บทที่ 12 เหตุการณ์ไม่คาดคิด

1255 Words
“ของหนูพิเศษแล้วก็เพิ่มไข่สองฟองค่ะ” ฉันบอกป้าติ๋มเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้มจากนั้นท่านก็เดินไปเพราะโต๊ะนี้สั่งครบแล้ว “สั่งเหมือนจะกินเผื่อชาติหน้า” เสียงกระแหนะกระแหนมาจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนไอ้คนที่นั่งข้างกันก็ปิดปากกลั้นหัวเราะ มันน่าเตะให้ไปนั่งข้างกัน “สั่งยังไงก็เรื่องของฉัน ฉันอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนต้องการสารอาหารที่เพียงพอเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต” “เสียเวลาเปล่า อย่างเธอกินยังไงก็คงไม่โตไปกว่านี้” ไอ้คนปากเสีย! “แล้วแกจะขำอีกนานไหม ถ้าชอบมากก็ไปนั่งฝั่งโน่นไป!” ผลักไหล่เพื่อนตัวดีที่ไม่มีทีท่าจะหยุดขำ “โทษที ๆ เวลาเห็นแกกับพี่เขี้ยวทะเลาะกันแล้วมันน่ารักดี” “น่ารักกับผีนะสิ” จิปากใส่เพื่อนอย่างขัดใจ แต่พอหันหน้ากลับมาก็เจอไอ้ยักษ์กำลังยกยิ้มมุมปาก “ยิ้มทำไมไม่ทราบ” “ไม่อยากร้องไห้ก็เลยยิ้ม” “กวนตีน” ฉันเลิกสนใจทั้งเพื่อนทั้งไอ้ยักษ์ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาไม่อยากเสวนากับพวกกวนประสาท แล้วไม่นานกวยจั๊บชามโตก็ยกมาเสิร์ฟ จากนั้นก็ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก “ไอ้แนนไปไหน” ถามหาเพื่อนสนิทเมื่อมองหาซ้ายขวาแล้วไม่เจอ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวเองหายหัวไปไหนเนี่ย “น้องแนนกลับแล้ว” “กลับ? กลับไปไหน” “กลับบ้าน” กลับบ้านหาแปะมันรึไง แล้วฉันล่ะไหนบอกว่าจะไปส่ง ดูท่ายัยคนนี้ไม่อยากมีชีวิตรอดจนถึงวันรับปริญญางั้นสินะ “ขึ้นรถ” “อะไร” ยังก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ด่าแม่ชีแนน นางเพื่อนกลับกลอก นางหมาจิ้งจอกหางสั้น! “มาขึ้นรถได้แล้ว” ละสายตาจากโทรศัพท์เมื่อคนที่นั่งคร่อมอยู่บนฮาร์เล่ย์ยื่นหมวกกันน็อกให้ “เอาไป” “ที่นั่งหน้าสลอนอยู่ตรงนี้คือจะไปส่ง?” “หรือจะเรียกรถกลับเองจะได้กลับ” “เดี๋ยว!” แค่ถามเองไหมจะรีบไปไหนพ่อ “แล้วรู้ไหมทำไมไอ้แนนชิ่ง” ใส่หมวกไปถามไป ไม่รู้เพราะกำลังหงุดหงิดเพื่อนตัวดีรึเปล่าถึงใส่สายรัดคางไม่ได้สักทีจนไอ้ยักษ์เริ่มถอนหายใจ แล้วในที่สุดดูเหมือนจะรำคาญถึงได้ยืดตัวลุกแล้วเดินเข้ามาหา ทำให้ตอนนี้เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ตอนอยู่ในมอใกล้ยิ่งกว่านี้แต่แปลกที่ฉันดันไม่รู้สึกอะไรเลย ต่างจากตอนนี้ที่เหมือนอกข้างซ้ายจะเต้นเร็วกว่าปกติ ทำไมกันนะ หรือเป็นเพราะฉันกำลังมองสบกับตาคมที่เห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ร่างกายก็เลยทำงานแปลก ๆ “ขึ้นรถได้แล้ว ลีลาเดี๋ยวก็ดึกไปกว่านี้” เป็นไอ้ยักษ์ที่ดึงสติของฉันกลับคืนมา “อือ” ไม่ต่อปากต่อคำเพิ่ม รวบกระโปรงจับไหล่แข็ง ๆ เป็นหลักยึดแล้วปีนนั่งเบาะด้านหลังโดยมีเจ้าของรถใช้แขนประคองช่วย “พร้อมยัง?” “อือ” เป็นอีกครั้งที่ฉันตอบกลับในลำคอ “ถ้ากลัวตกก็จับเสื้อ แต่ถ้ากลัวมากอนุญาตให้กอดเอว” “ไปสักที” ชักสีหน้าใส่อย่างรำคาญแต่อย่างนั้นไอ้ยักษ์มันก็ยังยิ้ม กว่าจะออกตัวได้ก็เวิ่นเว้อแถมยังโยนกระเป๋าใบโตมาให้ฉันถืออีกต่างหาก “เตี้ย ต้องแวะเติมน้ำมันก่อน” “อะไรนะ!” ถึงไม่ได้ขับเร็วมากแต่ลมก็แรงอยู่ทำให้ได้ยินไม่ชัดว่าไอ้ยักษ์พูดอะไร “บอกว่าต้องแวะเติมน้ำมันก่อน” ฉันขยับเข้าไปอีกเพราะว่าไม่ได้ยิน ยื่นหน้าไปใกล้ส่วนไอ้ยักษ์มองถนนก่อนที่จะเปิดกระจกบังลมแล้วเอี้ยวหน้ามาบอกอีก “ต้องแวะปั๊มเติมน้ำมัน” “อ๊ะ!” ฮาร์เล่ย์คันโตเบรกกึกกะทันหัน ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติป่านนี้ฉันคงแหกปากร้องโวยวาย แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องทำตัวยังไง “เตี้ย เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจเจ็บรึเปล่า” “ไม่ ๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ดันอกใหญ่ให้ถอยห่างเมื่อไอ้ยักษ์กำลังจะก้มหน้าลงมาดู ขอร้องละอย่าพึ่งเข้าใกล้ฉันตอนนี้ “จะไม่เป็นไรได้ยังไงก็เมื่อกี้ปากเรากระแทกกัน” จะพูดขึ้นมาทำไมเล่าคนยิ่งไม่อยากได้ยินอยู่ “ไหนเงยหน้า” พยายามเบือนหน้าหนีแต่ไอ้ยักษ์ก็มาเชยคางขึ้นจนได้ “เห็นไหมว่าปากแตก” จะเห็นได้ยังไงในเมื่อตาฉันไม่ได้อยู่ที่ปาก “นะ นี่นาย” ถึงกับกลั้นลมหายใจเมื่อปลายนิ้วสากไล้ลงมาแตะริมฝีปาก ไม่พอแค่นั้นยังถอดหมวกกันน็อคแล้วก้มหน้าลงมาหาจากนั้นก็เป่าลมอุ่น ๆ ลงบนแผล “ดีขึ้นไหม” ฉันพึ่งสังเกตว่าตาของไอ้ยักษ์เป็นสีดำอมฟ้าก็ตอนนี้ที่เราสบตากันอีกครั้งในระยะเพียงเท่านี้ “ว่ายังไงรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” น้ำเสียงนุ่มหูอย่างที่ไม่เคยได้ยินเอ่ยชิดริมฝีปาก ลมหายใจปัดป่ายกันไปมาในขณะที่สายตายังไม่ละออกจากกัน “ถ้าเธอเอาแต่เงียบแบบนี้ฉันจะไม่ไหวเอานะเตี้ย” เป็นอีกครั้งที่นิ้วโป้งยาวไล้ลงมาตรงมุมปาก สายตาไอ้ยักษ์ละจากฉันแล้วก้มมองยังจุดที่ต่ำกว่า ใบหน้าที่ใกล้กันมากอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งแทบไม่มีระยะห่าง อยากยกมือขึ้นผลักไสแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ไอ้หลิวแกเป็นอะไรของแกเนี่ย ตั้งสติเดี๋ยวนี้เลย! ปี๊บ! ปี๊บ! “เป็นอะไรรึเปล่าน้อง มีอะไรให้ช่วยไหม” เสียงบีบแตรทำให้ฉันได้สติแล้วรีบผลักไอ้ยักษ์ให้ถอยห่าง ลนลานหันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นพี่ ๆ ที่หยุดรถถามมองมาอย่างสงสัย “พอดีมีอะไรเข้าตาน้องน่ะครับผมก็เลยต้องจอดรถ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ” ไอ้ยักษ์ค้อมหัวส่งให้อย่างขอบคุณ “งั้นเหรอ แล้วเอาออกได้ยัง ถ้ายังในรถพี่มีไฟฉายนะเอาไหม” พี่เขาคงเห็นว่าไฟข้างทางค่อนข้างสลัวถึงได้หยิบยื่นความช่วยเหลือ “ได้แล้วครับพี่ขอบคุณครับ” พี่เขาพยักหน้า ฉันเลิกมองฟ้ามองดินแล้วหันไปค้อมหัวขอบคุณพี่เขาบ้างจากนั้นพลเมืองดีก็ขับรถออกไป ตอนนี้ข้างทางเลยเหลือแค่ฉันกับไอ้ยักษ์แค่สองคน “ไปกันเถอะ เดี๋ยวถึงปั๊มค่อยทำแผลทายา” “อะ อือ” ให้ตายเถอะไอ้หลิวทำไมแกถึงพูดตะกุกตะกักแบบนี้ แค่โดยไอ้ยักษ์จูงมือมาขึ้นรถมันต้องอาการหนักขนาดนี้เลยงั้นเหรอ “กอดเอวด้วย เดี๋ยวมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก” แถมยังทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่ายอีกต่างหาก โดยที่แขนเล็กค่อย ๆ สอดเกี่ยวเข้าไปกับเอวสอบ ส่วนมือไม่รู้ว่าต้องวางไว้ที่ไหนไอ้ยักษ์เลยกระชับเข้าหากันแล้ววางแหมะตรงหน้าท้อง บ้าจริง! นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่ หรือว่าฉันกำลังถูกไอ้ยักษ์สะกดจิต?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD