คนถูกเรียกหัวเราะลั่น ท่านนายพลเองก็อดหัวเราะลูกชายไม่ได้ ก่อนจะเดินไปสวมกอดร่างสูงใหญ่อย่างคิดถึง “ไง...ไอ้เสือ หายหัวไปเลย ทั้งย่าทั้งแม่บ่นกันจนขี้หูพ่อร่วงกราว”
“งานค่อนข้างยุ่งครับพ่อ สาเหตุหลักก็รบรากับพวกลักลอบตัดไม้ทำลายป่าซะเป็นส่วนใหญ่ ก็คนของเรารู้เห็นเป็นใจด้วยซะเอง มันก็เลยได้ใจกัน” แสนคมพูดเสียงเครียดขรึมไร้แววล้อเล่นเหมือนเมื่อครู่
“คนพวกนี้โดนความโลภครอบงำไงลูก”
“ใช่ครับพ่อ ความโลภตัวเดียวจริงๆ ทำให้คนเราเห็นผิดเป็นชอบ จนมองข้ามความถูกต้อง”
เพราะมีนายทหารระดับหัวหน้าและรองจากหน่วยงานเดียวกับเขา กระทำการสมรู้ร่วมคิดกับพวกขบวนการตัดไม้ทำลายป่าและลักลอบขนสัตว์ป่า จนเรื่องแดงขึ้นมาจึงถูกสอบสวนเอาผิดทางวินัย กระทั่งโดนสั่งย้ายออกจากพื้นที่หลังจากนั้นไม่นาน แล้วจึงส่งคนใหม่คือแสนคมและนายทหารยศพันเอกอีกคนมาแทน เพื่อมาคอยขัดขวางขบวนการทำบ่อนทำลายทรัพยากรของชาติ
“ลูกก็ต้องระวังเนื้อระวังตัวด้วยนะลูก” คุณสราญรัตน์พูดอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
“ลูกเกิดเป็นทหารถ้าต้องตายเพราะหน้าที่ก็ถือว่าตายอย่างสมเกียรติ ทหารอย่างเราถูกปลูกฝังไม่ให้เกรงกลัวต่อความตายนะคุณ” บิดาของแสนคมพูดเสียงขึงขัง ซึ่งคุณสราญรัตน์เองก็รู้อยู่เต็มอก เธอมีสามีเป็นทหาร แถมลูกชายคนเดียวก็ยังเจริญรอยตามพ่อ ดังนั้นเธอเองก็คงต้องเตรียมตัวเตรียมใจ
“ใครจะตายตามหน้าที่ก็ตายไป แต่อย่าเพิ่งให้หลานฉันตายแล้วกัน ตอนนี้ไปกินข้าวกันก่อน เรื่องตายเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง” หม่อมราชวงศ์อรดีที่เพิ่งออกมาจากในครัวพูดเสียงดัง ก่อนจะคว้าข้อมือหลานชายตัวโตให้ตามเข้าไปในห้องอาหาร โดยมีบดินทร์เดินตามหลัง และมีพลโทพัชระกับภรรยาเดินรั้งท้าย
บดินทร์ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของแสนคมซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อน และไม่คิดว่าคนอย่างรุ่นพี่ยามอยู่กับครอบครัวจะมีบุคลิกอีกแบบ ถ้าไม่ได้มาเห็นเองเขาก็คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน
แสนคมในชุดเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนสีเข้มเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในขณะที่ทุกคนกำลังดูโทรทัศน์กันอยู่ บดินทร์เดินตามหลังมาในชุดคล้ายคลึงกัน ทำให้คุณสราญรัตน์เงยหน้าขึ้นทักอย่างสงสัย
“จะไปไหนหรือลูก”
“เพื่อนๆ คมนัดสังสรรค์กันน่ะครับแม่ นานๆ จะได้เจอกันสักครั้ง” แสนคมบอกมารดาพลางก้มลงมองชุดตัวเองแล้วส่ายหน้า “นานๆ จะแต่งแบบนี้สักทีดูเหมือนไม่ใช่ตัวเองเลย”
“นั่นสิ แม่ก็ไม่ค่อยคุ้นตาเหมือนกัน ความจริงลูกชายของแม่เวลาไม่แต่งเครื่องแบบนี่อย่างกับไอดอลเกาหลีเชียวนะ” คนเป็นแม่พูดหยอกเย้า ทว่าลูกชายกลับยิ้มเจื่อนๆ โบกไม้โบกมือพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆ ของบิดาและบดินทร์
“แม่ครับ ขอร้องเถอะครับ คมเป็นทหาร อย่าเอาไปเปรียบกับดาราพวกนั้นเลยครับ” คนถูกเปรียบเทียบบอกก่อนจะหันไปทางบิดา “ผมขอยืมรถพ่อหน่อยนะครับ”
“พ่อกำลังจะบอกอยู่พอดีว่า ให้เอาของพ่อไป ไม่ต้องควบไปหรอก ไอ้คันฝุ่นเขลอะน่ะ” บิดาบอกเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะยื่นกุญแจรถให้
“คมตั้งใจจะเอารถพ่อไปอยู่แล้ว เพราะรถคมไม่น่าจะเหมาะกับผับแถวทองหล่อเท่าไหร่ งั้นขอตัวก่อนนะครับ”
บุตรชายคนเดียวตอบแล้วจึงเดินนำนายทหารรุ่นน้องตรงไปยังรถของบิดา เมื่อเข้าไปนั่งเรียบร้อยก็ชำเลืองไปมองรถของเขาที่จอดอยู่เคียงกัน พลางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะสตาร์ตเครื่อง เพื่อไปยังสถานที่นัดหมายในทันที ครั้นรถแล่นออกมาได้สักระยะ บดินทร์ก็พูดกับนายทหารรุ่นพี่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ผมนึกว่าพี่จะเอาไอ้ดำไปซะอีก”
“จริงๆ พี่ชอบขับคันนั้นมากกว่านะ แต่เราก็ควรให้เกียรติสถานที่ ขืนเอาไปมีหวังเด็กรถที่นั่นคงไม่ยอมให้เราจอดหรอก” แสนคมพูดด้วยน้ำเสียงแฝงรอยเยาะหยัน เพราะคนเรามักจะวัดค่ากันที่วัตถุภายนอกจริงๆ
บดินทร์พยักหน้าเห็นด้วย และเมื่อไปถึงผับดังกลางซอยทองหล่อทุกอย่างก็เป็นไปตามที่พูดไว้ เด็กดูแลรถกุลีกุจอจัดที่จัดทางให้อย่างพินอบพิเทา แสนคมเหลียวมองดูรถหรูหรายี่ห้อแพงๆ ที่จอดอยู่ราวกับเต็นท์ขายรถแล้วหันไปยิ้มให้นายทหารรุ่นน้อง
“ถ้าเอาไอ้ดำของพี่มาคงถูกไล่ให้ไปจอดข้างนอกแน่”
บดินทร์พยักหน้า “ก็พี่ดูรถแต่ละคันสิครับ ราคาเป็นสิบๆ ล้าน ไม่รู้เอาเงินจากไหนไปซื้อกันนัก คนไทยนี่รวยกันจริงๆ”
“นั่นสินะ” แสนคมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเดินนำเข้าไปในผับกึ่งบาร์ที่ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น เพราะนอกจากโต๊ะที่จัดวางไว้ตามมุมแล้ว ยังมีสตูลตั้งเรียงอยู่หน้าเคาน์เตอร์สำหรับคนที่อยากทำตัวเป็นจุดเด่นหรือจุดสนใจ ส่วนด้านนอกมีโต๊ะตั้งไว้ให้ลูกค้าที่ชอบบรรยากาศโล่งๆ โปร่งสบาย เจ้าของร้านเองคงจะมีหัวทางด้านศิลปะไม่น้อย เพราะนำขวดเหล้ารูปทรงแปลกตามาประดับประดาตามจุดต่างๆ ดูมีเอกลักษณ์แปลกตาไม่ซ้ำแบบใคร
ขณะผู้พันหนุ่มกำลังให้ความสนใจแก่การตกแต่งร้าน นายทหารรุ่นน้องก็สะกิดเบาๆ
“ผมว่ารีบมองหาเพื่อนๆ พี่ดีกว่า ยืนอยู่แถวนี้นานๆ ชักไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นะครับ”
น้ำเสียงแปลกๆ ของบดินทร์ทำให้แสนคมเหลียวมองรอบๆ ตัว แล้วเขาก็ได้ยินเสียงผิวปากวี้ดวิ้วดังมาจากทั้งสาวแท้สาวเทียมที่นั่งกันอยู่ที่บาร์ และกำลังหันมาจับจ้องเขาสองคนเป็นตาเดียว เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบผละออกมาจากบริเวณดังกล่าวด้วยสีหน้าปั้นยาก แล้วกวาดตามองหากลุ่มเพื่อน