บทที่ 1 ครอบครัวสุขสันต์ของพรนับพัน EP.5

1283 Words
พลันภาพที่พบกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนก็แล่นวาบเข้ามา เพื่อนของวิลาสินีคนนี้ เธอไม่สามารถพูดข่มได้สักเรื่อง อย่างเรื่องหน้าตาที่อีกฝ่ายเหนือกว่า ทั้งๆ ที่แทบไม่มีเครื่องสำอางแต่งแต้ม แต่เครื่องหน้ากลับสวยงามเหมาะเจาะราวกับภาพวาด ผิดกับเธอที่ประโคมแต่งแต่ก็ได้เพียงแค่นี้ กระทั่งเรื่องเรียนที่เธอแสนจะภาคภูมิใจว่าตัวเองเรียนเก่ง ก็ดันแพ้หลุดลุ่ยอีกเช่นกัน พลันนึกถึงคำถามของอีกฝ่ายที่ถามว่าเธอไปเรียนต่างประเทศกี่ปี แสดงว่าอีกฝ่ายจงใจถามเพราะจำเธอได้แต่แรก และยังถามเรื่องมหาวิทยาลัยติดท็อปไฟฟ์จากอเมริกานั่นอีก นี่เป็นการพูดเยาะเย้ยเธอชัดๆ ปรางวลัยรู้สึกอับอายที่หลงพูดโอ้อวดออกไป และสิ่งที่ตามมาในความรู้สึกของเธอยามนี้ก็คือความโกรธปะปนด้วยความเจ็บใจ “ตกลงหนูมะปรางกับหนูขิมรู้จักกันมาก่อนหรือจ๊ะ แหม โลกช่างกลมจริงๆ คนกันเองทั้งนั้นจริงไหมคะคุณน้องพรรณ” “นั่นสิคะคุณพี่ ดิฉันก็เพิ่งรู้ว่าน้องขิมกับหนูมะปรางรู้จักกันมาก่อน” คุณพรพรรณรายพูดพลางมองไปยังบุตรสาวแวบหนึ่ง “แล้วคุณเมธีไปไหนล่ะคะ วันนี้ยังไม่เห็นเลย” สีหน้าของคนถูกถามเจื่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะปรับให้เป็นปกติโดยเร็ว “คุณเมธีให้ดิฉันกับลูกมาก่อนค่ะ เดี๋ยวจะตามมา” “อ๋อ เหรอคะ อ้าว...นั่นไง คุณเมธีมาพอดี” คุณพรพรรณรายเลยยิ้มออกมาได้ “ถ้าอย่างนั้นดิฉันกับลูกคงต้องขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปเตรียมตัวขึ้นเวทีแล้วค่ะ” เมื่อพูดจบคนที่ขอตัวก็เดินลิ่วๆ นำบุตรสาวไปยังเวทีที่ตัวเองจะต้องขึ้นไปพูดเปิดงาน ท่ามกลางช่างภาพทั้งหลายที่กำลังถ่ายภาพของคุณพรพรรณราย โดยมีสองแม่ลูกคู่นั้นมองตามหลังด้วยแววตากรุ่นโกรธระคนอิจฉา พรนับพันยืนอยู่ข้างๆ บิดาที่เพิ่งเดินทางมาถึงได้ไม่นาน ขณะที่มารดากำลังกล่าวเปิดงานอยู่บนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องจากแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งทยอยเข้ามาในงานจนหนาแน่น และต่างก็แต่งกายประกวดประชันกันเต็มที่ หญิงสาวกวาดตามองชุดหรูหราที่แต่ละคนสวมอยู่ หลายชุดอาจมีมูลค่ามากกว่าเงินที่ชนชั้นแรงงานหาได้ทั้งปีเลยทีเดียว เครื่องเพชรที่สวมกันอย่างไม่ยอมน้อยหน้า มีเท่าไรก็ขนมาสวมอวดกัน จนไม่ได้มองว่ามันเยอะเกิน แสงเพชรวูบๆ วาบๆ ทำให้นัยน์ตาของพรนับพันถึงกับพร่า เธอมองบรรยากาศเหล่านั้นด้วยแววตาเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน “ขิม ทะเลาะกับแม่มาอีกละสิ” คุณเมธีกระซิบถามบุตรสาวทั้งที่พอจะเดาได้ “คุณพ่อก็น่าจะเดาออก แล้ววันนี้ไม่มีนัดกับอีหนูคนไหนหรือคะ” หญิงสาวถามพลางมองบิดาด้วยสายตาเจือแววผิดหวังเสียใจ เพราะสาเหตุหลักที่บิดากับมารดาทะเลาะเบาะแว้งกันจนเลยเถิดและกระทบมาถึงเธอทุกครั้ง ส่วนใหญ่มาจากความเจ้าชู้ของบิดาทั้งสิ้น “ขิม พูดอะไรออกมาเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าก็เป็นเรื่องอีกหรอก” คุณเมธีพูดเสียงเบาก่อนจะมองไปรอบๆ ตัวอย่างหวาดระแวง จนบุตรสาวต้องมองอย่างอเนจอนาถใจ คนในครอบครัวของเธอคงเคยชินที่ต้องสร้างภาพแล้วกระมัง “ขิมได้ยินคุณพ่อประชดคุณแม่เรื่องปั้นหน้าหรือสร้างภาพอยู่บ่อยๆ ตกลงตอนนี้คุณพ่อก็ซึมซับเรื่องนั้นเต็มที่แล้วใช่ไหมคะ แต่ขิมคงจะทำใจให้ชินยาก” แม้จะเคยบอกมารดาว่า เธอซึมซับเรื่องการสร้างภาพไว้ในสายเลือดจนหมด ซึ่งนั่น...เธอพูดประชด บิดาทำหน้าเจื่อนลงทันควัน คงจะเป็นจริงอย่างที่บุตรสาวของเขาพูด เขาชอบพูดประชดใส่ภรรยาปาวๆ เรื่องการปั้นหน้าหรือสร้างภาพให้ตัวเองดูดีในสายตาผู้อื่น โดยลืมไปว่าเขาเองก็ต้องทำสิ่งนั้นเหมือนกันจนกลายเป็นความเคยชินไปโดยปริยาย พรนับพันไม่ได้พูดอะไรกับบิดาอีก เพราะเหลือบเห็นมารดาเดินลงจากเวที และกำลังตรงมาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยมีกลุ่มช่างภาพตามรุมกดชัตเตอร์ ซึ่งมารดาก็กวักมือเรียกหญิงสาวกับบิดาให้ไปถ่ายรูปด้วยกัน การปั้นสีหน้าของเธอจึงเริ่มขึ้น...และเธอรังเกียจสิ่งนี้ที่สุด หญิงสาวนั่งฉีกยิ้มอยู่ระหว่างบิดากับมารดา ขณะให้สัมภาษณ์กับนิตยสารชื่อดัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องฝืนใจทำอย่างมากถึงมากที่สุด ต้องทนฟังมารดาพูดถึงความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ ที่มีผู้ร่วมบริจาคเงินจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีการนำข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของบรรดาเหล่าเซเลบฯ ชื่อดังทั้งหลายออกประมูล จนเธอคิดเล่นๆ ว่าถ้าเอาชุดชั้นในมาประมูลได้ก็คงเอามากันแล้ว แล้วก็มาถึงคำถามเด็ดที่ผู้สัมภาษณ์จากนิตยสารตั้งใจจะถาม “ทราบมาว่าคุณพรพรรณรายกับคุณเมธีเคยเป็นคู่รักตัวอย่างมาตั้งแต่สมัยหนุ่มสาว จนคนในสังคมเรียกว่าเป็นคู่กิ่งทองใบหยก และปัจจุบันยังได้รับการยกให้เป็นครอบครัวตัวอย่างอีกด้วย ไม่ทราบว่าทั้งคู่มีเคล็ดลับอะไรในการครองชีวิตคู่คะ” คุณพรพรรณรายคลี่ยิ้มกว้าง “ดิฉันให้เกียรติกันทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ รวมทั้งเชื่อใจซึ่งกันและกัน” คำตอบของมารดาเกือบทำให้พรนับพันหลุดหัวเราะออกไป แต่ก็ยับยั้งไว้ได้ทัน แม้จะคาดเดาคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตามว่าต้องออกมาทำนองนี้ หญิงสาวแอบเห็นรอยยิ้มของคนสัมภาษณ์แวบหนึ่ง แล้วก็ได้ยินคำถามต่อมาซึ่งถามผู้เป็นบิดา “ถ้าอย่างนั้นที่เคยมีกระแสข่าวลือออกมาว่าคุณเมธีเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรคะ” คุณเมธียิ้มนิดๆ นัยน์ตาคมฉายแววจริงใจ “เป็นเพียงกระแสข่าวลืออย่างที่คุณพูดนั่นแหละครับ ผมได้ยินข่าวทำนองนี้บ่อยครั้ง ผู้หญิงที่เห็นกันอาจเป็นลูกน้องคนใดคนหนึ่งที่กระทรวง ซึ่งบางครั้งก็อาจต้องปรึกษาหารือเรื่องงานกันนอกสถานที่บ้าง มิเช่นนั้นผมคงไปหาที่ลับๆ คุยกันไม่ให้ใครเห็นเช่นนี้หรอกครับ” คุณเมธียกคำถามดังกล่าวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการตอบได้อย่างชาญฉลาด เล่นเอาพรนับพันแทบอยากจะหารางวัลดาราแสดงนำดีเด่นมามอบให้แก่บิดาเสียเดี๋ยวนั้น “แล้วคุณพรพรรณรายล่ะคะ รู้สึกอย่างไรกับข่าวลือดังกล่าวบ้างคะ” คุณพรพรรณรายยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง “ดิฉันไม่เคยเชื่อข่าวลืออยู่แล้วค่ะ เราให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ” ผู้สัมภาษณ์ยิ้มก่อนจะเอ่ย “เราก็ได้รับความกระจ่างจากทั้งคุณเมธีและคุณพรพรรณรายแล้วนะคะ คราวนี้ดิฉันอยากทราบความรู้สึกของคุณพรนับพัน ผู้เป็นบุตรสาวหน่อยนะคะว่ารู้สึกอย่างไรที่เกิดในครอบครัวที่เพียบพร้อมอย่างนี้คะ” คนที่ไม่ได้อยากจะร่วมแสดงละครโรงใหญ่นี้เลยสักนิดอย่างพรนับพัน ครั้นถูกถามเช่นนี้ก็ได้แต่ฝืนยิ้ม “ภูมิใจสิคะที่เกิดมาในครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยความรักความอบอุ่น” นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการสัมภาษณ์ เพราะหญิงสาวยังต้องอดทนปั้นหน้าตอบอีกหลายคำถาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD