กลิ่นอายรัก 7

1944 Words
กลิ่นอายรัก 7 ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์แล้วที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วทำหน้าที่...คนใช้ ความรู้สึกฉันมันบอกแบบนั้นจริง ๆ นะวันนี้วันหยุดยาวสามวัน เราชาวแผนกนัดกันไว้ว่าจะไปล่องแก่งที่นครนายกด้วยกัน ทริปเรามีทั้งหมดสิบเอ็ดคนเลยล่ะฉันจะไม่ตกใจถ้าเห็นเพียงพี่ดาและพี่กรรณเลขาเจ้านาย แต่นี่กลับมีเจ้านายมาด้วยแล้วจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันละคะ อีกอย่างเราขับรถกันมาเองมีรถสามคันส่วนคันที่ฉันนั่งนั้น อย่าพูดถึงเลยค่ะเศร้าใจ พอพยายามหนีห่างจากเขาทำไมกลับรู้สึกว่าตัวเองต้องใกล้ชิดเขามากกว่าเดิมแบบนี้ก็ไม่รู้ ส่วนรถอีกสองคัน คันแรกมีพี่เพชร พี่ดาว มิน อีกคันมีพี่มายุ พี่ท้อ พี่ตอง และจิ้ม แต่ทำไมไม่ให้ฉันนั่งรถคันเดียวกับจิ้มหรือมินล่ะทำไมจู่ ๆ ถึงโผล่มาที่คันนี้ก็ไม่รู้ “คุณผิง...” “พี่ดาไม่เรียกแบบนั้นสิคะพี่” เอ่ยเตือนพี่สาวคนสวยเสียงงอแง “โอ๊ะ พี่ลืมค่ะ น้องผิงรับเครื่องดื่มอะไรดีคะพี่จะลงไปซื้อตอนแวะปั๊มน้ำมัน” พี่ดาเอ่ยถาม “หนูไปด้วย” “ได้ค่ะ” “ซื้อกาแฟมาให้ด้วย...” คนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่เอ่ยบอก แต่ฉันเงียบไม่ได้ตอบคิดว่าเขาคงจะบอกพี่ดาที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังกับพี่กรรณ ส่วนวันนี้เจ้านายทำหน้าที่ขับรถและฉันมีโอกาสนั่งเบาะด้านหน้า อึดอัดดีเหมือนกัน “ผิงกั่ว” “คะ?” ขานรับพร้อมกับเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ที่แอบบ่นกับเพื่อนว่าอึดอัดอยากไปนั่งด้วย แต่เพื่อนก็หัวเราะแล้วบอกว่าอดทนไปก่อน “ซื้อกาแฟมาให้ด้วยได้ยินไหม” “ก็บอกพี่ดาสิคะเจ้านาย” “จะบอกเมียตัวเองไม่ได้หรือไง” ภายในรถตกอยู่ในความเงียบทันทีที่เจ้านายเอ่ยจบ ถึงแม้พี่เลขาทั้งสองคนจะรู้อยู่แล้วก็ตามแต่เขานั้นต่างปฏิเสธตั้งแต่ต้นเราจึงไม่เคยเอ่ยถึงสถานะนั้นกันแต่ทำไมวันนี้จู่ ๆ เขาถึงได้พูดแบบนั้น “เอ่อ เจ้านาย อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ...” บอกกับเจ้านายเสียงเบาไม่หันกลับไปมองหน้าคนที่ทำหน้าที่ขับรถเลยสักวินาทีเดียว เงียบอยู่นานหลายสิบนาทีกระทั่งรถเลี้ยวเข้ามายังปั๊มน้ำมันฉันไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อนกับพี่ ๆ ไม่ลืมเอ่ยอ้อนขอย้ายรถแต่พี่ ๆ ทุกคนต่างปฏิเสธบอกว่ากลัวจะเสียมารยาทหากจู่ ๆ ฉันก็เปลี่ยนรถนั่งเลยจำต้องยอมนั่งคันเดิมต่อไป “ไปเข้าห้องน้ำก่อนไหมแล้วค่อยเข้าไปซื้อน้ำ” “อื้อ เอาสิ พี่มายุบอกจะซื้อขนมมาให้เราไม่ต้องเดินไปร้านสะดวกซื้อก็ได้ รอไปร้านน้ำทีเดียวเลย” ฉันกับเพื่อนเข้าไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำก่อนจะเดินกลับออกไปที่ร้านน้ำเพื่อสั่งเครื่องดื่มให้ทั้งตัวเองและให้พี่ ๆ ที่ฝากซื้อ แต่ไม่ใช่รถคันที่ฉันนั่งหรอกนะเพราะคันฉันมีพี่ดาจัดการให้อยู่แล้ว “น้องผิงสั่งกาแฟให้บอสด้วยนะคะ บอสรออยู่” “เอ่อ แล้วเจ้านายจะดื่มอะไรคะ” ถามกลับเสียงเบา ก็นึกว่าพี่ดาจะสั่งให้นี่นา “อเมริกาโน่ก็ได้ค่ะ” “ค่ะ เดี๋ยวหนูสั่งเองพี่เอาอะไรเดี๋ยวหนูไปสั่งให้ทีเดียว” “เอามัคคิอาโต้เย็นแล้วก็ม็อคค่าปั่นก็ได้ค่ะ” พี่ดาบอก “ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปสั่งเพิ่มก่อน” ตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้วก็ว่าได้ เราจะไปแวะกันที่เขาช่องลมกันก่อน แต่พอฉันเห็นบันไดที่ต้องเดินลงไปนั้นก็เข่าอ่อนทันที “ไหวไหมวัยรุ่น” พี่เพชรเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าฉันกำลังทำหน้างอแงระหว่างที่กำลังเดินลงบันไดเพื่อไปขึ้นเรือนั่งเข้าไปยังด้านใน ส่วนจิ้มมันเอาแต่ขำที่ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาแต่ก็ยังเอ็นจอยไปกับพี่ ๆ ที่ชวนคุยและแวะถ่ายรูป “เดินดี ๆ” ฉันไม่รู้ว่าทีมเจ้านายและเลขานั้นเดินตามหลังเข้ามาใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตอนนั่งเรือเข้ามาเราไม่ได้นั่งลำเดียวกันเลยไม่เห็น “ค่ะ” ตอนนี้ไม่มีแรงตบตีกับใครหรอกนะเพราะแค่บอกตัวเองให้เดินดี ๆ แล้วไม่สะดุดก็ยากมากพอแล้ว “ไหวไหมผิง” พี่มายุร้องถาม “ไหวค่ะพี่ เดินกันต่อเลย” ร้องบอกพี่มายุหัวหน้าแผนกที่ฉันรู้สึกเหมือนพี่สาว เราเดินกันมาเรื่อย ๆ กระทั่งถึงจุดถ่ายรูป สีเขียวชอุ่มของต้นไม้ทำให้รู้สึกสบายตาอยู่มาก แต่สิ่งที่ไม่สบายเลยคือร่างกายฉันค่ะเหมือนจะแยกออกจากกันอยู่รอมร่อ นี่สินะโทษของการไม่ออกกำลังกาย “เดินไปอีกนิด จะมีน้ำตกใช่ไหมเขาบอกมาเมื่อกี้ เราเดินกันต่อไหม?” พี่ท้อถาม แน่นอนว่าถ้ามาแล้วก็ต้องไปต่อให้สุด “ไปค่ะ!” ไม่รีรอที่จะตอบตกลง ดังนั้นเราจึงเดินกันอีกนิดเพื่อไปยังน้ำตก “เอาละ พี่นอนตรงนี้เลยได้ไหมแค่เห็นบันไดก็ท้อแล้ว” กระทั่งถึงเวลาที่เรากลับเข้ามายังฝั่ง บันไดราว ๆ สามร้อยขั้นโชว์เด่นตรงหน้าเราทั้งกลุ่ม “ไปพี่ท้อ กลับด้วยกัน มาหนูพยุงเอง” พี่ดาวเข้าไปจับมือพี่ท้อจากนั้นก็เริ่มเดินไปด้วยกัน รวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย แต่ว่าฉันน่ะเดินรั้งท้ายทุกคนเลย ขาสั่นไปหมดแล้วเดินมาถึงครึ่งทางก็หยุดเดินและนั่งลงที่ขั้นบันไดอย่างอ่อนแรง ฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!! แม่จ๋าหนูอยากกลับบ้านแล้ว “ไหวไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับเงาหนึ่งที่ขยับมายืนบังแดดตอนบ่ายให้กับฉัน “หือ?” “หน้าซีดเกินไปแล้ว” เจ้านายทรุดนั่งลงข้าง ๆ มือก็ยื่นมาเช็ดเหงื่อที่กรอบหน้าออกให้และเพิ่งสังเกตว่าตอนนี้พี่ดากับพี่กรรณเดินนำขึ้นไปแล้ว ฉันจึงค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นยืนกลัวว่าทุกคนจะรอนาน “ขึ้นหลังมา” “ไม่เอา ไม่เหมาะ” “อย่าเพิ่งดื้อ ขึ้นหลัง” เขาสั่งเสียงเข้มก่อนจะจับมือฉันให้อยู่ด้านหลังเขา จากนั้นก็กระตุกมือให้ฉันขยับเข้าใกล้และควบขึ้นหลังคนตัวโตอย่างง่ายดาย ระหว่างที่อยู่บนหลังเราต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรกัน บนจุดสูงสุดของบันไดมีกลุ่มพี่ ๆ เพื่อน ๆ ยืนรออยู่ “ปล่อยก่อนดีไหมเดี๋ยวเดินต่อเองค่ะ” “เงียบไปเลย จะถึงแล้ว” “แต่คนอื่นจะสงสัย...” “เขารู้กันหมดแล้วเถอะ” “ฮะ? อะไรนะรู้อะไร...” “...” “คุณคิเรย์” “เงียบเถอะน่า จะถึงแล้ว” เขาไม่ยอมไขข้อข้องใจให้ฉันแต่เลือกที่จะสั่งเสียงเข้มให้เงียบ ฉันจึงต้องเงียบปากตัวเองแม้จะยังสงสัยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก “ไหวไหม? หน้าซีดมากเลย” พี่ท้อรีบทักอย่างเป็นห่วง เมื่อคุณคิเรย์ก้าวขึ้นมาถึงบันไดขึ้นบนสุด “ไหวค่ะ เจ้านายวาง...” “ไปที่รถเถอะครับ จะได้ไปหาอะไรกินด้วยเลย” เจ้านายไม่ได้ฟังแต่กลับรีบเดินตามสันเขื่อนเพื่อกลับไปขึ้นรถที่จอดไว้ตรงลานจอด “สั่งสตาร์ทรถรอหน่อย” เจ้านายสั่งมือข้างหนึ่งล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วส่งมาให้ฉัน “ทำไม่เป็นค่ะ” “จะบอกวิธี” ระหว่างที่เดินไปลานจอดรถเขาก็สอนให้สตาร์ทรถผ่านโทรศัพท์ของเขา เมื่อมาถึงรถเจ้านายก็รีบส่งฉันให้ขึ้นไปนั่งบนเบาะรถด้านหน้าทันทีโดยที่ด้านหลังเขานั้นมีพี่ดาและพี่กรรณเดินตามมาไม่ห่าง ส่วนพี่ ๆ และเพื่อนฉันแยกไปขึ้นรถแล้วเช่นเดียวกัน “โดนตัวอะไรต่อยมา” ฝ่ามือร้อนจับที่ต้นขาเบา ๆ เพื่อดูอะไรบางอย่างและฉันเองพอถูกทักแบบนั้นก็ก้มมองตาม พบว่าตรงบริเวณท่อนขามีจุดแดง ๆ สามสี่รอยและรอบ ๆ รอยนั้นเริ่มบวมแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ทำแผลก่อนแล้วค่อยตามไปที่ร้านอาหาร” เจ้านายบอกแค่นั้นมือก็รับยาหลอดสีขาว ๆ มาจากพี่ดา โดยที่มือข้างหนึ่งกำลังใช้ทิชชูเปียกเช็ดที่รอบ ๆ แผลให้ก่อนจะป้ายยาเนื้อครีมสีขาวลงบนรอย “มาที่แบบนี้ยังจะใส่ขาสั้น” และแล้วอีกฝ่ายก็เริ่มบ่น ฉันปิดปากเงียบสนิทไม่คิดตอบหรือต่อบทสนทนาอะไรกับอีกฝ่าย ตอนนี้ความรู้สึกฉันมันสับสนกันไปหมดแล้ว “ขอบคุณค่ะ” “...” เอ่ยขอบคุณคนที่ช่วยทำแผลและยังช่วยแบกฉันขึ้นบันไดพากลับมาที่รถอีก แต่ก็ใจเสียไม่น้อยเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบไม่ได้พูดอะไรออก เขากำลังจะโมโหฉันแล้วใช่ไหม ระหว่างที่นั่งรถไปกินข้าว ก่อนเข้าที่พักระหว่างเรามีเพียงความเงียบ เงียบจนน่าอึดอัดและฉันมั่นใจว่าทั้งพี่ดาและพี่กรรณต่างรู้สึกได้ ในที่สุดเราก็มาถึงที่พักกันเสียที ห้องพักหนึ่งห้องพักได้สี่คนแต่เพราะพี่ ๆ แบ่งกันแล้วฉันพักกับจิ้มและพี่ดา อีกห้องของสาว ๆ จะมีพี่มายุ พี่ท้อ พี่ดาว พี่ตอง ห้องผู้ชายมีสองห้องคือพี่เพชร มิน พี่กรรณ ส่วนเจ้านายพักห้องเดี่ยวพิเศษ “สักบ่ายสามครึ่งเราไปล่องแก่งกันนะ เดี๋ยวจองกับทางที่พักให้เอง” เรานัดแนะกันก่อนจะเดินแยกไปที่ห้องพักของตัวเอง ห้องพักก็จะอยู่ติดกันนี่แหละเป็นหลังและติดกับริมน้ำด้วย กิจกรรมล่องแก่งก็อยู่ริมน้ำติดกับที่พัก ทันทีที่ถึงห้องพักฉันก็เลือกเตียงนอนและกระโดดขึ้นไปนอนเอนหลังทันที “เราอายุเท่าไหร่กันทำไมปวดหลังแบบนี้” ฉันบ่นเสียงอู้อี้จนพี่ดาและจิ้มหัวเราะลั่นอย่างพอใจ “มีใครจะอาบน้ำก่อนไหม?” พี่ดาถาม “หนูยังไม่อาบค่ะพี่ดา จะไปล่องแก่งก่อน” “งั้นพี่ขออาบก่อนเลยแล้วกันเหนียวตัวมาก” “ได้ค่ะพี่” เอ่ยตอบพี่ดาและตาก็กำลังจะปิด ช่วงที่กำลังจะเคลิ้มหลับฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อที่จะได้ไปทันนัดล่องแก่งกับพี่ ๆ เอาละ อีกหนึ่งชั่วโมงสิบนาทีนอนพักเอาแรงก่อนแล้วกันจะได้ล่องแก่งให้สนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลย “อ้าว หลับไปแล้วเหรอ?” “ค่ะ เพิ่งหลับไปสักพักเอง ให้ดิฉันปลุกให้ไหมคะ” “ไม่เป็นไรครับให้เขาพักเถอะ จะไปล่องแก่งกับพนักงานคนอื่นไหมครับ” “ไปค่ะ” “ฝากดูด้วยนะครับ ช่วงนี้ก็ดื้อหน่อย” “ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันดูแลให้เอง” “ครับ ฝากด้วยมีอะไรบอกผมได้เลย” “ค่ะบอส”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD