กลิ่นอายรัก 6

1696 Words
กลิ่นอายรัก 6 “กลับบ้านได้แล้ว” “ไม่เอาอยากนอนกับแม่” “ไม่ได้ แต่งงานแล้วกลับบ้าน ไม่งั้นแม่จะไม่กินยา” เพราะคำขู่ของแม่ที่เอ่ยมาเมื่อสิบนาทีก่อนทำให้ตอนนี้ฉันต้องขับรถกลับมาที่บ้านของเจ้านาย ขอเรียกว่าเจ้านายแล้วกันเพราะระหว่างเราไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้อยู่แล้ว ระหว่างจอดรถที่โรงจอดรถข้าง ๆ รถของเจ้าของบ้านฉันก็หยิบโทรศัพท์โทรหาแม่ทันทีเพื่อดูว่าแม่ได้กินยาตามที่หมอสั่งหรือเปล่า หากแม่ไม่ได้กินแม่จะเหม่อลอยจนน่าตกใจเลยล่ะเรียกก็ไม่หันไม่สนใจไม่เอาใครเลย แต่มีช่วงหลัง ๆ มาที่กินยาตามที่หมอสั่งและฉันก็ดูแม่กินยาทุกครั้งแม่ถึงได้เริ่มดีขึ้น เมื่อวางสายจากแม่ถึงได้เดินลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าทำงาน ถ้าให้เดาตอนนี้เพื่อนของเจ้าของบ้านก็คงจะยังไม่กลับเพราะรถที่จอดอยู่หน้าบ้านมีอยู่ถึงสามคันเลยก็ว่าได้ ฉันจะเข้าทางไหนดีนะ ไม่อยากเข้าไปเจอเจ้านายกับกลุ่มเพื่อนเขาเลย ไม่ได้อยากงี่เง่าหรือมีปัญหาอะไรแต่ฉันแค่รู้สึกแปลกแยกจากพวกเขาแค่นั้นเองเลยไม่ค่อยสบายใจที่จะเจอ “เข้าทางหลังบ้านดีกว่า...” พึมพำกับตัวเองเสียงเบาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมา อย่างน้อยถ้าเข้าทางหลังบ้านก็จะแอบขึ้นบันไดได้อย่างแนบเนียน.... “กินข้าวมาหรือยัง?” เท้าที่กำลังจะก้าวเดินมีอันต้องชะงักค้างไปอีกครั้งเมื่อมีเสียงทุ้มของเจ้าของบ้านเอ่ยทักแค่นั้นยังไม่น่าตกใจเท่ากับเจ้าของบ้านยื่นมือมาแย่งกระเป๋าฉันไปถือไว้เองนี่อีก เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงทำดีและพูดดีกับฉัน เขาไม่สบายหรือเป็นอะไรหรือเปล่า “ว่าไง” “กินมาแล้วค่ะ” “เพื่อนยังดื่มกันอยู่เลย ที่ห้องนั่งเล่น เดี๋ยวพาขึ้นไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเข้าทางหลังบ้านก็ได้...” “หลังบ้าน? ไปทำไม เป็นเจ้าของบ้านจะเข้าทางหลังบ้านให้คนอื่นหัวเราะหรือไง” และแล้วก็พูดกันดี ๆ ได้ไม่นาน คนเราจะฝืนทำสิ่งที่ไม่ชอบได้นานแค่ไหนกันเชียว ดูอย่างคนตรงหน้าสิ ห้านาทียังถือว่ามากไปด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากมีปัญหาอะไรเลยยอมตามเจ้าของบ้านเงียบ ๆ กระทั่งเดินเข้ามาถึงส่วนห้องนั่งเล่นก็เจอกับกลุ่มเพื่อนของเจ้าของบ้านที่นั่งดื่มกันอยู่รวมถึงแฟนของเจ้าของบ้านที่รีบเดินเข้ามาควงแขนแฟนเจ้าตัว ตลกดีเหมือนกันกับสถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้ “อ้าวน้องผิง กินข้าวหรือยัง?” พี่คนหนึ่งที่ฉันยังจำชื่อไม่ได้เอ่ยทัก ฉันจึงถือโอกาสยกมือไหว้เพื่อนเจ้านายทุกคนในคราวเดียว “สวัสดีค่ะ กินแล้วเรียบร้อยค่ะ” เอ่ยตอบไม่ลืมส่งยิ้มให้กับกลุ่มคนที่นั่งอยู่ “วันนี้ขอรบกวนด้วยนะ” “ค่ะ ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยบอกอย่างเกรงใจ ก็เจ้าของบ้านยืนอยู่ตรงนั้นจะมาขออะไรฉันล่ะจริงไหม “ขอกระเป๋าคืนได้ไหมคะ?” เอ่ยบอกคนตรงหน้าเสียงเบา เพราะรู้สึกเกรงใจมากจนไม่กล้าให้เขาถือกระเป๋าตัวเองต่อ ก็แฟนเขากอดแน่นแบบนั้นฉันเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับคู่รักอย่างพวกเขานี่นา “เดี๋ยวขึ้นไปด้วยกัน” เจ้าของบ้านบอกสั้น ๆ ก่อนจะดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของแฟนสาวของเขา มือใหญ่ยื่นมาจับแขนฉันแล้วออกแรงดึงให้ฉันเดินไปพร้อมกับเขา จังหวะที่เดินขึ้นบันไดเขาให้ฉันเดินขึ้นไปก่อนโดยที่เจ้าตัวนั้นคอยเดินตามอยู่ทางด้านหลัง กระทั่งถึงห้องนอน “กินข้าวมาแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?” “กินมาแล้วค่ะ กลับไปกินกับแม่มาแล้ว” “ปกติตื่นกี่โมง...ทำไมถึงต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดแบบนั้น” เจ้าของบ้านเอ่ยถามพร้อมกับวางกระเป๋าฉันที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะมุมห้องที่มีกระเป๋าของเขาวางอยู่ อะไรของเขากัน แบบนี้คือบทจะดีเหรอ? แล้วอีกสิบนาทีข้างหน้าเขาก็จะหงุดหงิดแล้วต่อว่าฉันด้วยคำพูดแรง ๆ อีกใช่หรือเปล่า “แล้วแต่วันค่ะ” “พรุ่งนี้ออกจากบ้านพร้อมกัน” “ไม่ได้หรอกค่ะ” “ทำไม?” เจ้าของบ้านทวนถามพร้อมกับเดินมานั่งที่ปลายเตียงจ้องมองฉันด้วยสายตาคุกรุ่น เห็นไหมล่ะว่าอีกไม่นานเขาก็จะกลับมาโมโหฉันเหมือนเดิม “ต้องออกไปหาแม่ก่อนไปทำงานค่ะ อีกอย่างเราแยกกันไปก็ดีแล้ว...” “แต่เธอต้องทำมื้อเช้าให้ฉัน ไหนจะมื้อเย็นอีก จำไม่ได้เหรองานบ้านก็ไม่เคยทำ กับข้าวเสื้อผ้านั่นอีก ใจคอ...” “อ๋อ ค่ะเข้าใจแล้วค่ะ” ฉันก็ลืมไปว่าเข้ามาที่นี่ในฐานะอะไร ต้องขอบคุณเขาสินะที่ช่วยย้ำเตือนให้ฉันจำหน้าที่ของตัวเองได้ “ผิง...” “ขอตัวก่อนนะคะ ส่วนเรื่องหน้าที่เดี๋ยวดิฉันจัดการงานตัวเองค่ะ ขอบคุณที่ช่วยย้ำเตือน” เอ่ยบอกอย่างขอบคุณจริง ๆ ฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองติดมือมาด้วยฉันใช้เวลาในห้องน้ำนานกว่าปกติส่งข้อความคุยกับเพื่อนหวังให้ความคุกรุ่นภายในใจลดน้อยลง ปรับจิตใจให้เป็นปกติก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดพร้อมเข้านอน ดีที่ว่างานที่รับผิดชอบฉันจัดการจนเหลือแค่งานรายวันแล้วหากไม่มีการโยนงานมาใส่ฉันอีกก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ภายในห้องนอนเงียบสนิทไม่มีเจ้าของบ้านอยู่ นับว่าดีมาก ๆ เพราะฉันเองก็ไม่อยากเจอหรือคุยกับเขามากนัก การเจอกันของเราทั้งสองคนไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันไม่มีความประทับใจแฝงอยู่ด้วยเลยสักนิด มันเต็มไปด้วยการประชดประชัน การพูดจาไม่ให้เกียรติและอารมณ์ที่แสนจะหงุดหงิด นั่นเลยทำให้ฉันไม่ค่อยอยากจะเจอหรือคุยกับเขา เกือบสี่ทุ่มพาร่างตัวเองเดินเข้าใกล้เตียงนอนฝั่งตัวเองล้มตัวลงนอนบนเตียงยื่นมือไปปิดไฟกระทั่งภายในห้องนอนมีเพียงแสงสลัวจากไฟในห้องน้ำส่องออกมา ฉันกลับตาลงเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยล้าระหว่างที่กำลังเคลิ้มหลับ ภายในหัวก็เริ่มคิดสิ่งที่จะทำพรุ่งนี้ในตอนเช้า ฉันเปลี่ยนเวลานาฬิกาปลุกแล้วตื่นเร็วขึ้นสักหนึ่งชั่วโมงก็คงจะทำอะไรเสร็จและออกไปทำงานไม่สาย เอาละผิงกั่วนอนพักได้แล้วพรุ่งนี้ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะนะ 04.10 น. ตะกร้าผ้าของเจ้าของบ้านถูกยกลงมาที่ห้องซักหลังบ้าน ระหว่างรอเสื้อผ้าของเจ้าของบ้านซักเสร็จฉันก็ทำความสะอาดบ้านด้านล่างตอนนี้คงทำแค่กวาดและถูพื้นไปก่อนเพราะถ้าเช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์วันนี้ฉันอาจจะไม่ได้ไปทำงานก็เป็นได้ เสร็จจากทำความสะอาดก็ตากเสื้อผ้าตอนนี้จะหกโมงเช้าแล้วด้วยต้องรีบเข้าครัวเตรียมมื้อเช้าแล้ว วันนี้เป็นเมนูข้าวต้มง่าย ๆ พร้อมกับเครื่องเคียง ฉันไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไรหรือกินอะไรไม่ได้บ้างจึงทำข้าวต้มหมูสับไว้ให้ ทำทุกอย่างเสร็จตอนหกโมงครึ่ง เหลือบตามองนาฬิกาก็ต้องรีบกลับขึ้นห้องนอนเพราะต้องอาบน้ำออกไปทำงานแล้ววันนี้คงไม่ได้ไปหาแม่เอาไว้เดี๋ยวฉันโทรหาแม่ตอนถึงที่ทำงานก็แล้วกัน จังหวะที่เปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เจอกับเจ้าของห้องเดินออกจากห้องน้ำฉันเลี่ยงที่จะคุยกับเขาและรีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายตัวเองบ้าง พยายามเร่งไดร์เป่าผมสุดชีวิตแล้ว ไม่น่าสระผมตอนนี้เลยจะแห้งตอนไหนล่ะเนี่ย เอาพอหมาด ๆ ก็แล้วกัน บอกตัวเองอย่างปลงตกรีบแต่งตัวและแต่งหน้านับว่าเป็นเรื่องดีที่ฉันไม่ชอบแต่งหน้าเท่าไหร่เลยใช้เวลาไม่นานทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเองก็เสร็จเรียบร้อยยกเว้นเพียงเส้นผมที่ยังชุ่มอยู่ “ทำไมไม่เป่าผมให้แห้ง” แอบตกใจอยู่มากที่เปิดประตูห้องออกมายังเจอคนเป็นเจ้าของบ้านและเขากำลังยืนทำอะไรสักอย่างที่โต๊ะทำงานของเขาที่มุมห้อง บ้าจริงฉันต้องเดินไปเอากระเป๋าตัวเองตรงนั้นด้วยนี่ “จะสายแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” รีบเอ่ยบอกเจ้าของบ้านที่พ่วงด้วยตำแหน่งเจ้านาย ฉันรีบเดินเข้าไปเอากระเป๋าตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะที่เขายืนอยู่ด้วยท่าทีระแวดระวังตัว “รอไปด้วยกัน” “คงไม่เหมาะค่ะ กลัวว่าคนอื่นจะเห็น ส่วนมื้อเย็นจะรีบกลับมาทำให้นะคะ ขอตัวก่อนค่ะเจ้านาย” รีบบอกอีกฝ่ายเร็ว ๆ จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องนอนทันที “คุณผิงคะ รับมื้อเช้าเลยไหมคะ” “ตอนนี้ไม่ทันแล้วค่ะผิงต้องไปแล้ว ผิงทำเผื่อป้ากับลุงด้วยนะคะแบ่งไปกินได้เลยนะคะ แล้วก็ฝากจัดให้กับเจ้านายด้วยค่ะ หนูขอตัวก่อน สายแล้วค่ะ” รีบเอ่ยบอกป้าแม่บ้านที่มองตามหลังมาฉันวิ่งขึ้นรถดึงสติตัวเองจากนั้นก็สตาร์ทรถเดินทางมาทำงานทันที ไม่อยากจะเชื่อเลยตอนนี้เจ็ดโมงสี่สิบแล้ว รถติดจนแทบจะไม่ขยับเลยด้วยซ้ำยังดีที่บริษัทเข้างานตอนเก้าโมงครึ่ง จะว่าไปติดบนถนนแบบนี้ยังดีกว่าที่ต้องอยู่บ้านหลังนั้นล่ะนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD