กฤษณะกลับมาถึงคอนโด ขึ้นลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นสิบแปด ยืนมองตัวเลขที่แสดงเลขชั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง เอาแผ่นหลังพิงไปกับผนังลิฟต์เพื่อยืนรอ
ระหว่างนั้นคิดอะไรเพลินๆ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องราวของนักศึกษาหญิงคนนั้นที่ทำให้เขาเก็บมาคิด
ยอมรับว่าเคยได้ยินเรื่องราวที่มีคนสอบติดมหา'ลัยดังแต่ไม่มีเงินเข้าเรียน จึงได้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ให้ทุนการศึกษาเรียนจนจบปีสุดท้าย แต่เขาไม่ได้ยินพีรดาเอ่ยถึงเรื่องทุนการศึกษาแบบนี้ คล้ายว่าเธอทำงานส่งตัวเองเรียนเรื่อยมา
เด็กสาวที่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุสิบแปดปี พีรดาบอกว่าเธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในผับบาร์ จากนั้นถึงเปลี่ยนมาเป็นเด็กนั่งดริ๊งบ้าง ซึ่งหากทำทุกวันก็คือเมาทุกวัน!
แล้วร่างกายของเด็กวัยนี้ที่ควรจะพัฒนาเติบโตไปเรื่อยๆ เขาไม่อยากคิดเลยกว่าพีรดาจะเรียนจบเธออาจได้เข้าโรงพยาบาลเสียก่อน
คนเป็นอาจารย์ที่ลึกๆ ในใจแล้ว รักและเอ็นดูลูกศิษย์ตัวเองเหมือนลูกเหมือนหลาน ไม่ว่าใครก็คงคิดอย่างเขาเหมือนกัน เขาจึงได้กล้าให้พีรดายืมเงินแบบนั้น ถึงแม้จะมีคำพูดมากมาย แต่สุดท้ายถึงเธอไม่มีหลักค้ำประกันอะไรเลยเขาคงให้เธออยู่แล้วล่ะ บอกแล้วไงว่ารักเหมือนลูกเหมือนหลาน
เสียงลิฟต์ที่ส่งสัญญาณดังขึ้น พร้อมกับประตูที่เปิดออก ทำให้กฤษณะวางเรื่องราวของพีรดาลงไปก่อน
พาร่างกายสูงโปร่งราวกับนายแบบ เดินเอามือล้วงกระเป๋าข้างเดียวมาทางห้องพักของตัวเองช้าๆ แต่ขายาวต้องค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเมื่อเจอใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า
ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาจารย์หนุ่มต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ มีผู้หญิงยืนรอเขาที่หน้าห้อง แล้วคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ จะเป็นใครไปได้ 'คุณหญิงรตี'
@20:00น.
"แหม่มศรี.."
"ขาาา คุณผู้หญิง" คนสนิทเบอร์หนึ่งของคุณหญิงรตีอายุสี่สิบปีมีร่างท้วม พ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้าน ส่งเสียงตอบรับกังวาน ได้ยินตั้งแต่ในครัวยันสุดซอย แล้วรีบเดินเร็วออกมานั่งลงด้านล่างทันที
วางมือทั้งสองข้างลงที่หน้าขาของเจ้านายอายุมากกว่าสิบห้าปีอย่างเอาอกเอาใจ แก่แต่อายุ แต่ใบหน้ากลับเต่งตึงเพราะเทียวไปดึงนั่นไง ดึงแต่หน้าคอไม่สนใจเหี่ยวย้อยเสียอย่างนั้น
"แกว่าลูกชายสุดหล่อของฉันจะถูกใจผู้หญิงคนนี้มั้ย" เมื่อเลื่อนดูรูปสาวสวยคนล่าสุดที่เพิ่งส่งไปให้ลูกชายแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ว่าจะส่งบุคลิกไหนๆ ไปได้กลับมาร้องไห้ให้ฟังแทบทุกคน
แต่คราวนี้เธอส่งผู้หญิงเรียบร้อย ให้รู้ไปเลยว่าภายในปีนี้เธอจะไม่ได้อุ้มหลาน ร้อยทั้งร้อยผู้ชายแพ้ผู้หญิงแบบนี้แน่นอน ลูกชายเธอปฏิเสธไม่ลงแน่
"ไหนคะคุณผู้หญิง" แหม่มศรียืดคอขึ้นไปมองตามเมื่อคุณหญิงรตีลดโทรศัพท์มือถือลงให้ดูช่วยกัน
"ว้าย สวยเรียบร้อยน่าทะนุถนอมขนาดนี้ใครจะไปปฏิเสธลงคะ" แล้วเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจก็ดังขึ้นพร้อมกัน แหม่มศรีเอามือปิดปากอย่างจริตจะกร้าน หัวเราะจนไหล่สั่น โยกตัวไปมาเมื่อเห็นคุณผู้หญิงทำ เรียกได้ว่าเธออยู่เป็น ถึงได้ทำอะไรก็ถูกอกถูกใจคุณหญิงไปหมดแบบนี้
มีอะไรถึงได้เรียกแต่แหม่มศรี จนคนอื่นๆ อิจฉาตาร้อนกันเป็นแถว ไม่ว่าจะงานหนักงานเบา ได้เรียกใช้แหม่มศรีแต่เพียงผู้เดียว โอ๊ยย..มันดีใจจริงๆ
เลยกลายเป็นว่า ไม่ว่าจะซักผ้ารีดผ้า กวาดบ้านถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ออกไปช็อปปิ้งหิ้วของหนักเป็นเพื่อน เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นนอนกระทั่งเข้านอน มีแต่แหม่มเพียงคนเดียว มันถูกอกถูกใจจริงๆ พวกที่เหลือน่ะเหรอ เดือนหนึ่งถึงจะเห็นเรียกใช้ครั้ง ก็นั่งๆ นอนๆ ไปเถอะ
"บางครั้งพวกผู้ชายก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงเรียบร้อยไปเสียหมดหรอกนะคุณหญิง" คนที่นั่งดูข่าวสารในจอไอแพดไม่วางตา หากแต่ประโยคกลับเอ่ยกับคนเป็นภรรยาว่าอย่างนั้น
จึงทำให้เสียงหัวเราะร่วนของเจ้านายและคนสนิทค่อยๆ ลดลงไปตามๆ กัน บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้งจนแหม่มศรีเสียวสันหลังว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ร้อยแปด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณผู้ชายขัดแข้งขัดขาคนเป็นภรรยาตัวเอง
"คุณหมายความว่ายังไงคะ" คุณหญิงรตีเชิดหน้าชูคอเอ่ยถามคนเป็นสามีอย่างหมั่นไส้
"คู่ครองของลูกก็ให้ลูกเป็นคนเลือกเองเถอะคุณ" กฤษฎาละสายตาออกจากจอไอแพดมาคุยกับภรรยาดีๆ แต่ละวันเขาต้องมานั่งทนฟังคนเป็นเมียคุยกับคนใช้ว่าลูกชายเขาจะเอาใครไหม หรือวันนี้มีใครร้องไห้กลับมาดี
"จะให้รตีทำแบบนั้นได้อย่างไรคะ ปีนี้เจ้ากฤษอายุเท่าไหร่แล้ว ลูกสามสิบหกปีแล้วนะคะ จะมีเมียมีลูกตอนไหนกัน ป่านนั้นคุณไม่แก่ลงโลงไปแล้วเหรอคะ"
"นี่คุณว่าผมเหรอคุณรตี!" คนเป็นสามีตาโตทันที
"เปล่าค่ะ รตีแค่เปรียบเทียบเฉยๆ รตีมีลูกชายคนเดียวนะคะ รตีไม่ยอมให้ลูกอยู่เป็นโสดจนพ่อตัวเองแก่ตายไปก่อนเด็ดขาด"
"นี่ๆ ว่าผมแก่ ตัวคุณเองก็ไม่ต่างกันหรอก คิดว่าการที่คุณเทียวไปดึงหน้าอยู่ทุกอาทิตย์มันจะสามารถหลอกล่ออายุให้หยุดเดินไปได้หรือไงกัน"
"นี่คุณว่ารตี!" คนเป็นภรรยากระชากเสียงใส่สามี
"ก็คุณว่าผมก่อนไง!"
แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ร้อยแปดอย่างที่แหม่มศรีว่าเอาไว้จริงๆ เป็นเธอที่ต้องนั่งฟังสองผัวเมียทำสงครามน้ำลายสาดใส่กันข้ามหัวเธอไปมา ถ้าเอากะละมังมารอง เธอว่าป่านนี้เต็มไปแล้วแน่ๆ
@ยี่สิบนาทีต่อมา..
"ก็คุณว่าผมก่อน!"
"ก็คุณว่ารตีแก่ทำไมล่ะคะ!"
"เอ่อ..ยะ..หยุดก่อนค่ะคุณผู้หญิงคุณผู้ชาย" แหม่มศรีรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นห้ามเอาไว้ แล้วเสียงก็ค่อยๆ หยุดลง มีเพียงคนแก่ทั้งสองนั่งหายใจหอบเพราะเหนื่อย หันหน้าไปคนละทางราวกับเหม็นขี้หน้ากันมาก
"แหม่มว่าเรารอดูคนนี้ก่อนดีกว่านะคะ" นั่งจึงทำให้คนเป็นสามีคุณหญิงรตีเดินออกไปจากตรงนี้ ท่ามกลางภรรยาที่มองตามหลังบ่นอุบอิบสาปส่ง
ในอดีตเหตุการณ์ในบ้านเกิดขึ้นบ่อยๆ จนคนใช้พากันออกมามุงดู แต่ตอนนี้ทุกคนต่างชินชา ทำหน้าที่ตัวเองไปเสียอย่างนั้น โดยไม่ได้สนใจสงครามประสาทระหว่างสองผัวเมียเลย
ด้านคนที่ถูกเรียกตัวกะทันหันอย่างพีรดางงเป็นไก่ตาแตก เมื่อกำลังนั่งดริ๊งไปได้เพียงสามช็อตเท่านั้น แต่ต้องรีบลางาน แล้วออกมาเจอเจ้าหนี้ที่สวนสาธารณะในยามค่ำคืน
"อาจารย์เรียกหนูมามีอะไรเหรอคะ" คนที่อยู่ในชุดเดรสสีดำรัดรูป กระโปรงสั้นสองคืบ ด้านบนเป็นสายเดี่ยวเส้นสปาเกตตีเล็กๆ อวดเนินอวบอิ่มที่โผล่พ้นออกมาด้านหน้ามากกว่าครึ่งเต้า ตามฉบับของคนที่ต้องการเรียกลูกค้า ถามอาจารย์หนุ่มที่เรียกให้เธอมาหาภายในยี่สิบนาทีด้วยเสียงเหนื่อยหอบ
เขาเพียงโทรเข้ามา แล้วบอกว่ารอพบเธอที่ไหน เธอก็คิดไปว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจึงได้รีบมา
ดึกแล้ว เธออยู่ในชุดทำงาน ทว่าเขายังอยู่ในคราบอาจารย์สอนนักศึกษา มองเธอมาด้วยใบหน้าจริงจังกว่าเมื่อตอนเย็น
"แกล้งเป็นแฟนให้ผมหน่อย"
"คะ"
"ผมมีความจำเป็นต้องมีแฟน เดี๋ยวนี้" กฤษณะบอกเสียงเข้มในประโยคท้าย เขามองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ และพีรดาก็เป็นผู้หญิงคนแรกนอกจากแม่ที่เขาเมมเบอร์โทร
พอกฤษณะเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยืนขวางทางประตูเอาไว้อยู่ เขาเลือกไม่เดินไปดูเพื่อพูดคุยให้เสียเวลาอย่างทุกวัน เพราะเขาเบื่อเต็มทน!
เห็นทีว่าเขาต้องรีบจัดการอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้อยู่อย่างสงบแน่ ไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้แม่อาจส่งเป็นผู้หญิงนุ่งขาวห่มขาวมาแทน เพราะแทบทุกอาชีพทั้งหมดในโลกใบนี้แม่เขาหามาหมด เป็นเวลากว่าสองเดือนที่เขาต้องมาคอยประสาทเสียกับเรื่องที่ไม่ชอบ
ยอมรับว่ามีแอบซื้อกินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดอยากมีใครเป็นตัวเป็นตน ถึงแม้ว่าไอ้เคนมันจะหนีไปมีเมียก่อนใครเพื่อนแล้วก็ตาม ในเมื่อเขายังมีไอ้ซันและไอ้ภูผาโสดเป็นเพื่อนเขายังต้องกังวลอะไร
เขาพอใจที่จะซื้อใครกินให้จบๆ ไปเป็นการชั่วคราว เขายังไม่อยากมีพันธะใดๆ ทั้งนั้น
ส่วนคนที่เขาเรียกมากะทันหันในฐานะเจ้าหนี้ ไม่ได้จะให้เธอมามีพันธะระหว่างเราสองคน แต่เขาอยากให้เธอมาช่วย ให้เขาได้เข้าห้องในคืนนี้
โดยที่เขาจะลดเงินต้นลงให้เธอห้าพัน งานง่ายๆ สบายๆ แค่นี้ เธอสามารถกลับไปนอนต่อที่ห้องได้ชิลๆ
"อะ..อาจารย์ หมายความว่าอย่างไรคะ" พีรดาที่ได้ยินดังนั้นใจเต้นแรงไม่น้อย ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ต้องห้ามเพียงอย่างเดียว แต่มันหมายถึงทำปลอมๆ ก็ลำบากเช่นกัน หากว่าคนรู้จักมาเจอเขาและเธออยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ เรื่องได้ถึงหูอธิการบดีแน่!
กฤษณะเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พีรดาฟังด้วยความจำใจ ทั้งที่กลัวว่านักศึกษาตัวเองอาจหัวเราะเยาะเอาได้
"เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าคุณช่วย ผมจะลดหนี้ให้คุณห้าพัน คืนนี้คุณกลับห้องไปนอนต่อได้สบายๆ ไม่ต้องกลับไปทำงานอีกแล้ว" กฤษณะว่าอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ เงินหลักพันที่เสียไป เทียบกับความสงบที่ได้กลับมาก็ถือว่าคุ้ม
"แต่บางคืนหนูได้มากกว่าห้าพันของอาจารย์นะคะ" กฤษณะจิ๊ปาก ขมวดคิ้วคมเข้มถาม
"งั้นเท่าไหร่"
"หมื่นหนึ่งค่ะ"
"หมื่นหนึ่งเลยเหรอ" ห้าหมื่นหารสามสิบวันคูณด้วยหนึ่งสัปดาห์ เขาสอนเกือบอาทิตย์เลยนะถ้างั้น
"งั้นผมจ้างคุณอาทิตย์หนึ่ง เผื่อพรุ่งนี้มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจะได้เรียกตัวได้ไว" ยังไงก็ต้องเสียอยู่แล้ว ขอยืดเวลาอีกหน่อย
พีรดานิ่งคิด หากเกิดมีคนยอมจ่ายให้เธอช็อตละหนึ่งพันบาท แล้วเธอดื่มได้คืนละสิบช็อต หนึ่งอาทิตย์ก็เป็นเงินเจ็ดหมื่นพอดี ว้าว..
แต่ไม่เคยทำได้ไง เพราะยังต้องถนอมร่างกายตัวเองเอาไว้ เต็มที่ได้แค่ห้าช็อต น้อยนักที่จะมีคนจ่ายช็อตละพัน ห้าร้อยถือว่ามากโขแล้ว
"ว่าไงครับ" กฤษณะถามเมื่อเห็นอีกคนนิ่งคิดนานไป
"มะ..หมื่นห้าได้มั้ยคะอาจารย์" ต่อรองพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน คนที่แต่งหน้าจัดเต็มกว่าตอนมาเรียน ยิ่งส่งให้ใบหน้าได้รูปอยู่แล้วทรงเสน่ห์ขึ้นไปอีก ทั้งการแต่งตัวอวดเนื้อหนังมังสาส่งให้สวยสะพรั่งโดดเด่น จนคนมองเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่ตั้งใจ
"..ตกลง"