สี่ปีก่อน
ข้าวโพด ขวัญสุธา อายุ 18 ปี เพิ่งเรียนจบ ม.6 และสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของกรุงเทพฯ จึงจำใจต้องย้ายจากบ้านชานเมืองมาอยู่คอนโดตามลำพัง จะโชคดีหน่อยก็คือคอนโดนี้เป็นคอนโดเดียวกันกับคอนโดของพี่คิน ภคิน ผู้ชายที่เธอหลงรักมาตั้งแต่เด็ก
พี่คินเป็นใครน่ะเหรอ พี่ภคิน อายุ 22 ปี เป็นลูกของคุณป้าสมปองกับคุณลุงสุวินัย เป็นน้องชายของพี่คิง ภวัต คนหน้าดุที่ชอบทักชอบแซวเธอว่า ‘อ้วนๆ’
บางทีเธอก็อยากจะย้อนพี่เขานะว่าอ้วนที่ตัวเธอ แต่ทำไมมันไปหนักที่หน้าที่ปากพี่เขา แต่เพราะหน้าดุๆ นั่น เธอก็ทำได้แค่เพียงเม้มปากแน่น ไม่กล้าเถียง ไม่กล้าหือกับพี่เขา
พี่คิง ภวัต อายุ 25 ปี เขาหล่อมาก หน้าตานี่เรียกว่าดึงดูดสาวๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาตลอด แต่ก็ติดตรงที่มักบึ้งตึง แถมยังดุ จนเธอก็ไม่เคยเห็นเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ช่างตรงข้ามกับพี่คินที่มีแฟนมานับหน้าไม่ถ้วน แต่ละคนสวยๆ สูงยาวเข่าดี ไม่ต่างจากนางแบบทั้งนั้น
พอก้มมองตัวเอง แขม่วพุงทีไรก็เล่นเอาเหนื่อยเอาท้อใจไม่ใช่น้อย แต่เธอจะสู้ ตราบใดที่พี่คินยังเอ็นดูเธออยู่ ยิ้ม พูดคุยอย่างดี เธอก็ยังถือว่าพี่คินเขามองเธอสำคัญกว่าแม่ผู้หญิงทางผ่านที่คบเล่นๆ พวกนั้น
ถ้าจะวกกลับมาพูดถึงมุมดีๆ ของพี่คิง ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย พี่คิงทำแพนเค้กเก่งมาก เก่งเวอร์ อร่อยฟิน อร่อยทั้งแบบออริจินอล แบบช็อกโกแลตชิพ และแบบนมสด แต่พี่เขาไม่ยักอ้วน แถมยังหุ่นดีอย่างน่าอิจฉา แล้วจะว่าไปทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เธอก็ต้องได้กินแพนเค้กสักอย่างเป็นประจำ
ปิ๊งป่อง...
เธอกดกริ่งแล้วก็ต้องรออย่างมีมารยาทตามที่มารดามักพูดกรอกหู
ปิ๊งป่อง...
“ว่าไง!”
“สะ...หวัดดีค่ะ” ซื้อหวยก็ไม่เคยถูกนะ แต่ที่เดาเอาไว้ว่าตัวเองคงโชคร้ายต้องเจอพี่ภวัตมันช่างตร๊งตรง
“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอกนะ” ภวัตที่เพิ่งตื่นตอบออกไปด้วยอาการหงุดหงิด ถามว่ารู้สาเหตุไหม แน่นอนว่ารู้ แต่ก็แค่ไม่อยากยอมรับว่าเพราะหึงหวงที่น้องน้อยตรงหน้าสนใจแค่น้องชายตนเอง
“อ่อ...”
“จะเข้าหรือจะกลับล่ะ” ปกติถ้าไม่มีอะไรต้องเสวนากัน ขวัญสุธามักจะเลือกที่จะไม่คุยกับเขาตามลำพัง
บางทีก็อยากจะร้องถามออกไปดังๆ ว่าคนแบบเขานี่มันน่าเบื่อ น่ารังเกียจนักหรือไง
“เข้าค่ะ...” พอเข้ามายืนในห้องพี่ๆ ถึงได้รู้ว่ามันกว้างกว่าห้องเธอเยอะเลย ชั้นนี้มีสามห้องนอน และก็มีพื้นที่ใช้สอยร่วมกันทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวก็ค่อนข้างใหญ่
คุณป้าสมปองกับคุณลุงสุวินัยคงรวยมากอย่างที่มารดาเคยบอก
“หิวไหม จะกินแพนเค้กหรือเปล่า” ภวัตถามเมื่อเห็นสายตาสอดส่ายไปทั่วของน้อง อายุ 18 มาอยู่คนเดียว เอาตรงๆ เขาเป็นห่วง เคยบอกมารดาไปแล้วด้วยอ้อมๆ ว่าน่าจะให้อยู่หอในมหาวิทยาลัยมากกว่า
แต่แม่ก็บอกว่าพ่อแม่ของน้อง หรือคุณน้าพรชิตากับคุณน้าทรัพย์เอี่ยมจะสลับกันมาค้างเป็นเพื่อนในช่วงแรก ก็ยังดี อย่างน้อยคนตัวกลมจะได้ไม่เคว้ง
‘อ๋อ...แล้วก็มีพวกแกไง ที่ต้องช่วยดูน้องแทนน้าตา’
นี่คือคำพูดเป๊ะๆ เมื่อเดือนก่อนที่มารดาเรียกเขากับไอ้คินไปออกคำสั่ง
“ไม่ดีกว่าค่ะ ข้าวโพดเกรงใจ”
“ตามใจนะ ขนมนมเนยก็มีในตู้เย็นเปิดกินเอาตามสบายก็แล้วกัน” เขามองหม้อที่น้องถือมา ก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไรกันแน่
นี่พี่คิงคงเห็นเธอเป็นนางหมูน้อยที่วันๆ ก็เน้นกินอย่างเดียวสินะ
“เอาโอวัลตินไหม พี่จะชงให้”
อยากจะบ้าตาย แป๊บเดียวเธอก็เดินตามมาบริเวณที่มีกาน้ำร้อนเสียบอยู่พร้อมพี่คิง นี่เขาจะขุนเธอให้ได้สินะ
“อันนี้กล้วยบวชชี คุณแม่ทำเองและก็ฝากเอามาให้ค่ะ” ท่านต้มให้เธอหนึ่งหม้อ และก็แบ่งมาให้พี่ๆ อีกหนึ่งหม้อ
“ขอบใจนะ”
เสียงเรียบๆ วันนี้ทำไมไม่รู้สึกว่าดุอย่างตอนไปบ้านพี่เขานะ อาจจะเพราะเธอเพิ่งห่างบ้าน พี่เขาก็เลยใจดีด้วย
แล้วไม่นานโอวัลตินก็ถูกเลื่อนมาตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบออกไปราวกับหุ่นยนต์ เธอเกร็งจริงจัง เกร็งไปกับท่าทีใจดีมากๆ ของพี่คิง
“ดื่มสิ สูตรหวานน้อย เออ...พี่ลืม เราคงไม่ต้องระวังเรื่องน้ำหนักมาก เอาน้ำตาลหรือนมข้นเพิ่มไหม”
ดูเขาทำสิ แป๊บเดียวก็หยิบหลอดนมกับโถน้ำตาลมาวางตรงหน้าเธอ เธอเผลอแขม่วพุงแล้วแขม่วพุงอีก
“ไม่ต้องเขิน มานี่พี่ทำให้”
ว่าแล้วเขาก็เริ่มบีบนม ใส่น้ำตาลเพิ่มลงไปให้หนึ่งช้อนพูน
เกลียด! แต่ก็นึกถึงยามเขาทำแพนเค้กปรนเปรอ ก็เกลียดไม่ลงจริงๆ
“ชิมสิ...”
“ค่ะ” อี๋...หวานมาก แต่ก็ไม่กล้าบ่น มองคนที่หันไปเตรียมถ้วย 2 ถ้วยแล้วก็ตักกล้วยบวชชีมาวางตรงหน้าตัวเองและเธอ
“อืม...อร่อยเชียว!” หวานมันกำลังดี ขนาดภวัตว่าตัวเองไม่ชอบขนมก็ยังกินได้ เขาคงเป็นพวกใจอ่อนนะ เพราะเธอตรงหน้า เขาก็เลยได้กินแพนเค้ก ได้ทำแพนเค้กเป็น