.
..
...
....
“แหม ๆ มึงไล่กูจังเลยนะ ว่าแต่มึงเถอะจะไปอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน”
“ก็จนกว่ากูจะคลอดลูกให้เค้านั่นล่ะ”
“กูถามจริง ๆ นะ..มึงกล้าทิ้งลูกของมึงได้ลงคอเหรอวะ” แม้รู้ว่ามันเป็นการว่าจ้างแต่ถึงกระนั้นเด็กในท้องก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเพื่อน มันต้องมีความผูกพันกันอยู่ไม่น้อย
“เอาจริง ๆ นะกูทำใจไว้แล้ว มันไม่มีทางเลือกนี่หว่าเราตัดสินใจแล้วต้องยอมรับผลที่ตามมา” พูดเหมือนปลง ๆ กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
“ก็อย่างว่าล่ะนะ เด็กกำพร้าอย่างพวกเรามันจะมีทางเลือกที่ไหนกัน มีโอกาสก็ต้องรีบคว้าเอาไว้”
“แล้วมึงล่ะสรุปจะเอายังไง”
“กูจะไปอยู่กับนายนั่น ลองดูสักตั้งสิวะตัวก็เสียแล้วต้องเอาคืนให้คุ้ม” ตอนนี้เจ้าตัวมีท่าทีร่าเริงขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากได้ปรับทุกข์กับเพื่อนรัก ที่กำลังจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“ต้องอย่างนี้สิเพื่อนกูสู้ ๆ โว้ย”
“มึงเองก็สู้ ๆ อย่าลืมโทรหากูด้วยล่ะ”
“เออกูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงจะเอาผัวอยู่รึเปล่า” ปลาวาฬเอ่ยแซวเพื่อนรัก
“แน่นอนอยู่แล้วถ้ามันกล้าหือกูจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีมันไป” พูดแล้วก็ขำออกมา
“โถ ๆ กูก็นึกว่าจะแน่กว่านี้ไอ้อ่อน ฮ่า ๆ”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่งท้ายที่จะได้อยู่ร่วมห้องเป็นรูมเมทกัน
*-*-*-*-*-*-*
เช้าวันรุ่งขึ้นมีคนขับรถมารับปลาวาฬที่หอพักตั้งแต่เช้า เงินช่วยเพื่อนขนของลงมาที่หน้าหอพัก ก่อนที่คนขับรถจะนำไปเก็บไว้ท้ายรถ
“โชคดีนะเว้ยมึง” เงินมองหน้าเพื่อนรัก อยู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลลงมา อยู่ด้วยกันมาตลอดมันก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน
“มึงก็เหมือนกัน อย่าร้องสิวะกูไม่ได้ไปตายสักหน่อย” ปลาวาฬขำกับท่าทางของเพื่อน ที่ดูเป็นเด็กขี้แยไปเสียแล้ว
“เออ.. รีบ ๆ ไปเถอะก่อนกูจะร้องหนักกว่านี้”
“ดูแลตัวเองด้วยนะอย่าหักโหมนักล่ะ” ก่อนจะเดินขึ้นรถไปก็ไม่วายที่จะแซวเพื่อน
“ไอ้เพื่อนเลวมึงรีบ ๆ ไปเลยนะ”
ไม่รู้ทำไมคำพูดของเพื่อนเมื่อสักครู่ ถึงทำให้เจ้าตัวหน้าแดงได้ขนาดนี้นะ คอยดูนะถ้าไปอยู่ด้วยกันแล้วเขาจะเอานายคนนี้ให้อยู่หมัดเลยทีเดียว ให้สาสมกับที่จัดหนักเขาในวันนั้น
นั่งรถประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงคฤหาสน์หรูหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกว่าหมู่บ้านเศรษฐี นั่นเพราะบ้านทุกหลังมีมูลค่าเกินสิบล้านบาททั้งนั้น เจ้าของบ้านล้วนแต่เป็นคนมีอันจะกิน ทั้งเศรษฐีเก่าเศรษฐีใหม่และบรรดาข้าราชการระดับสูง บรรยากาศในหมู่บ้านก็น่าอยู่ มีทะเลสาบประจำหมู่บ้านและสวนสาธารณะให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
“เชิญด้านในครับ” คนขับรถยืนถือกระเป๋ารอและผายมือเชิญเข้าไปในบ้าน เจ้าตัวรู้สึกตื่นเต้นมากเหลือเกิน เพราะไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง
“ขอบคุณครับพี่” ปลาวาฬเดินนำหน้าคนขับรถเข้าไปในบ้านด้วยความประหม่า
เมื่อเข้าไปถึงก็พบกับสมาชิกในบ้านทั้งสี่คนนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ราวกับว่ามาเพื่อต้อนรับเขาเสียอย่างนั้น ปลาวาฬกวาดสายตามองหาคนที่เขารู้จักเพียงคนเดียวนั่นคือนักรบ ก็พบว่ากำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ หญิงสูงวัยท่าทางดูดีคนหนึ่ง
“สวัสดีครับ” เมื่อเดินมาถึงก็ยกมือไหว้ทุกคน ก่อนจะยืนอยู่ท่ามกลางสายตาของคนที่ไม่คุ้นเคย ทุกคนมองมาราวกับเขาเป็นตัวประหลาด
“มาสักทีหนูปลาวาฬใช่ไหมจ๊ะ” หญิงสูงวัยอายุราวหกสิบปีเอ่ยทักทายเป็นคนแรก
“ครับผมชื่อปลาวาฬ” เจ้าตัวยิ้มให้ ต้องมีมารยาทเอาไว้ก่อนให้คนรักดีกว่าคนเกลียด ถ้าจะมีคนเกลียด เขาขอให้เป็นนักบินคนเดียวเท่านั้น
“หน้าตาน่ารักจริง ๆ ลูกออกมาต้องน่ารักน่าชังเหมือนแม่แน่ ๆ ” คุณหญิงฉัตรฉายมองหน้าผู้มาใหม่อย่างเอ็นดู
“ขอบคุณครับคุณท่าน” ปลาวาฬรู้งานดีเรื่องการเอาใจผู้ใหญ่ ถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแม่ของนักบิน ส่วนผู้ชายแก่ ๆ คนนั้นน่าจะเป็นพ่อ และชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขาจะต้องเป็นน้องชายแน่นอน
“มาวันแรกก็มีสัมมาคารวะเสียแล้ว แกเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ เรียกฉันว่าคุณฉัตรก็ได้จ้ะ” คุณหญิงฉัตรฉายหันไปเอ่ยกับลูกชาย “หนูนั่งก่อนสิจ๊ะ”
“ขอบคุณครับคุณฉัตร” เจ้าตัวตอบรับแล้วนั่งลงที่พื้นทันที
“ไม่เอาสิจ๊ะขึ้นมานั่งบนโซฟานี่เร็วสิ ข้าง ๆ พี่เขา” คุณหญิงรีบเอ่ยออกมาเสียงดัง ส่วนปลาวาฬรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะปรายตามองนักบินแวบหนึ่งแล้วเดินไปนั่งลงข้าง ๆ
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านมหาธำรงกุลนะหนู ฉันชื่อเกริกไกรเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้และเป็นพ่อของนักบินด้วย” เกริกไกรผู้เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
เมื่อได้ยินอย่างนั้นปลาวาฬก็ทำหน้างง ๆ เพราะไม่รู้จักชื่อเล่นของอีกฝ่าย