“แม่พี่ทำอย่างนี้เสมอเวลาพี่กลับบ้าน ที่เห็นนี่ยังน้อยกว่าทุกครั้ง เดี๋ยวคงต้องให้จ่าทัศน์เอาไปแบ่งให้พวกลูกน้องกินบ้าง พวกนั้นกินแย้กันจนหน้าจะเป็นแย้อยู่แล้ว” เมื่อพูดถึงครอบครัวสีหน้าดุๆ ของแสนคมก็ดูอ่อนโยนลง
“นั่นสิครับ ผมเห็นพวกจ่าทัศน์จับแย้มาผัดเผ็ดกินกันประจำ” บดินทร์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ แล้วก็อดมองไปรอบๆ ตัวไม่ได้ เพราะมองไปทางไหนก็มืดสนิท นานๆ ครั้งจึงจะเห็นรถวิ่งสวนสักคัน
“พวกนั้นชอบมาชวนกินอยู่บ่อยๆ แต่พี่กินไม่ลงอดสงสารมันไม่ได้ พอเราจะเอ่ยปากห้าม ก็บอกว่าถึงเราไม่จับกินชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนี้ก็จับกินอยู่ดี พี่เลยไม่รู้จะพูดยังไง”
แสนคมรำพึงรำพันอย่างอ่อนใจ เขาย้ายไปอยู่ที่ไหนไม่ค่อยมีปัญหาเพราะเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ลำบากมากกว่านี้ยังเคยผจญมาแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่แตะต้องคือสัตว์ป่าทุกชนิด
“จ่าทัศน์กับจ่าโชติชวนผมอยู่เหยงๆ แต่ยังไม่เคยลอง เพราะพอนึกถึงตัวมันขึ้นมาทีไรแล้วกินไม่ลงทุกที” บดินทร์ทำเสียงกึ่งสยอง
“แถบนี้สัตว์เลื้อยคลานจำพวกแย้หรือกิ้งก่าค่อนข้างชุกชุม นายรู้ไหมร้านอาหารป่าหลายร้านมีแย้ผัดเผ็ดเป็นเมนูแนะนำเลยนะ” นายทหารรุ่นพี่บอกยิ้มๆ ทว่าขณะที่รถกำลังแล่นเข้าเขตหมู่บ้านได้ไม่นานนัก
“เอ๊ะ...พี่ดูโน่นสิครับ เหมือนมีรถใครจอดอยู่ข้างหน้า” บดินทร์อุทานพลางเพ่งสายตาฝ่าความมืด จนรถแล่นเข้าไปใกล้จึงเห็นว่ามีรถยนต์จอดอยู่ข้างหน้าจริงๆ เขาขยับมือขวาจับปืนพกที่เอวเตรียมพร้อมทันที
“พี่ก็กำลังมองอยู่เหมือนกัน” คนขับรถพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ ชะลอความเร็ว เพราะต้องขับรถตอนกลางคืนบ่อยครั้ง ทำให้แสนคมเป็นคนช่างสังเกตโดยเฉพาะพื้นที่แถบนี้
“รถเก๋งนี่ครับ”
“ใช่...หรูซะด้วย” แสนคมพึมพำเมื่อรถแล่นเข้าไปใกล้ ก่อนจะเพ่งมองเข้าไปในรถแล้วก็อุทานด้วยความแปลกใจ “ผู้หญิงนี่หว่า”
“นั่นสิพี่ ผู้หญิงที่ไหนมาจอดรถในที่เปลี่ยวๆ อย่างนี้ ไม่กลัวอันตรายเลยหรือไงนะ”
แสนคมไม่ตอบอะไร แต่ตัดสินใจเบนเจ้าดำคู่ใจเข้าจอดข้างทางแล้วค่อยๆ ก้าวลงจากรถ ทั้งยังจับปืนพกที่เอวไว้มั่น เพราะสถานการณ์รอบตัวดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจนัก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ กระจกด้านคนขับของรถที่จอดเปิดไฟอยู่ก็ค่อยๆ เลื่อนลง เมื่อนายทหารหนุ่มเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในรถชัดเจนก็ถึงกับชะงักด้วยความประหลาดใจและคาดไม่ถึงระคนกัน
‘แม่สาวชุดดำที่เขาพบที่ผับคืนนั้นและเมื่อตอนบ่าย ทำไมถึงมาจอดรถอยู่ที่นี่’
ขณะเดียวกัน พรนับพันที่กำลังตกอยู่ในอาการหวาดกลัวสภาพรอบกาย ทำให้วูบหนึ่งเธอคิดถึงบ้าน...บ้านที่แม้บางวันจะทำให้ร้อนรุ่มแต่ก็ยังดีกว่าต้องผจญกับความเยือกเย็นที่ประสบอยู่ในขณะนี้
ครั้นเห็นรถยนต์คันใหญ่วิ่งเข้ามา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนแรกคือดีใจ เพราะเธอกำลังนึกภาวนาให้มีรถผ่านมาสักทีเถอะ ความมืดมิดทำให้เธอแทบจะหลอนอยู่แล้ว ทว่าความรู้สึกต่อมาก็คือกลัว ด้วยไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในรถเป็นคนร้ายหรือคนดี แต่ครั้นเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดทหารไทยซึ่งกำลังเดินมาชัดๆ หญิงสาวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ช่วยฉันด้วยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอความช่วยเหลือทันที
คนที่ถูกเอ่ยขอความช่วยเหลือ ซึ่งกำลังอยู่ในอาการประหลาดใจและคาดไม่ถึงมองคนพูดนิ่งๆ แล้วความรู้สึกที่ตามมาก็คือใจหาย ถ้าหญิงสาวคนนี้ไม่พบเขากับบดินทร์ แต่พบกับกองกำลังของทหารกะเหรี่ยงเข้า อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น
“ทำไมถึงมาจอดรถในที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ คุณไม่รู้หรือไงว่ามันอันตรายมาก”
แสนคมถามเสียงเข้มพลางมองหญิงสาวที่เขาพบที่ผับคืนนั้นกับที่ซูเปอร์มาร์เกตเมื่อตอนบ่ายนี้อย่างประหลาดใจไม่หาย ว่าเหตุไฉนเธอจึงมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยชุดสวยงามราวกับจะไปงานเลี้ยง
น้ำเสียงดุๆ ของเจ้าของร่างสูงใหญ่ ที่เดินเข้ามาจนชิดประตู ทำให้คนถูกถามขุ่นเคืองไม่น้อย ใครอยากจะมาอยู่ในที่สถานที่เปลี่ยวๆ แบบนี้กันเล่า ถ้าไม่เกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ
“ฉันหลงทางค่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาจอดรถอยู่อย่างนี้หรอกค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน “แล้วคุณจะไปไหนไม่ทราบ”
“หมู่บ้านห้วยม่วงค่ะ” พรนับพันบอกชื่อหมู่บ้านที่ท่องจนขึ้นใจ ซึ่งคนฟังก็กวาดตามองรถยนต์คันงามของคนพูดแวบหนึ่ง “ผมกำลังจะไปที่นั่นอยู่พอดี”
“จริงหรือคะ” พรนับพันอุทานอย่างดีใจ “ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยขับรถนำทางให้หน่อยนะคะแล้วฉันจะขับตาม”
แสนคมมองสภาพรถคันหรูที่ไม่เหมาะกับสภาพถนนที่นี่แล้วโคลงศีรษะ
“คุณแน่ใจหรือว่าจะขับตามผมทัน”
หญิงสาวเหลียวไปมองรถคันใหญ่ด้านหลังแล้วนิ่งอึ้ง
“...”
“ถ้าคุณจะไปที่นั่นต้องให้ผมเป็นคนขับรถให้เท่านั้น”
นายทหารหนุ่มเสนอความคิด เพราะถ้าให้เธอขับรถตาม มีหวังได้หลงไปไหนต่อไหนอีกเป็นแน่เพราะความไม่ชำนาญ แม้แต่จ่าโชติยังเคยหลงทางแถวๆ นี้ ทั้งที่ทางเข้าก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง จนต้องยกมือขึ้นไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาถึงมองเห็นทาง เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่เป็นอันขาด
“แต่ว่า...”
หญิงสาวเกิดอาการลังเลและไม่ไว้ใจขึ้นมาทันใด หน้าตาหรือก็เพิ่งจะเคยเห็น จู่ๆ จะมาขอขับรถให้ ไว้ใจได้แค่ไหนเชียว
แสนคมมองแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงพูดตัดบทอย่างไม่แยแส
“ถ้าไม่ให้ผมขับก็นั่งรออยู่ตรงนี้จนถึงเช้าแล้วกัน”