ่ายยกมาวางไว้ให้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาที่ฉันนั่งอยู่
ระหว่างที่นั่งทำงานที่อีกฝ่ายมอบหมาย โทรศัพท์ฉันที่อยู่ในกระเป๋าสะพายก็มีสายเรียกเข้ามาเป็นพิรัชที่โทรหาฉันในตอนนี้ กังวลเลยปกติมันไม่โทรหาฉันในตอนเช้า
“ว่าไง” ฉันรับสายที่โทรเข้ามา มือที่นับเงินอยู่ก็หยุดชะงักไปด้วยเช่นเดียวกัน
(เล่มหนึ่งเสร็จแล้ว)
“ก็ดีเลยสิ”
(มันก็ดี...) พิรัชเว้นเสียงไปจนฉันเริ่มใจไม่ดีขึ้นมาแทน
“อะไรพูดมาเลย เครียดแล้วเนี่ย” เอ่ยบอกเพื่อนทั้งยังขมวดคิ้วแน่น
(อยากให้เล่มสองออกทันงานหนังสือ พอจะทำได้ไหมอะ)
“...”
(พลอย ขอร้องนะ แฟนคลับเรียกร้องมากเลย นะ ๆ ช่วยเร่งอีกนิดนะพลอย)
“สัญญาเลยถ้าไปกรุงเทพฉันจะไปหยิกนายเลย”
“...” ฉันเอ่ยอย่างหงุดหงิด และเหมือนจะมีคนที่หงุดหงิดเหมือนกับฉันไม่น้อยเมื่อเอ่ยจบก็ได้ยินเสียงดังตึง! จากโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มีเจ้าของห้องทำงานนั่งอยู่และตอนนี้เขากำลังจ้องมาทางฉันดุ ๆ
เหมือนหมาแม่ลูกอ่อนจัง หงุดหงิดง่ายฉุนเฉียวง่ายเกิน
(จะให้หยิกเลย นะ...ขอร้องนะ)
“จะพยายามแต่ไม่รับปากนะ กลัวจะทำไม่ทันเหมือนกัน” เพราะฉันต้องดูแลคุณย่าด้วย ไหนจะต้องมาทำงานให้กับคนแก่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ นี่อีก ไม่กล้ารับปากเลยว่าจะเสร็จทันไหม
(เย้ ขอบคุณนะรักแก)
“ไม่ต้องมาปากหวาน ฉันจะไปคิดบัญชีเรียงคนเลย”
(มาเลย พร้อมมาก) ฉันคุยกับพิรัชอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายและทำหน้าที่ของตัวเองต่อ คุณจอมทัพตอนนี้ไม่ทำงานแล้วเพราะเขาเอาแต่กอดอกจ้องหน้าฉัน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เป็นฉันที่ทวนถามเมื่อถูกจ้องจากอีกฝ่ายแบบนั้น
“ใครโทรมา”
“พิรัชค่ะ” เอ่ยตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก ก็เขารู้จักเพื่อนของฉันหมดแล้วนี่นา
“ก็แล้วไป จะสั่งกาแฟเอาอะไร”
“อยากไป...” อยากไปซื้อที่ร้านเองอะ อยู่แต่ในห้องแคบ ๆ นั่งนับเงินเป็นแสนแบบนี้ฉันไม่ชอบ มันน่าอึดอัด และเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมเข้าใจแล้วตั้งใจแกล้งฉันเลย
“ไม่ได้ นั่งทำงานอยู่ตรงนั้นแหละ” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายหลุดยิ้มมุมปากเมื่อฉันเอนหลังพิงโซฟาแล้วทำหน้าหงุดหงิดติดจะงอแงเล็กน้อย