EPISODE3 [หอมไหม]

1190 Words
เ(ฉ)พาะช่างขังรัก (MDL STORY) EPISODE3 [หอมไหม] “ก้ม!” เสียงทุ้มห้าวสั่งสั้น ๆ พร้อมกับมือข้างนั้นของเขาที่เปลี่ยนมาโอบเอวฉันให้เบี่ยงตัวหลบมีดสปาต้าเล่มใหญ่ที่เฉียดผ่านแขนเสื้อเขาไปนิดเดียว “ว้าย! มะ…มีด!” ฉันอุทานอย่างตกใจรู้เลยว่าตัวเองหน้าเสียแค่ไหน นี่ถ้าเขาไม่พาฉันเบี่ยงตัวหลบ ไอ้มีดบ้านั่นคงเฉาะหน้าสวย ๆ ของฉันไปแล้ว “ก้ม!” เขาสั่งสั้น ๆ อีกครั้ง หมับ! ฉันที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรได้แต่ทำตามคำพูดเขา มือก็กำเสื้อช็อปสาก ๆ ไว้แน่น พลั่ก! ผัวะ! ตุบ! เสียงหมัดหนัก ๆ ปะทะกันไปมา ทำเอาคนสวยแสนซวยอย่างฉันได้แต่ซุกซบหลบเหตุการณ์ระทึกอยู่กับอกของเขา ในหูได้ยินเสียงยัยบีบีกรีดร้องอย่างหวาดหวั่นอยู่ไม่ไกล แต่ฉันไม่สามารถเงยหน้าไปมองสถานการณ์รอบตัวได้ในตอนนี้ ‘นี่มันเด็กช่างตีกันเชียวนะ' ฉันร่ำร้องในใจอย่างอกสั่นขวัญแขวน “เอาตัวมันให้กู!” เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าคนที่โอบเอวฉันอยู่กลับแค่นเสียงหยันในลำคอ ราวไม่ได้ยี่หระกับอารมณ์ครุกรุ่นของอีกฝ่ายเลย “วิ่ง!” จบคำสั้น ๆ นั้น ข้อมือฉันก็ถูกผู้ชายคนเดิมรั้งให้วิ่งไปตามซอยแคบ ๆ ที่ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางมันอยู่ที่ไหน จะไม่วิ่งตามก็ไม่ได้ เพราะเสียงฝีเท้าคนจำนวนมากที่ดังไล่หลังมามันบีบบังคับให้ฉันต้องขยับตัวตามเขา เสียงฝีเท้าและเสียงโวยวายของยัยบีบี ที่ดังไล่หลังพวกเรามา ทำให้ฉันไม่มีเวลาคิดทบทวนอะไรอีกแล้ว โชคดีแค่ไหนที่ช่วงรับน้องใหม่ทางคณะบังคับให้เราใส่รองเท้าผ้าใบมาเรียนหนึ่งสัปดาห์ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถวิ่งตามเขาไปได้แน่นอน คงได้ตกส้นเข็มตายเสียก่อน “แฮ่ก ๆ นี่จะวิ่งไปถึงไหนคะ” ฉันร้องถามเจ้าของร่างสูงด้วยเสียงหอบเหนื่อย เพราะเขายังไม่มีทีท่าจะลดฝีเท้าลงเลย แต่ฉันไม่ใช่นักวิ่งเหรียญทองนะ เหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย เขาไม่เหนื่อยบ้างรึไง “แฮ่ก ๆ หายใจไม่ทันค่ะ” ฉันยืนหอบหายใจจนตัวโยน เหงื่อซึมหน้าไปหมด เมื่อเขายอมหยุดฝีเท้าลง ไม้ในมือถูกโยนส่ง ๆ ไปที่กองไม้พาเลท ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน “เออ! มึงมาซอย 10 กูรอ” เขาส่งเสียงบอกปลายสาย ก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิม “ไปหามันให้เจอ” เสียงสั่งดังแว่วมา ทำให้เจ้าของเส้นผมสีเทาโดดเด่นรั้งข้อมือฉันให้นั่งลงหลังกองไม้ “นี่…” ฉันกำลังจะร้องห้าม เมื่อเห็นว่าเขาเบียดตัวเข้ามาแนบชิดฉันที่ถูกดันให้นั่งหลบติดกับกำแพง “ชู่ว์…” เขาส่งเสียงปรามสั้น ๆ พร้อมยกมือมาปิดปากฉันไว้ ตึก ๆ ตึก ๆ ตึก ๆ สถานการณ์เลวร้ายที่บีบบังคับให้ต้องใกล้ชิดกับเขามากขนาดนี้ ทำเอาหัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะไม่หยุด และแม้จะวิ่งมาขนาดที่มีเหงื่อผุดซึมเสี้ยวหน้าที่โผล่พ้นแมสก์สีดำ ทว่ากลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อน ๆ ของเขากลับยังโชยคลุ้งมาเตะปลายจมูกฉันอยู่เลย ‘ผู้ชายคนนี้กลิ่นหอมดีจัง’ ฉันได้แต่แอบชมเขาในใจ ทว่าไม่รู้คิดดังไปหรือยังไง เขาถึงได้หลุบสายตาคมลงมามองหน้าฉัน “ไม่ดูสถานการณ์นะเราอะ” น้ำเสียงทุ้มห้าวกระซิบ แววตาของเขาที่ฉายประกายเล็ก ๆ ให้เห็น บ่งบอกว่าภายใต้แมสก์นั้น เขากำลังยิ้มเยาะอย่างล้อเลียนฉันอยู่ “มะ…ไม่ใช่อย่างที่นายคิดซักหน่อย” ฉันส่งเสียงเบาแย้งเขา แต่มันดันตะกุกตะกักจนน่าโมโห ให้ตาย! ฉันคงวิ่งมาไกล ถึงทำให้หน้าร้อนได้ขนาดนี้ “หึ!” เขาแค่นเสียงสั้น ๆ ใส่ แต่แค่นั้นก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขากำลังชอบใจ ที่สามารถทำฉันหัวเสียได้ “ไม่ได้ยินเสียงใครแล้ว รีบเอามือออกไปสักที” ฉันบอกเสียงฉุน พร้อมยกมือผลักอกเขาให้ถอยห่าง ก็เขาเล่นเอาแต่กอดเอวฉันไว้ไม่ปล่อยสักทีนี่นา “ปล่อยคอเสื้อก่อน” ทว่าสิ่งที่เขาตอบกลับมาทำฉันถึงกับเบิกตาโต เพราะเพิ่งรู้ตัวว่ามือทั้งสองข้างของฉันได้กำคอเสื้อช็อปของเขาไว้แน่นเลย “เอ่อ…ไม่ได้ตั้งใจจะกำไว้จริง ๆ นะคะ” ฉันอ้อมแอ้มตอบ อายจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด ก่อนปล่อยมือจากเสื้อเขา ทำให้เขาขยับตัวคล้ายจะถอยห่าง แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ดันหันกลับมา พร้อมยื่นเข้ามาซะใกล้เลย “หอมไหม?” เสียงทุ้มแสนมีเสน่ห์เอ่ยถาม “ก็หอม เอ๊ะ!” ฉันโพล่งตอบออกไปเพราะยังไม่ทันได้ทบทวนคำถามให้ดี แล้วก็ได้แต่อึกอักจนอยากทึ้งหัวตัวเอง ที่พูดจาอะไรแปลก ๆ ออกไป “ร้ายนะ” เขาสบถสั้น ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เขาที่ แล้วเดินนำฉันไปทางต้นซอย ‘ให้ตายเถอะยัยพะแนง พูดแบบนั้นออกไป เขาก็รู้หมดสิ ว่าแกแอบดมกลิ่นน้ำหอมของเขา’ ฉันโอดครวญในใจอย่างอับอาย เขาจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงยังไงเนี่ย “พวกนั้นคงไม่ได้ตามมาแล้ว แต่ว่า…” ฉันส่งเสียงขณะเดินตามหลังเขามาถึงริมถนนสายหลักอีกครั้ง แต่ก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อมีเสียงแตรของรถยนต์คันหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ปี๊น ๆ “ขึ้นมา!” ประตูห้องโดยสารถูกเปิดออกทั้ง ๆ ที่รถยังไม่หยุดนิ่งดี พอเห็นว่าคนในรถสวมเสื้อสถาบันเดียวกัน ผู้ชายคนนั้นก็รีบวิ่งไปขึ้นรถไปทันที “ไม่ส่ง” เขาส่งเสียงบอก เมื่อกระจกข้างถูกเลื่อนลง “หา! อะ…อะไรของเขาเนี่ย!” ฉันได้แต่ยืนอึ้ง มองดูรถยนต์คันนั้นแล่นสู่ท้องถนนอย่างรวดเร็ว บอกเลยว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันที่ออกมาถ่ายเอกสารจู่ ๆ ก็โดนเด็กช่างที่ไหนก็ไม่รู้ลากถูลู่ถูกังให้วิ่งหลบมีดไม้หนีตายทะลุมาอีกซอย แต่ความซวยทั้งหมดนี้ เพื่อให้เขาปล่อยฉันทิ้งไว้ข้างทางเนี่ยนะ! “ใจดำเกินไปแล้วนะ นายลากฉันมาทิ้งไว้แบบนี้จริง ๆ เหรอ คนบ้าเอ้ย! อย่าให้เจออีกนะ ฉันจะ…จะ…จะต่อยนาย!” ฉันได้แต่ต่อว่าเขาไล่หลังอย่างโมโห แล้วนี่จะกลับทางไหนเนี่ย ตาบ้าเอ้ย! ชีวิตวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยของฉันทำไมมันถึงได้บันเทิงขนาดนี้นะ ต้องมาซวยเจอเด็กช่างตีกันต้อนรับเปิดเทอมเชียวเหรอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD