ตอนที่ 1เฉพาะในหน้าที่

1156 Words
. .. ... .... “โอ๊ยยย! เกลียด ๆ ๆ”             “มึงเป็นบ้าอะไรวะปลาวาฬ กลับมาถึงห้องก็ชักดิ้นชักงออย่างกับโดนน้ำร้อนลวก” เงินกำลังนั่งแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งต้องหันไปมอง เมื่อเพื่อนรักมาถึงแล้วก็นอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงอย่างกับเด็กถูกขัดใจ             “กูเกลียดคนโว้ย เกลียด ๆ ๆ”             “ใครกันที่กล้าทำให้มึงเกลียดได้ขนาดนี้วะ”             “ก็ไอ้คนที่มันสัมภาษณ์กูไง ปากหมาฉิบหาย” ถ้าเจอหน้ากันอีกทีต้องซัดหน้าให้สักหมัดถึงจะสมใจอยาก             “เออแล้วเป็นไงบ้างวะพอมีสิทธิ์ได้เงินห้าล้านบาทปะ ถ้ารวยแล้วอย่าลืมกูนะเว้ย” หากเขาสามารถตั้งท้องได้คงจะไปสมัครกับเพื่อนแล้ว เงินตั้งห้าล้านบาทสามารถอยู่ได้สบายเป็นชาติเลยทีเดียว             “ได้เหี้ยอะไรล่ะสัมภาษณ์กูมีแต่คำถามโง่ ๆ ทั้งนั้น กูก็เลยจัดไปหนึ่งดอกก่อนออกจากห้องสัมภาษณ์” พูดแล้วก็ยิ้มแหย ๆ             “มึงนี่นะหัดระงับอารมณ์ซะบ้าง...เอ้อ! เขาถามมึงว่าอะไรวะถึงได้ปรี๊ดแตกขนาดนี้” เงินมองหน้าเพื่อนเพื่อรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ             “เอ่อ...มึงไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่ามันเป็นคำถามที่เหี้ยมากกกก” เจ้าตัวลากเสียงยาว             “สงสัยจะเหี้ยจริง ๆ ล่ะ ปกติแล้วมึงโกรธใครเป็นซะที่ไหนล่ะ”             “แล้วนี่มึงไม่คิดจะหางานใหม่เหรอวะ วันดีคืนดีถ้าไอ้เสี่ยนั่นมันคิดจะลวนลามมึงจะทำไง” ปลาวาฬมองหน้าเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองทำงานที่เดียวกันเป็นเด็กเสิร์ฟในผับแห่งหนึ่ง แต่ไอ้เสี่ยหัวงูเจ้าของผับคิดจะลวนลามปลาวาฬ เจ้าตัวเลยสอยหมัดเข้าให้จนเลือดกลบปากจึงถูกไล่ออก นั่นเป็นที่มาของการเป็นคนตกงานในครั้งนี้             “กูต้องทนทำไปก่อนมึงก็รู้ว่าถ้ากูตกงานอีกคนเราจะเอาอะไรแดกกันวะ”             “เออก็ใช่ เดี๋ยวกูจะพยายามหางานให้ได้เร็ว ๆ ละกันมึงก็ทน ๆ ไปก่อน ถ้าได้งานดี ๆ แล้วเดี๋ยวกูชวนไปทำด้วย”             “ขอบใจว่ะเดี๋ยวกูออกไปทำงานก่อนละกัน” เงินลุกขึ้นยืนพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบเล็ก ๆ             “โชคดีมึง”             หลังจากเพื่อนรักออกไปทำงานแล้วปลาวาฬก็นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างตั้งใจ เจ้าตัวกำลังค้นหางานที่ถูกใจแต่จนแล้วจนรอดก็ต้องเปิดผ่านไปหลายต่อหลายครั้ง ยังไม่มีอะไรที่ถูกใจเลยแม้แต่งานเดียว             “เฮ้อ! มันจะงานอะไรที่ได้เงินเยอะ ๆ บ้างไหมเนี่ย” นอนถอนหายใจหน้าบูดบึ้งอยู่บนเตียงอย่างหมดหวัง คิดดูอีกทีเขาไม่น่าไปวีนใส่นายนั่นอย่างนั้นเลย ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็อาจจะพอมีลุ้นอยู่บ้าง เงินห้าล้านบาทถ้าได้มาคงสบายได้เป็นชาติเลยทีเดียว               ผับแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร             เงินเดินสะพายกระเป๋าเข้าไปวางไว้ในล็อกเกอร์ ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดพนักงานแล้วออกมายืนรอรับออร์เดอร์ที่หน้าเคาน์เตอร์             “สวัสดีครับพี่ต้า” เป็นปกติที่ต้องไหว้ทักทายรุ่นพี่บาร์เทนเดอร์ หนุ่มหล่อประจำของร้าน             “หวัดดีเว้ยเงินวันนี้ฉายเดี่ยวเลยสินะ” ต้าทักทายกลับด้วยคำถาม เพราะรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เกิดขึ้นกับปลาวาฬ             “ครับพี่”             “สงสารไอ้ปลาวาฬมันเนาะ มาเจอไอ้หัวงูเจ้าของร้านอย่างนี้” ประโยคหลังต้าโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบใกล้ ๆ เพราะกลัวใครจะได้ยิน             “แต่ผมว่าเป็นโชคดีของมันแล้วล่ะที่ได้ออกไปจากที่นี่”             “เอ็งก็ระวังตัวไว้บ้าง ตัวเล็ก ๆ น่ารักอย่างนี้มันอาจจะงาบเข้าให้สักวัน” ต้าแนะนำ             “ขอบคุณครับพี่ถ้ามันทำผมรับรองมันได้ตายคามือแน่”             “ทำเป็นเก่งไป เจอแล้วจะหนาวหึ ๆ ”             “พี่ก็พูดซะผมร้อน ๆ หนาว ๆ เลยเนี่ย” จะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่เพราะที่นี่คือผับของไอ้เสี่ยหัวงูนั่น หากเกิดอะไรขึ้นมันก็น่ากลัวไม่น้อย เขาไม่ใช่ประเภทสู้คนอย่างปลาวาฬ ที่พูดออกไปก็ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้นเอง             “พี่ล้อเล่นแค่อยากบอกว่าให้ระวังตัวไว้บ้างก็เท่านั้น” บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อยิ้มให้อย่างเป็นห่วง             “ขอบคุณครับพี่ เดี๋ยวผมไปรับออร์เดอร์ลูกค้าก่อนนะ”             “เออ ๆ ขอให้ได้ทิปเยอะละกัน”             “สาธุ!!!” พูดพร้อมกับยกมือไหว้             หลังจากนั้นหนุ่มน้อยรูปร่างผอมเพรียวก็เดินแทรกผู้คนหลายร้อยชีวิต ที่กำลังยืนโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลงสากลอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเดินไปชนกับลูกค้าหนุ่มรายหนึ่งที่เห็นแล้วก็อยากจะเบือนหน้าหนีเสียให้ได้             “อ้าวน้องเงินนั่นเอง พี่นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะอีก”             “มาสิครับพี่มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ” เจ้าตัวพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขัดกับความรู้สึกในใจที่รำคาญซะเหลือเกิน             “มาที่โต๊ะพี่แป๊บนึงสิ”             “ได้ครับ”             เงินเดินตามหลังลูกค้าหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อคนนั้นไป นายคนนี้คือลูกค้าประจำของผับ และเป็นลูกค้าที่เขาเอือมระอามากที่สุดคนหนึ่ง นั่นเพราะชอบมาทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่ตลอดเวลาที่เจอกัน แถมบางวันยังมาแต๊ะอั๋งเขาอีกด้วย ดู ๆ ไปแล้วก็ไม่ต่างจากไอ้เสี่ยหัวงูเจ้าของผับสักเท่าไหร่             “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะแล้วเงินก็ยืนในท่าทีสุภาพแล้วเอ่ยถามลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม             ลูกค้ากลุ่มนี้คือเพื่อน ๆ ของ ‘เจฟ’ หรือ เจฟฟี่ แมคไคน์ ลูกครึ่งหนุ่มไทยอังกฤษวัยสามสิบปี หนุ่มเจ้าสำราญทายาทธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยความที่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญทำให้เจ้าตัวใช้ชีวิตไปวัน ๆ หมดเงินไปกับการเลี้ยงเหล้าเพื่อนบ้าง แจกทิปให้กับสาว ๆ บ้างและอื่น ๆ ที่ไม่มีประโยชน์เอาซะเลย             “รับน้องเงินได้ไหมครับ ฮิ้วว!!” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่โลมเลียราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัวเสียให้ได้             “มึงอย่าเยอะไอ้บอลนี่น้องเงินกูเว้ย” เจฟฟี่หัวหน้ากลุ่มยืนบังเพื่อนเอาไว้ พร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มให้             “ทุกคนมีสิทธิ์ในตัวผมครับพี่ แต่เฉพาะในหน้าที่เท่านั้นนะ” พูดพร้อมกับยิ้มให้แต่ในใจกลับอยากจะสับใบหน้าหล่อ ๆ นี้ให้เป็นชิ้น ๆ เสียให้ได้ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD