ตอนที่ 3 Challenge EP.1

879 Words
ตอนที่ 3 Challenge EP.1 “เอ่อ...อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ พี่...ฉันเก้าอี้ พี่เทคเธอไง” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนสรรพนาม หมี่ขาวตะลึงไปพักหนึ่ง ขุดคุ้ยหาเศษเสี้ยวของความทรงจำตอนปีสอง...ซึ่งเหมือนจะมีเรื่องพี่เทคจริงๆ นั่นแหละ จำได้ว่าพี่คนนั้นถูกเรียกว่าตัวละครลับ...เพราะเขาแทบไม่โผล่หัวมาในภาควิชาเลย เก้าอี้...ตอนนั้นเหมือนว่าเพื่อนผู้หญิงบางคนรวมไปถึงรุ่นพี่ผู้หญิงจะส่งเสียงหวีดขึ้นมาเบาๆ แต่เพียงแค่แป๊บเดียวก็มองมาที่เธอราวกับว่าเธอเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในภาควิชา แถมประธานเมเจอร์ของพี่ปีสามตอนนั้นยังบอกกับเธอว่าให้ลืมๆ มันไปเถอะ พี่เทคจะต่างกับพี่รหัสตรงที่เมื่อถึงคราวรับน้องเมเจอร์จะมีการจับสลากขึ้นอีกครั้ง เพื่อให้รุ่นพี่ที่ไม่มีน้องรหัสอยู่ในภาควิชาเดียวกันสามารถเทคแคร์น้องคนอื่นได้ โดยเฉพาะเรื่องหนังสือที่ส่งต่อกันเป็นรุ่นๆ ไป หมี่ขาวได้ตัวละครลับ แน่นอนว่าไม่มีประโยชน์อะไร เธอจึงไม่คิดค้นหาว่าพี่เก้าอี้คนนั้นคือใคร หน้าตาเป็นแบบไหน อีกอย่างสังคมเด็กวิศวะไม่ค่อยสนใจเรื่องของชาวบ้านสักเท่าไร เรื่องซุบซิบนินทาจึงเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ ยกเว้นว่าจะเป็นเรื่องของเพื่อนในกลุ่มตัวเองนั่นล่ะ เธอจึงรู้แค่ว่าพี่คนนั้นเป็นผู้ชาย ในวันรับน้องเมเจอร์เขาโผล่มาที่รีสอร์ตแวบๆ การรับน้องเมเจอร์นั้นจัดในรีสอร์ตสักแห่งแถวๆ สะเมิง ซึ่งเป็นรีสอร์ตขาประจำที่ใช้บริการมาหลายรุ่นแล้ว ค่ามัดจำจึงถูกขูดรีดอย่างเต็มที่ เพราะรู้กิตติศัพท์ของพี่ๆ น้องๆ ในเมเจอร์ดี พอเข้ารีสอร์ตปุ๊บก็เริ่มทำกิจกรรม มีพี่ปีสามไม่กี่คนที่เฝ้าแต่ละฐาน ซึ่งเป็นกิจกรรมจำกัดเวลา เวลานั้นหมี่ขาวจึงไม่มีโอกาสมองหาพี่เทคของตัวเอง พอถึงเวลากินเลี้ยงตอนกลางคืน ขณะที่ปีสองบางคนกระดกแสงโสมเพียวๆ ไปคนละกลมสองกลม ก็ไม่มีใครคิดสนใจรุ่นพี่รุ่นน้องกันแล้ว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ต้องลากเพื่อนที่เมาไปส่งห้องนอนและตื่นมาตอนเช้าพร้อมกับช่วยพวกมันเหล่านั้นแก้แฮงก์ อ้อ...จำได้ว่าตอนเช้ามีถ่ายรูปหมู่ สภาพของแต่ละคนไม่ต่างกับคนที่ผ่านสนามรบมาทั้งคืน ไม่อ้วกหน้ากล้องก็ถือว่าเป็นบุญของเจ้าของสถานที่แล้ว แต่เมื่อตอนนี้สบตากับผู้ชายตาหวานตรงหน้า หมี่ขาวจึงสับสนเป็นอย่างมาก เธอขมวดคิ้ว “พี่เทคเหรอคะ ขึ้นดอยไม่จำเป็นต้องขึ้นกับพี่เทคมั้ง” เก้าอี้เป็นผู้ชายหน้าตาดีมาก ใบหน้าของเขาค่อนข้างหวานกว่าผู้ชายปกติ แต่เป็นเพราะไรเคราเขียวครึ้มที่เกิดจากการปล่อยปละละเลยหรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นทำให้เขาสมกับเป็นรุ่นพี่ปีสี่คณะของเธอมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลดความหล่อของเขาลงได้เลย อย่างน้อยก็ดูดีกว่าพวกห้องมืดที่ชอบไว้หนวดแล้วปล่อยผมยาวรุงรังจนชาวบ้านชาวเมืองเรียกว่าปีศาจหลายล้านปีแสง ขณะที่หมี่ขาวพูดประโยคเมื่อกี้ออกไป เธอก็สังเกตเห็นว่าเก้าอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนคนถูกขัดใจ แต่เพียงพริบตาเดียวก็ตีหน้าซื่อแล้วพูดขึ้นมา “เพื่อนฉันท้าชาเลนจ์ ปีนี้ต้องวิ่งขึ้นดอยกับน้องเทค” เวลาคนแปลกหน้าพูดฉันเธอ โดยเฉพาะรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย หมี่ขาวกลับบอกไม่ได้ว่ามันเป็นคำพูดที่แสดงความห่างเหินหรือใกล้ชิด แต่ว่าชาเลนจ์... ยังมีคนบ้าเหมือนยัยฉายเพื่อนรักของเธออีกเหรอ เก้าอี้คิดว่าหมี่ขาวไม่เชื่อ เลยบุ้ยปากไปยังกลุ่มแก๊งปีสี่ที่ยืนคุยกัน ในมือของแต่ละคนถือธงที่ใช้ถือตอนวิ่งนำขบวนไว้ด้วย หมี่ขาวสังเกตเห็นพี่เดย์ประธานเมเจอร์ปีสี่ส่งยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ เธอพยักหน้าตอบ แต่ไม่เข้าใจความหมายของการสื่อสารนั้นว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง “เดย์มันบอกว่าให้รับปาก” น้ำเสียงนั้นคล้ายออกคำสั่งกลายๆ “ที่จริงหมี่ก็วิ่งขึ้นกับเด็กอยู่แล้วนะคะ” “ที่ชวนขึ้นดอยด้วยกัน...เข้าใจความหมายไหม” เก้าอี้พูดสวนขึ้นมา แววตาจริงจังขึ้น “ไม่ได้หมายความว่าวิ่งขึ้นดอยกับคณะ” หมี่ขาวเริ่มหงุดหงิด เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ การที่อยู่ๆ มีรุ่นพี่เดินมาชวนขึ้นดอย ถ้าเข้าข้างตัวเองหน่อยก็คงคิดว่ากำลังถูกเขาจีบอยู่น่ะสิ “พี่บอกมาตามตรงเถอะ” เก้าอี้ทำสีหน้าไม่ถูกแป๊บหนึ่ง เหมือนเขาจะรวบรวมสติพอควรก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกระท่อนกระแท่น “หมาย..หมายถึงว่าขึ้นดอยไปด้วยกัน เธอช่วยดูแลฉันตลอดทางที่วิ่งถือธง แล้วก็...” เขาอึกอัก หูเริ่มแดง สายตาหลุกหลิก “ถ่ายรูปบนดอยสุเทพด้วยกันไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD