4

1479 Words
“นี่คุณกล้าพูดกับผมแบบนี้เหรอ” “ฉันพูดให้คุณได้สติค่ะ ทำยังกับยายมลไม่ใช่ลูก เขาเป็นลูกของเรานะคะ” เอาไงเอากัน เธอทนกับความไร้เหตุผลของสามีมานานหลายปีแล้ว แล้วก็ไร้เหตุผลอยู่แค่เรื่องเดียว ก็คือเรื่องของประพงศ์นั่นแหละ ไม่ว่าครอบครัวนั้นทำอะไร ก็ผิดไปหมด “ใช่สิ คุณไม่ได้รักผมนี่นา โดนบังคับให้แต่งงานเหมือนกัน อยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปี คุณคงไม่มีความสุขเลยใช่ไหม” “ฉันยอมรับว่าโดนบังคับให้แต่งงานกับคุณจริง แต่อยู่ด้วยกันมาหลายปีฉันก็มีความสุขดี ตอนแรกฉันไม่ได้รักคุณจริง ๆ นั่นแหละ แต่อยู่กันไป คุณมีดีหลายอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือชอบวางอำนาจและเอาแต่ใจ ชอบข่มขู่คนอื่น ซึ่งฉันไม่ชอบ” “นี่คุณ!” พฤกษ์อึ้งไป มองภรรยาอย่างคาดไม่ถึง ว่าอีกฝ่ายจะต่อว่าเขาขนาดนั้น “ฉันไม่เคยพูดเลย และหลายครั้งที่ต้องทนเพราะลูก แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว คุณเห็นความสะใจของคุณสำคัญมากกว่าความสุขของลูกได้ยังไงกัน ที่ลูกยอมแต่งงานเพราะลูกไม่อยากให้ฉันโดนคุณตำหนิหรือด่าว่า หรือทะเลาะกับคุณ ฉันรู้ดี ฉันเลี้ยงลูกมากับมือ” “...” พฤกษ์พูดไม่ออก ไม่เคยเจอภรรยาในโหมดนี้มาก่อน “คุณโกรธฉัน จะตบฉันก็ได้นะ” “อย่ามาท้า” พฤกษ์โมโหทำท่าจะตบภรรยาให้หน้าหัน แต่ก็ชะงัก ทิพย์สุคนหลับตา คิดว่าตัวเองต้องโดนตบแน่นอน “คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยลงไม้ลงมือกับคุณ” พฤกษ์ลดมือลง หมายถึงทิฐิลดลงด้วย “ผมขอโทษที่ทำให้คุณกับลูกเสียใจ” ทิพย์สุคนมองสามีอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากขอโทษออกมา “ฉันก็แค่คิดว่าหากลูกโดนบังคับให้แต่งงาน อาจจะเจอคู่ไม่ดี ลูกอาจจะไม่โชคดีเหมือนฉัน” “คุณบอกว่าผมดีเหรอ” “คุณก็มีข้อดีค่ะ ข้อเสียก็รับได้ ฉันว่าคนเราน่ะจะอยู่ด้วยกันได้ไม่ใช่เพราะมีข้อดีมากมายหรอกค่ะ แต่เพราะอีกคนรับข้อเสียของอีกคนได้ต่างหาก ไม่ว่าจะสถานะไหน จะเพื่อนหรือแฟน เช่นคุณมีข้อดีมากมาย แต่ชอบตบตี ลงไม้ลงมือ ฉันก็คงรับไม่ได้” เธออยู่กับพฤกษ์มานานหลายปี จึงรู้ดีว่าหากพฤกษ์โกรธ เธอจะทำตัวอย่างไรให้เขาใจเย็นลง “ผมรักคุณนะ” พฤกษ์ดึงภรรยาไปกอดแนบอก “ฉันก็รักคุณค่ะ” “ผมจะโทร. ไปขอโทษลูกนะ” “เราไปหาลูกกันดีกว่าไหมคะ จะได้ไปเยี่ยมแกด้วย ฉันอยากไปเยี่ยมแกน่ะค่ะ” “ได้สิ ช่วงไหนเราว่างเราก็ไปเยี่ยมลูกกัน” หลังจากปรับความเข้าใจกัน ทั้งสองก็เปิดอกคุยกัน “ค่ะ” ทิพย์สุคนรับคำ รู้สึกมีความสุขที่ได้ปรับความเข้าใจกับสามี งานแต่งงานไร่ข้าง ๆ ถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน แต่เพราะไม่กินเส้นกัน พฤกษ์กับทิพย์สุคนจึงไม่ได้ถูกเชิญไปร่วมงาน ธรแต่งงานกับวิไลลักษณ์เพราะเขาสงสารเธอ หญิงสาวถูกบังคับให้แต่งงานก็จริง แต่ถ้าเขาไม่แต่งกับเธอ เธอก็จะถูกมารดาเลี้ยงจับไปขายให้เสี่ยคนอื่น เขาจึงต้องช่วยเหลือเธอเอาไว้ วิไลลักษณ์เป็นคนน่ารัก เรียบร้อย อ่อนหวาน และหัวอ่อน เธอไม่มีพิษมีภัยกับใคร เขารู้ดีว่าไม่ได้รักเธอ แต่ความสงสารก็ทำให้เขาทิ้งเธอไม่ลงเหมือนกัน “พี่ธรคะ วิเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้แล้วนะคะ” วิไลลักษณ์เอ่ยกับสามี เธอดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดี ในฐานะที่เขาคือสามีและผู้มีพระคุณ ถ้าไม่ได้เขา เธอก็คงโดนมารดาเลี้ยงบังคับให้ทำอะไรต่อมิอะไร หรือโดนขายซ่องไปแล้ว “ครับ” ธรรับคำ เพราะเขานั้นรักมั่นกับภัคธีมา แม้เธอจะแต่งงานไปแล้ว เขาก็ยังคงรักเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยแตะต้องเธอเลย เขาแค่ช่วยเธอ ไม่ได้ต้องการที่จะล่วงเกินเธอ วิไลลักษณ์เป็นคนร่างกายอ่อนแอ ที่สำคัญก็คือป่วยบ่อย เขาจึงอยากดูแลเธอให้ดี และอยู่กันไปแบบนี้ ในฐานะพี่ชายน้องสาวและเพื่อนที่ดีต่อกัน ชีวิตครอบครัวของธรกับวิไลลักษณ์เป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ชีวิตครอบครัวของภัคธีมาและนทีเป็นไปอย่างดุเดือด “นี่แกทำอาหารอะไรของแก ไม่เป็นสับปะรดแบบนี้” นราด่าทอลูกสะใภ้ ภัคธีมาต้องปกป้องตัวเอง เธอจึงไม่ยอมให้ใครมารังแกอีก “อาหารก็คืออาหาร จะไปเป็นสับปะรดได้ยังไงกัน” “นี่แก!” นราตรงเข้าไปจะตบหน้าของลูกสะใภ้ปากดี แต่อีกฝ่ายหลบ ทำให้เธอเข้าไปตบหน้าลูกชายที่เดินเข้ามาพอดิบพอดี เพียะ! เสียงฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของนทีเต็ม ๆ “โอ๊ย! คุณแม่ทำอะไรครับ ผมเจ็บนะ มาตบผมทำไม” “แม่ขอโทษลูก” นราเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ก่อนที่จะกุมหน้าลูกชายเอาไว้ แล้วลูบเบา ๆ ที่ทำให้ลูกชายเจ็บ “แก นังมลเดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งนักนะ แกแกล้งฉันกับลูกใช่ไหม ถึงได้ทำกับข้าวเค็มขนาดนี้” “ไม่ใช่นะ ต้องมีใครแกล้งเติมเกลือลงไปแน่ ๆ ค่ะ” สาวใช้ที่แกล้งภัคธีมาสะดุ้งไปตาม ๆ กัน “คุณนราอย่าไปเชื่อมันนะคะ พวกเราเห็นว่าคุณมลน่ะใส่เกลือลงไปในอาหารชัด ๆ” “โกหก” ภัคธีมาคิดว่าต้องเป็นหนึ่งในสาวใช้สักคนเป็นแน่ แต่เธอจับมือใครดมไม่ได้ นึกอยากให้มีกล้องวงจรปิดซ่อนเอาไว้จับมือดีที่แกล้งเธอขึ้นมา “พวกเราเป็นพยานได้ ส่วนคุณน่ะใครเป็นพยานคะ” สาวใช้หัวหมอเธอเพิ่งเจอวันนี้เอง “ใช่ ใครเป็นพยานให้เธอได้บ้าง” แม้จะเป็นเรื่องกลั่นแกล้งกัน แต่นราก็ไม่ช่วยภัคธีมาแน่ เพราะแม้ปากจะพูดว่าภัคธีมาจืดชืดไม่น่าพิศวาส นางก็เห็นว่าลูกชายมองเมียตัวเองด้วยสายตายังไง ถ้านางไม่สกัดเอาไว้ ป่านนี้ท้องโย้ไปแล้ว โดยที่นราไม่รู้เลยว่า ทุกครั้งที่ลูกชายเข้าไปหาภัคธีมาที่ห้อง ลูกสะใภ้เอายานอนหลับให้นทีกินทุกครั้ง แล้วแสร้งว่ามีอะไรกัน ภัคธีมาเห็นสันดานของสองแม่ลูก จะให้เธอนอนกับผู้ชายชั่วช้ามักมากแบบนที เธอทำไม่ได้จริงๆ “แล้วใครเป็นพยานได้บ้างว่าคนพวกนี้ไม่ได้รวมหัวกันพูดโกหก” ภัคธีมาเถียง “ปากดี จับมันเอาไว้ วันนี้ฉันจะตบสั่งสอนมัน” นราพูดขึ้น สาวใช้ก็เข้ามาล็อกตัวของภัคธีมาเอาไว้ ก่อนที่นราจะตบเข้าหาฉาดใหญ่ เพียะ!!! “โอ๊ย!” ซีกแก้มของเธอชาไปหมด “ปากดีนักใช่ไหม มันต้องเจอตบ แกเป็นแค่กาฝาก อย่าริมาปากดีกับฉัน” นราตบภัคธีมาจนเลือดกบปาก หญิงสาวทรุดฮวบลงไปเพราะโดนรุม ก่อนที่จะสลบไป “พอแล้วครับคุณแม่ มลสลบไปแล้ว เดี๋ยวก็ตายหรอก” นทีเห็นภัคธีมาโดนรุม แล้วรู้สึกผิดวูบขึ้นมา “นั่นลูกจะทำอะไรน่ะ” นราเอ่ยถามเมื่อเห็นว่านทีเข้าไปอุ้มภัคธีมาขึ้น “เธอสลบไปแล้ว เป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมจะพาเธอไปหาหมอครับ” “ไปทำไม สิ้นเปลือง มันไม่ตายหรอก” ประโยคของมารดาไม่ได้เข้าหูเขาเลย อย่างไรภัคธีมาก็เป็นเมีย ถ้าเธอเกิดมาตายในบ้านเขาเป็นเรื่องแน่ ๆ ภัคธีมาถูกส่งตัวให้หมอ เพียงไม่นานหมอก็ออกมาแจ้งอาการของหล่อน นั่นทำให้นทีถึงกับอึ้งไป “ภรรยาของคุณตั้งครรภ์ครับ” “ท้อง ท้องเหรอครับ” เขาเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ “ใช่ครับ” “ท้องอย่างนั้นเหรอ” พอหายจากอาการช็อกแล้ว นทีก็ดีใจเป็นอันมาก ชายหนุ่มไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองไม่เคยได้นอนร่วมหอกับภรรยาเลยสักครั้ง เพราะสลบไปก่อนทุกครั้ง และเขาเองก็มีผู้หญิงมากมายให้พาขึ้นเตียง จึงไม่ได้สนใจอยากนอนร่วมเตียงกับภัคธีมาเลยในช่วงหลัง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD