บ้านของวาสนาก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของแดนดินมากนัก เธอจึงมักจะทำกับข้าวกับปลามาส่งให้กับแดนดินเสมอๆ แต่ก็ไม่อาจเอาชนะใจคุณยายคำได้ เพราะวาสนาเคยผ่านการมีสามีมาแล้ว และเคยไปทำงานที่เมืองกรุงฯ มาก่อน
คุณยายคำจึงสั่งห้ามไม่ให้แดนดินคบกับวาสนาฉันชู้สาว แต่คบกันในฐานะเพื่อนหรือพี่น้องได้
แดนดินไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาทำตัวตามปกติ ไม่เคยไปจีบสาวคนไหนในหมู่บ้านเลย เขามีแต่งานกับงานและขับรถไปส่งของเองที่ในเมืองเท่านั้น ซึ่งเขาจะขับรถไปส่งของในเมืองประมาณสามสี่วันครั้งหนึ่ง เพื่อติดต่อค้าขาย
แดนดินมีลูกน้องมากมายแต่ทุกคนทำงานอยู่ในสวนผลไม้และอยู่ในไร่กันหมด ดังนั้นชีวิตส่วนใหญ่ของชายหนุ่มจึงอยู่ในสวนในไร่เสียเป็นส่วนใหญ่
ยกเว้นวันนี้ที่คุณยายของเขาบอกว่าอยากจะมานอนที่บ้านในหมู่บ้านบ้าง เพราะนอนที่บ้านสวนมาเป็นเดือนๆ แล้ว ท่านคิดถึงบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่ด้วยกันกับคุณตามานาน เขาจึงต้องมานอนเป็นเพื่อนคุณยาย
ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ช่างโชคดี ที่มาหาคุณยายของเขาในวันนี้ถึงได้เจอกัน
แต่เธอจะโชคดีหรือโชคร้ายที่มาเจอผู้ชายอย่างเขา
เจ้าของร่างสูงเกือบสองฟุต ที่มีใบหน้าคมคายเขย่าหัวใจสาวๆ ทั้งหมู่บ้าน ยืนเท้าสะเอวมองไปทางห้องน้ำแล้วก็ต้องถอนหายใจ
สาวชาวกรุงเขาอาบน้ำนานขนาดนี้เลยเหรอ
ตัวเขาใช้เวลาอาบน้ำอย่างมากก็แค่สิบนาทีเท่านั้นถ้าไม่ติดว่าอุจจาระด้วย
นี่ปาไปจะยี่สิบนาทีแล้ว เจ้าหล่อนยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องน้ำเลย
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ก่อนจะเดินไปส่องดูคุณยายที่กระท่อมหลังเล็กที่สร้างแยกออกไปทางด้านหลัง เป็นกระท่อมหลังน้อยที่คุณยายชอบมานอนพักผ่อน เพราะรายล้อมไปด้วยสวนกุหลาบที่คุณยายชอบ และด้านหลังกระท่อมก็เต็มไปด้วยพืชผักสวนครัวที่คุณยายกับเขาลงมือปลูกเองกับมือ
ชายหนุ่มหันไปมองทางห้องน้ำอีกทีด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เมื่อยังไม่เห็นแขกสาวเดินออกมา เขาจึงต้องเดินไปหมายจะเคาะประตูเรียก อยากถามว่าเธอตกส้วมตายแล้วหรือไง ถึงได้ออกมาช้านัก
แล้วรอต่อไปอีกประมาณห้านาที
ยิ่งรอนานยิ่งร้อน ร้อนทั้งกายร้อนทั้งใจ จึงต้องเดินไปที่หน้าห้องน้ำ
ทว่ากำลังเงื้อมือจะเคาะบานประตู
หญิงสาวก็ชิงเปิดประตูออกมาเสียก่อน
“คุณ!”
“ผมชื่อแดนดิน เรียกดินเฉยๆ ก็ได้” เขาแนะนำตัวเสียงห้วนๆ แต่สายตากลับจ้องมองตำแหน่งที่ต่ำกว่าใบหน้าของเธอ
หญิงตาโตตาค้างพอๆ กับชายหนุ่มที่เหมือนกำลังมองเห็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะเขาถอดเสื้ออวดกล้ามท้องเป็นมัดๆ
ขณะที่เธอกำลังอยู่ในชุดผ้าถุงที่เธอตั้งใช้ความพยายามอย่างมากในการสวมใส่
จากผ้าถุงยาวกรอมเท้าเธอก็จัดการม้วนๆ ชายด้านบนให้สั้นขึ้นจนมันมีความยาวแค่หัวเข่ากับเสื้อคอกระเช้าที่สวมทับเสื้อชั้นในที่ไม่พอดีนัก ที่เธอคิดว่าชายหนุ่มอาจจะเอาเสื้อในของคุณยายของเขามาให้เธอใส่พอประทังนั่นเอง
จากสาวชาวกรุงกลายร่างเป็นสาวน้อยบ้านนาที่ผมเผ้ายังเปียกชุ่มยุ่งๆ อยู่ ใบหน้าก็ยังใสๆ เมื่อยังไม่ได้แต่งแต้มอะไร กับชุดพื้นบ้านที่อวดผิวขาวๆ ที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา ทำให้แดนดินเผลอมองตาค้างไปชั่วครู่อย่างลืมตัว ก่อนจะดึงสติตนเองกลับคืนมาเมื่อเริ่มเห็นเธอหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย
“ใครสอนให้ใส่ผ้าถุงแบบนี้ คนแถวนี้เขาไม่สวมผ้าถุงสั้นแบบนี้กันหรอก มานี่จะสอนวิธีการสวมผ้าถุงให้”
จบคำชายหนุ่มก็ดึงแขนหญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งแล้วลงกลอน
“นี่ๆ คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยฉันออกไปนะ”
“อย่าส่งเสียงดังสิ และเงียบ! คุณยายของผมกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ ห้ามส่งเสียงดังรบกวนเป็นอันขาด”
เขาชี้หน้าเธอแล้วดุด้วยสายตา กดเสียงขู่เข้ม จนหญิงสาวต้องเงียบ แล้วมองชายหนุ่มจับขอบผ้าถุงที่เอวเธอด้วยอาการหวาดหวั่นไม่ไว้ใจ แต่เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่มาที่นี่ เธอจะต้องอดทน และหวังว่าเขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าการสอนให้เธอสวมผ้าถุง
“อยู่ในนี้แป๊บนะ เดี๋ยวผมมา ห้ามไปไหนล่ะ ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่อนุญาตให้คุณได้พบกับคุณยาย”
สั่งจบชายหนุ่มก็เดินออกมา ปล่อยให้หญิงสาวยืนเอ๋อเป็นหุ่นอยู่ในห้องน้ำเพียงลำเพียง
‘คนอะไรเผด็จการจังเลย’
หญิงสาวรู้สึกขุ่นเคืองใจมาก แต่ก็ต้องหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อข่มใจตนเองให้เย็นลง
“จับชายเสื้อขึ้น”
มาถึงชายหนุ่มก็สั่งเลย
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ ผมสั่งก็ต้องทำตาม ขืนคุณใส่ผ้าถุงแบบนี้ออกไปเจอคุณยาย ไปเจอพวกชาวบ้าน ทุกคนจะมองคุณเป็นตัวประหลาด และผมรับไม่ได้ เคยได้ยินไหม เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม อย่าทำตัวหรือแต่งตัวเป็นจุดเด่นนัก มันไม่งาม”
เขาบอกเสียงเน้นๆ เหมือนกำลังเทศนาเด็กน้อย
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
เธอค้อนเขาประหลับประเหลือก จนแดนดินต้องส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะดึงปมผ้าถุงที่เธอขดเอาไว้เสียแน่นออก มันจึงมีการถึงเนื้อถึงตัวกันเกิดขึ้น