บทที่ 9 เทรนเนอร์

1278 Words
• คมเขี้ยว “ตั้งใจเรียนละ” บอกคนที่พึ่งกระโดดหย็อยลงจากรถ ตอนนี้ผมอยู่หน้าคณะนิเทศศาสตร์ มาส่งยังเตี้ยตามที่รับปากกับไอ้หลง “ไม่บอกก็ตั้งใจอยู่แล้ว ว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ” มีสักครั้งไหมที่จะไม่คุยโวใส่ ไอ้เรื่องมั่นหน้านี่เสมอต้นเสมอปลายไม่มีแผ่ว “ขอบคุณที่มาส่ง ไปละ” ผมไม่ได้ตอบรับเพราะกำลังอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อึ้งหนึ่งคือยัยเตี้ยขอบคุณผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่สื่อถึงการประชด อึ้งสองคือเมื่อกี้ยัยเตี้ยยกมือไหว้ผมเป็นครั้งแรก “เหนือคาดแฮะ” รอยยิ้มผุดขึ้นตรงมุมปากขณะมองตามหลังคนที่รีบวิ่งเข้าตึก เชื่อไหมว่ายัยเตี้ยเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกประหลายใจ จากตอนแรกที่เจอกันผมกาหัวไว้เลยว่าต้องเป็นเด็กที่ไม่มีสัมมาคารวะ แต่ต่อมาพอเห็นอยู่กับพ่อกับพี่แล้วก็รู้สึกต่างออกไป ยิ่งเมื่อวานตอนที่เอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนผมรับรู้ได้ว่าเธอเป็นห่วงกลัวผมไม่สบาย แล้วเมื่อเช้ายังด่าผมปาว ๆ แต่เมื่อกี้กลับยกมือไหว้กลายเป็นเด็กน่ารักไปซะงั้น เล่นเอาสับสนไม่รู้ว่าจะต้องรับมือยังไง “เขี้ยว? มาทำอะไรคณะแป้ง” น้ำเสียงคุ้นเคยทำให้ผมต้องละสายตาจากแผ่นหลังของยัยเตี้ย เบนสายตามายังร่างแบบบางที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา พออยู่ในระยะได้ยินกันก็เอ่ยตอบออกไปสั้น ๆ ได้ใจความ “มาส่งคน” “ฮั่นแน่ มีแฟนแล้วว่างั้น” น้ำเสียงล้อเลียนมาพร้อมรอยยิ้มอันกรุ้มกริ่ม แป้งเดินเข้ามาใกล้แล้วยืดตัวใช้ไหล่ของตัวเองมากระแทกกับไหล่ผม “ถ้ามีน้ำขิงคงรายงานไปแล้วมั้ง” เมื่อคืนก็ไปนอนด้วยกันมา ถ้าผมมีแฟนจริงคิดเหรอว่าเรื่องนี้จะไม่ถึงหูพี่สาวคนสนิทอย่างปะแป้ง “ก็เผื่อเขี้ยวซุ่มแล้วขิงไม่รู้ไง” ผมส่ายหน้าเพราะไม่มีทางเป็นไปได้ “ว่าแต่หลงไม่มาด้วยกันเหรอ” ว่าจบก็มองซ้ายมองขวาหาคนที่ถามหา “เรียนคนละเซ็ก” ได้ยินคำตอบคนที่เพ่งสายตาหาก็ยู่หน้าถอนหายใจ “ยังไม่เลิกชอบมันอีกเหรอ” “พูดเหมือนการเลิกชอบใครสักคนมันทำง่ายอย่างนั้นแหละ” “รู้ว่าไม่ง่าย แต่แป้งก็ต้องรู้ด้วยว่าถึงชอบมันต่อไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา” ถึงไอ้หลงมันจะเปลี่ยนคนคุยไปเรื่อย ๆ แต่มันก็มีกฎเหล็กคือจะไม่ยุ่งกับน้องสาวเพื่อนหรือเพื่อนสนิทของเพื่อนเป็นอันขาด เพราะมันบอกว่าขี้เกียจมีปัญหาหากไปกันได้ไม่สวย ทำให้ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้มันเลยไม่เคยตอบรับความรู้สึกของปะแป้งที่เป็นเพื่อนสนิทผม “ทำไงได้ละเขี้ยวก็แป้งชอบไปแล้วอ่ะ ถึงหลงไม่ชอบกลับแต่ขอแป้งชอบต่อไปไม่ได้เหรอ” ยิ่งได้ยินก็ยิ่งเห็นใจ แป้งเป็นถึงดาวคณะที่ผู้ชายต่อแถวจีบยาวเป็นขบวนแต่กลับไม่ยอมเปิดใจให้ใครเลยนอกจากไอ้เหี้ยหลง ผมไม่เคยเข้าใจว่าแป้งหลงใหลได้ปลื้มอะไรในตัวเพื่อนเหี้ยของผมนักถึงได้จมปรักขนาดนี้ พยายามบอกให้ตัดใจทุกครั้งที่เจอกันแต่ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละว่าเจ้าตัวทำไม่ได้ “อยากชอบก็ชอบ” ผมก็คงพูดได้แค่นี้ “ชอบเท่าที่ใจแป้งอยากชอบนั่นแหละ แต่ถ้าวันไหนความชอบที่แป้งมีมันทำให้เป็นทุกข์แป้งก็ต้องรู้ว่าตอนนั้นต้องหันกลับมารักตัวเอง” ผมรู้ว่าการเฝ้าดูคนที่ชอบควงคนอื่นเป็นเรื่องที่ทำใจได้ลำบาก ยิ่งกับไอ้หลงที่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งไม่น่าทำใจได้ แป้งคงรู้สึกว่าทำไมกันนะคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงไม่ใช่เธอสักที “ขอบคุณนะเขี้ยวที่เป็นห่วงแป้ง แต่ตอนนี้แป้งโอเค ถ้าไม่ไหวยังไงเดี๋ยวโทรบอกจะได้ตามมาปลอบกัน” ผมส่ายหัวให้กับคนยิ้มแป้น ตอนนี้ยิ้มไปเถอะ พอถึงวันที่โทรมาจริง ๆ คงไม่ได้เห็นหรอกไอ้ใบหน้าแบบนี้น่ะ “ต้องไปแล้ว” ก้มมองนาฬิกาข้อมือปรากฏว่าเลยเวลาเข้าเรียนมาแล้วห้านาที “โอเค ตั้งใจเรียนละพ่อหนุ่ม” มือเล็กตบบุ ๆ กับบ่าผม “ช่วงนี้ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ” “ทำไม” ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “ขิงบอกว่ากำลังจับตาดูเขี้ยวทุกฝีก้าว น้องบอกแช่งเขี้ยวไว้รอให้มันสัมฤทธิผล” “อย่าไปสนใจมาก ไม่ได้ดั่งใจอาการก็เลยเป็นแบบนั้น” แป้งหัวเราะร่าเพราะรู้ดีว่านิสัยน้องสาวนอกไส้เป็นยังไง “ไปแล้วนะ สายกว่านี้เดี๋ยวโดนไล่ออกจากห้อง” “เค บาย” พยักหน้าส่งให้แป้ง ใส่หมวกกันน็อคแล้วขับรถมายังคณะของตัวเอง ดีที่วิชานี้เข้าเลตได้ผมก็เลยไม่ถูกอาจารย์อัญเชิญออกจากห้อง ไม่อย่างนั้นคงได้กลับไปนอนตีพุงที่บ้านไม่ต่างจากไอ้หลง “เขี้ยว เย็นนี้มึงว่างไหม” ไอ้ยะสะกิดไหล่ในขณะที่อาจารย์กำลังเริ่มการสอน ผมหยุดคิดแป๊บหนึ่งถึงเอ่ยตอบ “ว่าง มีอะไร” “ลูกค้านัดเข้ายิมตอนสี่โมงแต่กูดันมีธุระด่วนกับที่บ้าน ถ้ามึงว่างจะวานไปดูให้หน่อยเขาจองไว้สองชั่วโมง” “มีเทรนไหม” ไอ้ยะส่ายหน้า “งั้นเดี๋ยวกูดูให้” “แซงคิวครับผม” เบื่อการเล่นคำมันจริง ๆ ขอบคุณกันดี ๆ ไม่ได้เลยไอ้ห่านี่ พอเลิกเรียนผมก็มายังโรงยิมของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาซึ่งเป็นคณะที่ผมกับไอ้หลงกำลังเรียน ที่นี่เป็นทั้งโรงยิมแล้วก็มีห้องฟิตเนส ในแต่ละวันมีนักศึกษาเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย ทั้งเช่าคอร์ทตีแบตแล้วก็ซื้อคอสออกกำลังกาย พวกผมที่เป็นนักศึกษาชั้นปี 3 จะถูกผลัดเปลี่ยนให้มาดูแลให้คำปรึกษาและแนะนำการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธีให้กับนักศึกษาที่มาออกกำลังกาย ยกตัวอย่างเช่นยังมีหลายคนที่อยากลดหุ่นเข้าใจผิดคิดว่าการออกกำลังกายจะทำให้น้ำหนักลดแล้วผอมลงทั้งที่ความจริงมันไม่เสมอไป เพราะบางคนยิ่งออกน้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้นก็มี แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเธออ้วนขึ้นนะ เปรียบเทียบง่าย ๆ ให้เห็นภาพแบบนี้ก็แล้วกัน สมมุติว่าไขมัน 1 กิโลกรัมเท่ากับลูกบอลหนึ่งลูก แล้วให้กล้ามเนื้อ 1 กิโลกรัมเท่ากันมีขนาดเท่ากำปั้น เห็นไหมว่าทั้งสองอย่างมีขนาดต่างกันมาก ดังนั้นคนที่เล่นกีฬาส่วนใหญ่เขาจะโฟกัสเรื่องมวลกล้ามเนื้อมากกว่าน้ำหนักตัว บางคนเห็นผอม ๆ น้ำหนักเยอะกว่าคนพุงป่องบางคนก็มี “เออ... ขอโทษนะคะ พี่ใช่คนที่จะมาช่วยดูแลหนูไหมคะ” คิดอะไรเพลินนานไปหน่อยดูเหมือนลูกค้าที่ไอ้ยะบอกจะมาแล้ว ผมวางเอกสารในมือลงแล้วหมุนตัวไปหาเจ้าของคำถามเมื่อสักครู่ ปรากฏว่า... “ยัยเตี้ย อย่าบอกนะว่าคนอย่างเธอจะมาออกกำลังกาย?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD