7 ความสดใส

2169 Words
สามวันต่อมา... @ห้องประชุมใหญ่ "ใครเป็นคนสรุปนะ" เสียงสุรชัยที่นั่งอยู่หัวโต๊ะห้องประชุมเอ่ยถามขึ้น โดยวันนี้ชายวัยกลางคนได้มาเข้าร่วมประชุมโพรเจกต์สำคัญของบริษัท "คุณแพทริคครับ" หนึ่งในพนักงานชายที่เป็นคนรับหน้าที่ในการพรีเซนต์สรุปงานในครั้งนี้เอ่ยตอบกลับประธานใหญ่ด้วยท่าทีนอบน้อม สุรชัยที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองแพทริค ลูกชายคนเล็กของตัวเองทันทีด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ ทว่านัยน์ตาของเจ้าสัวใหญ่นั้นก็มีความรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย ถึงจะพอรู้จากเพทายมาอยู่บ้างว่าแพทริคจะเป็นคนรับดูแลโพรเจกต์นี้ แต่สุรชัยก็ไม่คิดว่า ลูกชายคนเล็กของเขาจะทำงานออกมาได้ดีขนาดนี้ "..." แพทริคที่นั่งถูกคนเป็นพ่อจ้องมองอยู่ก็เอาแต่นิ่งไม่พูดหรือเอ่ยอะไรออกมา เขาถูกเพทายบังคับให้มาร่วมประชุมในวันนี้ "ตอนนี้เราได้ข้อสรุปหลักแล้ว จะเริ่มดำเนินการเลยไหมครับ" เพทายหันเอ่ยถามเจ้าสัวใหญ่ สุรชัยจึงละสายตาจากแพทริคหันกลับไปพูดคุยกับลูกชายคนโต "อืม แกมีความเห็นว่ายังไงล่ะ" "ผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การเริ่มลงมือครับ" รองประธานหนุ่มตอบ ทำให้คนเป็นพ่อพยักหน้าอนุมัติให้อีกคนจัดการ "งั้นแกก็เริ่มจัดการได้เลย" "ครับ" ชายหนุ่มวัยใกล้สามสิบก้มหน้ารับคำจากผู้เป็นพ่อ สุรชัยก็นิ่งไม่พูดอะไรต่อ ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ทว่าก็ไม่วายหันไปมองลูกชายคนเล็กของตัวเองนิ่ง สายตาของชายวัยกลางคนดูยากที่จะคาดเดาความคิดและความรู้สึก แล้วเจ้าสัวผู้ทรงอิทธิพลก็เดินออกไป ตามด้วยพนักงานที่ต่างก้มหน้าแสดงความเคารพลูกชายทั้งสองของประธานพร้อมกับเดินออกจากห้องไป ซึ่งไม่นาน ภายในห้องก็หลงเหลือเพียง เพทาย แพทริค แล้วก็อนุชิต "อาทิตย์หน้า แกต้องเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของโพรเจกต์" เสียงเพทายเอ่ยบอกน้องชายต่างแม่เสียงเรียบ ทำให้คนที่นั่งอยู่หันมองพี่ตัวเอง "หมายความว่าไง" "หมายความว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกจะต้องเข้ามาช่วยฉันทำงาน" พรึบ! แพทริคลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานอย่างแรงด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ราวกับถูกมัดมือชก ทว่าเมื่อเจอสีหน้าและสายตาของเพทายก็มีความยำเกรงอยู่ไม่น้อย "ถ้าวันนั้นฉันไม่เห็นหน้าแกโผล่มาละก็..." "...แกได้เจอฉันในห้องนั้นแน่" สิ้นเสียงทุ้มเรียบเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามเอ่ย ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที ก่อนที่รองประธานหนุ่มจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเยือกเย็น โดยมีสายตาของแพทริคที่เอาแต่มองตามแผ่นหลังหนาของคนเป็นพี่ไปด้วยสีหน้าชะงักไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีใด ๆ ออกมา เพราะห้องนั้นที่คนเป็นพี่เอ่ยถึง...มันคือห้องที่เป็นเหมือนนรกตอนวัยเด็กสำหรับเขา... @ห้องทำงาน พรึบ เสียงเพทายนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานภายในห้องตัวเองด้วยสีหน้าท่าทีปกติ ก่อนที่เลขาสาวสวยจะเดินเข้ามารายงานเกี่ยวกับตารางงานของรองประธานหนุ่มในวันนี้ "สวัสดีค่ะคุณเพทาย...วันนี้มีเอกสารเข้ามาให้เช็กดูก่อนประมาณสิบสองแฟ้มนะคะ เป็นเอกสารด่วนทั้งหมด แล้วก็มีเกี่ยวกับโพรเจกต์..." หญิงสาวยืนรายงานเอกสารสำคัญต่าง ๆ รวมถึงการทำงานของแต่ละแผนกที่ต้องบอกกล่าวให้คนเป็นรองประธานรู้ ซึ่งเพทายก็นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ พร้อมทั้งก้มลงอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าไปพลาง ๆ กระทั่งการรายงานตามหน้าที่ของเลขาสาวได้จบลง "ทั้งหมดก็มีเท่านี้ค่ะ" "อืม แล้ววันนี้มีประชุมข้างนอกหรือเปล่า" "ไม่มีเลยค่ะคุณเพทาย มีออกไปคุยงานด้านนอกอีกทีก็วันศุกร์เลยค่ะ" "..." คนตัวสูงพยักหน้ารับรู้ เลขาสาวที่เห็นแบบนั้นก็ก้มหน้าตอบค่อย ๆ หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานขนาดใหญ่ไปด้วยท่าทีนอบน้อม โดยเพทายก็นั่งจดจ่ออยู่กับหน้าที่ของตัวเองที่จะต้องตรวจเช็กเอกสารสำคัญทุกแฟ้มตรงหน้าก่อนจะลงมือเซ็นชื่อ ทุกตัวอักษรอยู่ภายใต้การตัดสินใจของรองประธานหนุ่ม เพทายไม่คิดปล่อยให้พลาดแม้แต่ตัวเดียว ชายหนุ่มค่อนข้างที่จะรอบคอบและจริงจังเป็นอย่างมากเมื่อถึงเวลาต้องเช็กทุกอย่าง เจ้าของใบหน้าหล่อของชายวัยใกล้สามสิบเต็มเอาแต่จ้องมองที่เอกสารมากมายตรงหน้าอยู่อย่างนั้น จนถึงแฟ้มสุดท้ายที่กำลังจะเสร็จสิ้น "ฟู่ว..." เสียงปากหนาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยสีหน้าล้าสายตาอยู่ไม่น้อย มือแกร่งเอื้อมขึ้นไปหยิบแว่นตากรอบสีดำที่สวมใส่อยู่ออกพลางใช้มือกดไปยังรอบ ๆ บริเวณหัวคิ้วด้วยสีหน้าราบเรียบ อนุชิตที่เห็นแบบนั้นจึงหันไปเอ่ยถามเจ้านายคนสนิทด้วยความนึกรู้ในท่าทางต่าง ๆ "วันนี้ผ่อนคลายสักหน่อยดีไหมครับ" ทันทีที่ลูกน้องหนุ่มพูดจบ รองประธานตัวสูงก็นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหน้าถามอีกคนกลับ "สังกัดไหน" "เดิมครับ" "..." เพทายก็นิ่ง "รับรองว่าเก็บความลับอยู่ ไม่มีกล้าปริปากเล่า..." "ฉันรู้ในเรื่องนั้น แต่...ที่ส่งมา ยังไม่ค่อยเท่าไร" "ไม่ถูกใจเหรอครับ" "..." คนตัวสูงก็เงียบไม่ตอบ ทำให้อนุชิตพอจะเข้าใจในท่าทางของคนเป็นเจ้านาย "งั้นเดี๋ยวผม..." "ช่างเถอะ สังกัดเดิมก็สังกัดเดิม" ปากหนาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง อนุชิตที่ได้ยินแบบนั้นก็ก้มหน้ารับคำรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาจัดการติดต่อไปหาหญิงวัยกลางคนที่เป็นคนดูแลเกี่ยวกับการหาหญิงสาวนางแบบหน้าสวยหุ่นดีมาดูแลรองรับการปลดปล่อยจากรองประธานหนุ่ม โดยมาลีจะเป็นคนคอยหาหญิงสาวที่ไว้ใจได้ในการเข้ามาดูแลเพทาย เนื่องจากภาพลักษณ์ภายนอกของชายหนุ่มค่อนข้างสำคัญ หากมีเรื่องอะไรแบบนี้หลุดออกไป อาจจะไม่ใช่ผลดีสักเท่าไร ทำให้มาลีค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องการเลือกตัวนางแบบสาวสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ แน่นอนว่าเธอได้รับค่าตอบแทนเป็นอย่างดีและเป็นหนึ่งในคนที่อนุชิตไว้ใจอยู่ไม่น้อย "เรียบร้อยแล้วครับ" เสียงลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกคนเป็นเจ้านายขึ้นหลังจากที่จัดการคุยทุกอย่างเสร็จ "อืม" "คุณเพทายจะให้ไปที่ไหนดีครับ เพนต์เฮาส์หรือ..." "มูลนิธิ" "ครับ?" "ไปที่มูลนิธิ ฉันไม่เคยพาใครเข้าเพนต์เฮาส์" ในประโยคหลัง ดวงตาคมจ้องมองหน้าลูกน้องตัวเองนิ่งทว่าก็ไม่ได้แสดงท่าทีดุดันหรืออะไร "ครับ งั้นคุณเพทายจะไปเลยไหมครับ" "..." เจ้าของใบหน้าหล่อพยักหน้าตอบ ก่อนที่สองคนจะพากันเดินออกจากห้องทำงานสุดหรูตรงไปยังรถราคาแพงที่จอดอยู่ไม่ไกล ด้านอลินญา "สวัสดีค่ะคุณลูกค้าคนสวย วันนี้รับอะไรดีคะ" เสียงหวานของหญิงสาววัยสิบเก้ายิ้มถามเด็กน้อยวัยสี่ขวบกว่าที่อยู่ตรงหน้า "เอา...เอาข้าวผัดค่ะ" "ได้เลยค่ะ เดี๋ยวคุณลูกค้าตัวน้อยรอก่อนนะคะ" ใบหน้าใสยิ้มหวานบอกพลางผายมือให้เด็กน้อยไปนั่งรอพร้อมกับหยิบของเล่นที่เป็นการทำอาหารมากมายขึ้นมาทำเหมือนว่ากำลังผัดข้าวให้อยู่ ซึ่งตอนนี้อลินญาได้เล่นขายของอยู่กับเด็ก ๆ ในช่วงพักกลางวัน โดยมีดวงจิตที่คอยยืนมองอยู่ไกล ๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดูร่างบางอยู่พอสมควร เพราะตั้งแต่ที่อลินญาเข้ามา เด็ก ๆ ในมูลนิธิก็ต่างติดครูพี่ช่วยเลี้ยงคนใหม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากคนตัวเล็กค่อนข้างที่จะใจดีและคอยรับฟังเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ทุกคนด้วยความใจเย็น ไม่เคยแสดงท่าทีหงุดหงิดหรือรำคาญออกมาเลยสักครั้ง "ครูพี่อลิน พลอยใสอยากเป็นคนขายบ้างค่ะ" เด็กน้อยที่นั่งอยู่เดินเข้ามาเอ่ยอ้อนใส่ครูพี่ช่วยเลี้ยงเสียงใส อลินญาที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะยิ้ม "มาเลยค่ะ งั้นเดี๋ยวครูพี่อลินเป็นลูกค้าบ้างน้า~" "คี่ ๆ ค่ะ" เด็กน้อยตอบกลับตาหยีทำเอาอลินญาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งยิ้มกว้าง รู้สึกเอ็นดูไปกับท่าทางช่างอ้อนพวกนั้น มือเรียวเล็กอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปจับแก้มใสของเด็กวัยสี่ขวบกว่าเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูปนหมั่นเขี้ยวในความน่ารัก ใบหน้าจิ้มลิ้มฉีกยิ้มกว้างออกมาไม่หยุด โดยไม่รู้ตัวเลยว่า นอกจากที่จะมีหญิงวัยกลางคนที่เป็นคนดูแลมูลนิธิมองเธออยู่นั้น ยังมีชายหนุ่มวัยใกล้สามสิบอีกคนที่เผลอจ้องมองไปยังร่างเล็กด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าแววตากลับเอาแต่มองดูความสดใสพวกนั้นไม่หยุด กระทั่งเสียงของอนุชิตดังขึ้น "คุณเพทายครับ" รองประธานหนุ่มจึงได้สติ ทำท่าจะเดินผ่านห้องขนาดเล็กที่มีครูพี่ช่วยเลี้ยงกับเด็กน้อยจำนวนหนึ่งอยู่ในนั้นตามปกติเหมือนอย่างทุกครั้ง ซึ่งในตอนแรกเขาก็เพียงแค่จะเดินผ่านเลยไป แต่เพราะได้ยินเสียงใสหัวเราะออกมาด้วยความสนุกสนานก็ทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะเผลอมองเข้าไป... ตึก ตึก สองเท้าหนักสาวเท้าเดินตรงเข้าไปยังห้องทำงานของตัวเองที่อยู่ด้านในสุดของตึกมูลนิธิ โดยทันทีที่เดินเข้าไปได้ไม่นาน ก๊อก ๆ เสียงคนเคาะประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ก็ดังขึ้น ทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อหันไปพยักหน้าบอกลูกน้องคนสนิทให้เปิดประตูให้คนที่เคาะประตูเดินเข้ามา "สวัสดีค่ะคุณเพทาย" ดวงจิตเดินเข้ามาทักทายเจ้าของโครงการหนุ่มด้วยท่าทีสุภาพพลางหยิบเอกสารที่อยู่ในมือยื่นให้แก่คนตรงหน้า "นี่คือเอกสารรายรับรายจ่ายของเดือนนี้ค่ะ" "อืม" ร่างสูงที่นั่งอยู่ก็พยักหน้ารับรู้หยิบเอกสารที่วางอยู่ขึ้นมามองดู ก่อนที่คนดูแลจะเอ่ยรายงานเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภายในมูลนิธิ "เมื่อสองวันก่อน ได้มีครูพี่เลี้ยงลาออกไป เนื่องจากท้องอ่อน ๆ อยู่ ไม่สามารถที่จะมาทำงานได้ปกติ" "..." เพทายก็พยักหน้ารับรู้ให้อีกคนพูดต่อ "ทางเราจึงเปิดรับครูพี่เลี้ยงเข้ามาใหม่ ซึ่งก็มีคนหนึ่งที่ค่อนข้างตรงกับที่ทางมูลนิธิเราต้องการ ดวงจิตจึง..." "เรื่องพวกนี้ จัดการไปได้เลย ไม่ต้องมารายงานฉัน" สิ้นเสียงทุ้มเรียบเอ่ย ดวงจิตก็รีบก้มหน้ารับคำทันทีด้วยความนอบน้อม "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ก็ออกไป" "ค่ะ" หญิงวัยกลางตอบกลับพลางรีบสาวเท้าเดินออกไปด้วยความรวดเร็ว ทว่ายังไม่ทันที่จะพ้นบริเวณประตูห้อง "เดี๋ยว" "ค คะ?" ดวงจิตขานตอบ "ฉันต้องการไอ้นั่น ไปเอามาให้ที" "ได้ค่ะ" คนดูแลพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ซึ่งเพทายก็ไม่ได้สนใจอะไรใช้สายตาปรายมองตามหลังดวงจิตนิ่งพร้อมกับหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาตรวจดูอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ระหว่างรอเวลาที่จะได้ปลดปล่อยบางอย่าง... "ครูพี่อลิน...พลอยใสหิวน้ำค่ะ" เสียงหวานของเด็กน้อยเอ่ยบอกครูพี่ช่วยเลี้ยงทำให้ร่างบางที่ได้ยินรีบลุกขึ้น "ได้เลยค่ะ เดี๋ยวครูพี่อลินไปหยิบน้ำมาให้นะคะ รอกันอยู่ตรงนี้ก่อนน้า ห้ามไปดื้อหรือซนที่ไหนนะคะ รู้ไหม" เรียวปากเล็กขยับบอกเด็ก ๆ ที่นั่งเล่นอยู่ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าตอบกลับอย่างว่าง่าย ครูพี่ช่วยเลี้ยงจึงรีบเดินออกไปยังภายในห้องครัวเพื่อหยิบน้ำให้เด็ก ๆ ทว่าขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ก็มีนางแบบสาวหุ่นดีคนหนึ่งเดินสวนกับคนตัวเล็กไป โดยอลินญาก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังบางไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงในความสวยดูดี "ขายาวจัง..." ปากเล็กพึมพำพลางเผลอทำหน้ายู่ออกมาเมื่อเหลือบมองลงไปยังขาน้อย ๆ ของตัวเองที่เมื่อกี้ขณะเดินสวนกัน เธอยังสูงเกินไหล่ของนางแบบสาวเพียงแค่นิดเดียว "...ชาตินี้จะได้รับลมด้านบนในที่สูง ๆ แบบนั้นบ้างไหมนะเรา" เสียงหวานยังคงงึมงำไปกับความสูงอันน้อยนิดที่ตัวเองมี ก่อนจะเลิกสนใจทุกอย่างเดินตรงไปยังภายในห้องครัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD