บทที่ 8 ความประทับใจผ่านไปไวเหมือนโกหก

1257 Words
“ไอ้ห่าเขี้ยวมึงมาอยู่บ้านกูได้ยังไง แถมยังใส่ชุดนอนของกูอีก!” เสียงโหวกเหวกด้านนอกทำให้ฉันต้องปิดเตาที่กำลังทำกับข้าวเดินออกจากครัวมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น “เฮียทำอะไร?” ถามคนที่กำลังกำคอเสื้อเพื่อนด้วยสีหน้าเอาเรื่องแล้วลากสายตาไปยังอีกคนที่ยังคงสีหน้าเรียบเฉย “เฮียต้องเป็นฝ่ายถามมากกว่าว่าพวกแกทำอะไร ทำไมไอ้เขี้ยวถึงมาอยู่บ้านเราได้ แล้วทำไมมันถึงได้ใส่ชุดนอนเฮีย เมื่อคืนพวกแกทำอะไรกัน!” เฮียหลงฟาดงวงฟาดงาทำเอางงกันไปหมด “นี่จำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม” ฉันกอดอกถามอย่างใจเย็น เรียกว่าทั้งฉันทั้งไอ้ยักษ์เย็นกันหมดยกเว้นเฮียหลง “มีอะไรให้จำ” อยากจะเดินเข้าไปเอามือฟาดกะโหลกเรียกสติ มาถึงก็โวยวายทั้งที่เมื่อคืนบอกไปหมดแล้วแท้ ๆ “รอบแรกหลิวส่งข้อความไปบอกว่าขอยืมชุดเพราะเพื่อนเฮียเปียกฝนแล้วเฮียก็รับทราบ รอบสองส่งไปอีกว่าเพื่อนเฮียจะค้างที่นี่เพราะฝนตกหนักกลับไม่ได้ แล้วที่ต้องส่งแต่ข้อความเพราะโทรไปสิบสายไม่ยอมรับ” เฮียหลงเงียบ เริ่มคลายมือจากคอเสื้อเพื่อนสนิท “ไง จำอะไรได้บ้างไหม” พี่ชายรีบล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ดูเสร็จก็เงยหน้ามายิ้มแหยส่งให้ฉัน จากนั้นก็เข้าไปจัดเสื้อเพื่อนให้เข้าที่ตามด้วยนวดแขนซ้ายทีขวาทีอย่างเอาใจ “ขอโทษนะเพื่อนรัก อย่าถือสากูเลยเนอะกูแค่เป็นห่วงไอ้หลิวมัน” “ห่วงแบบไหนถึงกล้าปล่อยให้น้องสาวอยู่บ้านคนเดียว มึงกลัวกูทำอะไรน้องมึง แต่มึงไม่กลัวโจรกลัวขี้ยาบุกเข้าบ้านเลยใช่ไหม?” ไอ้ยักษ์กอดอกถามเสียงนิ่งทำเอาพี่ชายฉันหูลู่หางตกยิ่งกว่าหมาโดนเจ้าของดุ “ก็กูมีธุระนี่หว่า” “กูรู้ว่าธุระมึงคืออะไร แต่มึงรู้ไหมว่าถ้าไม่ได้คนนี้เป็นแฟนมึงยังสามารถหาคนใหม่ได้ แต่น้องมึงถ้าเสียไปหาใหม่ไม่ได้แล้ว” เฮียหลงก้มหน้าสำนึกผิด ส่วนฉันยืนนิ่งมองแผ่นหลังกว้างของไอ้ยักษ์ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งอึ้งทั้งคาดไม่ถึงในเวลาเดียวกันว่าคนที่จิกกัดฉันตลอดจะเป็นห่วงกันขนาดนี้ “ขอโทษทันไหมล่ะ” “ทันมั้งในเมื่อน้องมึงยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้” ไปหมดเลย ความประทับใจเมื่อสักครู่หายไปหมด! “เฮียขอโทษนะหลิว เฮียลืมว่าเมื่อคืนพ่อไม่อยู่ ต่อไปนี้เฮียสัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ยกโทษให้เฮียนะน้องรัก” เฮียหลงชูสามนิ้ว ขอโทษไปก็ทำท่าปาดน้ำตาไป “หลิวไม่โกรธหรอก แต่คราวหน้าก็หัดรับโทรศัพท์บ้างจะได้ไม่โวยวายเหมือนคนบ้า” “ครับผม” สรุปแล้วเรื่องเข้าใจผิดเป็นอันจบ ฉันเดินเข้าครัวทำกับข้าวต่อ ส่วนเฮียหลงก็ชวนไอ้ยักษ์เล่นเกมรอ เช้านี้ทำกับข้าวง่าย ๆ ต้มจืดกับไข่เจียว ปกติถ้าไม่มีเรียนเช้าฉันไม่ตื่นมาหรอกนะ แต่วันนี้ไอ้ยักษ์อยู่เลยต้องแกะขี้ตาลงมาหา “กับข้าวฝีมือใครก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือน้องสาวเฮีย” เฮียหลงเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แล้วยิ้มหวานอย่างประจบ เวลาทำอะไรผิดก็มักเป็นแบบนี้ ปากหวานตาหวาน “มีเรียนสิบโมงใช่ไหมเดี๋ยวเฮียไปส่ง” “แต่วันนี้เฮียมีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ” ถ้าวันไหนมีเรียนเช้าแล้วเฮียหลงมีเรียนบ่ายฉันจะนั่งรถเข้ามอเอง แล้วขากลับก็ค่อยกลับมาด้วยกัน “ไถ่โทษเรื่องเมื่อคืนเดี๋ยวไปส่ง” “ไม่เป็นไร หลิวไปเองได้สบายมาก” จากที่เห็นเฮียหลงดูค่อนข้างเพลีย ตั้งแต่มาปิดปากหาวเกินสิบรอบ ฉันไม่อยากเดาหรอกนะว่าเมื่อคืนพี่ชายทำอะไรถึงเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะถ้าเดาแล้วเดี๋ยวพาไปเรื่องสิบแปดบวก “ไม่เอา เดี๋ยวเฮียไปส่ง” “หลิวไปเอง” “เฮียจะไปส่ง” “ก็บอกแล้วไงว่าหลิวจะไปเอง” “เฮียก็บอกแล้วเหมือนกันว่าจะไปส่ง!” ฉันกับเฮียหลงจ้องตากันอย่างไม่มีใครคิดยอมใคร ได้ยินเสียงถอนหายใจของไอ้ยักษ์ดังออกมาเป็นระยะ คาดว่าตอนนี้น่าจะกำลังระอากับเกมจ้องตาของเราสองคน “เดี๋ยวกูไปส่งเอง” ประโยคบอกเล่าอันเรียบเรื่อยสามารถทำให้ทั้งฉันและเฮียหลงหันไปมอง “กูมีเรียนสิบโมงเหมือนกัน” “จริงเหรอวะ” เฮียหลงหรี่ตาถาม “จะดูตารางเรียนไหม” “ไม่เป็นไร” เฮียหลงไหวไหล่ “งั้นฝากไอ้หลิวด้วยแล้วกัน” “อือ แล้วก็เลิกเถียงกันมันหนวกหู” โอ้โห... เป็นแค่คนขอกินข้าวฟรีกล้าด่าเจ้าของบ้านขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ช่างไม่มีจิตสำนึก! “แล้วนั่นเธอทำอะไร” ไอ้ยักษ์มองหมูในจานฉันแล้วเงยหน้าขึ้นมาถาม “ตาบอดรึไงถึงไม่เห็นว่ากินข้าว” ฉันยียวนทั้งที่รู้ว่าหมายถึงอะไร “เธอตักหมูไปหมดแล้วฉันกับไอ้หลงจะกินอะไร” “นั่นสิ แบ่งเฮียกับไอ้เขี้ยวเลย” เฮียหลงยกจานข้าวมาตรงหน้า ฉันเลยแบ่งหมูที่ปั้นเป็นก้อนอย่างดีให้ไปหนึ่งชิ้นถ้วน “ส่วนนาย…” ตักผักที่โหรงเหรงในถ้วยใส่จานของไอ้ยักษ์ “ข้อหารำคาญเจ้าของบ้านที่ให้ข้าวให้น้ำก็กินแต่ผักไปแล้วกัน” ว่าจบก็ยักคิ้วส่งไปให้ กินข้าวไปฮำเพลงไปอย่างคนอารมณ์ดีที่ได้เห็นคนปากดีกินแต่ผัก “ร้องเพลงตอนกินข้าวไม่กลัวได้ผัวแก่?” เป็นไอ้ยักษ์ที่ขยันค่อนขอดกันไม่เลิก “หลุดออกมาจากยุคหินรึไง นี่มันสมัยไหนแล้วถึงยังเชื่อเรื่องพวกนี้” การที่คนเราจะได้แฟนเด็กหรือแก่มันจะเกี่ยวกับการร้องเพลงตอนกินข้าวได้ยังไง ฉันว่าที่คนสมัยก่อนพูดแบบนั้นคงเพราะไม่อยากให้ลูกหลานเล่นซนมากกว่า หรือไม่ก็กลัวว่าข้าวจะติดคอเลยกุเรื่องขึ้นมาขู่ “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะเตี้ยแล้วจะหาว่าไม่เตือน” “กลัวจังเลย” ฉันลูบแขนตัวเองแล้วทำท่าขนลุก ไอ้ยักษ์เอื้อมมือมาตีแขนดีที่ฉันไหวตัวทัน “รีบกินรีบไปแต่งตัว ชักช้าไม่รอนะบอกไว้ก่อน” ทำอะไรฉันไม่ได้เลยหาเรื่องมาขู่ “ไม่รอก็ให้เฮียหลงไปส่ง” ฉันไม่ง้อหรอกนะบอกไว้ก่อน “เฮียไม่ไป” มองคนที่ปฏิเสธแบบไร้ซึ่งเยื่อใยแล้วชี้หน้า ไหนเมื่อกี้ใครยังคะยั้นคะยอจะไปส่งฉันอยู่เลย “เฮียง่วงอ่า เมื่อคืนไม่ได้นอน” ดี ดีจริง ๆ “พี่ชายเธอรักเธอจังเลยเนอะ” ไอ้ยักษ์แค่นหัวเราะแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ “นั่นสิ รักจนอยากกระโดดข้ามโต๊ะไปหักคอ” ฉันเข่นเขี้ยวใส่พี่ชายที่กำลังยิ้มทะเล้น ทำดีกับน้องได้ไม่ถึงชั่วโมงสันดานเดิมโผล่อีกแล้ว เวรกรรม!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD