เ(ฉ)พาะช่างขังรัก (MDL STORY)
EPISODE2
[เยี่ยวรดเสาไฟครบแล้วดิ]
ณ ร้านเกมเซ็นเตอร์ซอย 8
เจ้าของร่างสูงในชุดช็อปช่างสีกรมท่าที่ก้าวขาลงจากมอเตอร์ไซด์ Ducati Panigale สีดำคันใหญ่ ย่างก้าวอย่างไม่รีบร้อนไปยังร้านเกมเบื้องหน้า ทว่ายังไม่ทันถึงกรอบประตู ใครบางคนก็ซัดสวนเด็กหนุ่มในร้านจนถลาล้มออกมาขวางทางเขา
“เฮียรัน!” เด็กหนุ่มหน้าตาบวมช้ำ เพราะโดนรุมตีมาก่อนหน้าเรียกชื่อเขา ทำกลุ่มคนในร้านรีบหันขวับกลับมามอง เพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่ที่ไอ้เด็กสองคนนี้เรียกมาจะเป็นเจ้าของฉายา ‘พ่อMDL’
“อะ…ไอ้รัน? มาได้ไงวะ” คนที่เพิ่งประเคนหมัดใส่รุ่นน้องของชายหนุ่มส่งเสียงถาม ก่อนจะรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ที่แผ่นหลังเมื่อนึกขึ้นได้ว่าร้านเกมนี้อยู่ในเขตของพวกเฉพาะช่าง MDL
‘ภารัณ’ หรือ ‘รัน’ ที่ทุกคนในเขตนี้รู้จักเพียงแค่ฉายาพ่อMDLกวาดสายตาคมมองไปทั่วทั้งร้าน ก็พบว่าไอ้หัวหอกใหญ่ของวิทยาลัยช่างคู่อริไม่ได้เสนอหน้ามาด้วย
“หึ!” ชายหนุ่มแค่นเสียงหยันในลำคอ
“มึงจะกลัวมันทำไมวะ มันมาคนเดียว” หนึ่งในนั้นส่งเสียง แค่ดูสีเสื้อช็อปก็รู้แล้วว่าจำนวนตีนใครเหนือกว่า
หนึ่งต่อหกยุติธรรมจะตาย!
“นั่นดิ! พวกมึงเคยเห็นหน้าไอ้รันเหรอวะ ไม่ใช่ว่าพอเห็นใครใส่แมสก์ดำพวกมึงก็เหมาว่าเป็นมันไปซะหมด” เด็กต่างสถาบันเริ่มส่งเสียงแย้งกันเอง
“ก็กูได้ยินว่าในMDLมีไอ้รันคนเดียวไหมวะที่ทำผมสีเทาแหกกฎสถาบัน แล้วผมไอ้เวรนี่ก็…”
พลั่ก!
พูดยังไม่ทันจบประโยคดี ก็โดนชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเทาควันบุหรี่กระโดดถีบยอดอกจนล้มหงายหลังทั้งยืน
“มึงดูฉลาด…แต่เฉลียวไม่ทันตีนกู” ภารัณว่าเสียงเรียบ ก่อนหมุนตัวกลับไปคว้าไม้หน้าสามที่เฮียเจ้าของร้านมักจะวางแอบไว้ข้างประตูมากระชับไว้ในมือ เขาโยกคอไปมาคล้ายกำลังอีกฝ่ายบอกว่า ‘พร้อมรบ’ แล้ว
“มึงสองตัวออกไปก่อน” ชายหนุ่มส่งเสียงบอกรุ่นน้องที่โดนรุมอัดจนช้ำให้ถอยไป
“แล้วเฮียล่ะ มันมาตั้งหกคนนะเฮีย” หนึ่งในรุ่นน้องรีบแย้งอย่างห่วงใย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองโดนซ้อมจนเปลือกตาบวมปูดแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว
“โหย! ไอ้สอง แค่หกคนเฮียรันเอาอยู่ มึงกับกูอะอย่าเป็นภาระ รีบไป!” ต้นรีบแย้ง ก่อนจะลากตัวสองออกไปให้พ้นรัศมีบาทา ปล่อยให้เฮียรันประกาศศักดาเจ้าของถิ่นลำพัง
“นี่…พวกมึงมานานแล้วเหรอวะ เยี่ยวรดเสาไฟแถวนี้ครบแล้วดิ” แม้เหลือตัวคนเดียว แต่ภารัณก็ยังพ่นถ้อยคำกวนบาทาให้อีกฝ่ายระคายหู
“พี่มันว่าเราเป็นหมาอะ” หนึ่งในลิ้วล้อโพล่งขึ้น
“ปากแจ๋วนะมึง! วันนี้กูจะเลาะฟันมึงไปฝากไอ้ธัน คิดว่าเจ๋งมากมั้งไอ้เหี้ย ใส่แมสก์ทำเท่ทุกวัน หน้ามึงมันเป็นเหี้ยอะไรวะถึงต้องปิดไว้ ถุย!” ฝ่ายตรงข้ามส่งเสียงเขม่น ทำเด็กในร้านเกมรีบถอยไปยืนหลบอยู่กับเฮียเจ้าของร้าน
“พล่ามว่ะ” ภารัณส่งเสียงอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินอาด ๆ เข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
ถ้าวันนี้เขาไม่ให้ไอ้สองกับไอ้ต้นมาเอาของที่ร้านเกม พวกมันคงจะไม่โดนเด็กต่างถิ่นข้ามมาตีแบบนี้ ในเมื่อใช้เด็กมาก็ต้องช่วยเอาคืนสักหน่อย
พลั่ก!
ไม้ในมือไม่มีตาพอใครดาหน้าเข้ามาภารัณเลยไม่รอช้ารีบประเคนเข้าใส่ ในเขตนี้เรื่องต่อยตีชายหนุ่มยังไม่เคยเป็นรองใคร กับแค่ไอ้พวกปลายแถวแค่นี้ ไม่คณามือเขาหรอก
ตุบ!
เพล้ง!
ผัวะ!
“ไม้มันไม่เลือกคนนะเว้ย มึงยื่นหน้ามาทำไมวะ” ชายหนุ่มส่งเสียงหยอก
“ไอ้รัน ถุย! เหี้ยฟันกูหลุด” คนโดนไม้ซัดเข้าข้างแก้มส่งเสียงโอดครวญ พอถมเลือดในปากลงพื้นก็พบว่ามีฟันในปากร่วงตามออกมาด้วย
“เฮ้อ! อ่อนแอนะมึง” ชายหนุ่มว่าสำทับเสียงโอดครวญนั้น
“มึงไหวไหมวะ” คนในกลุ่มส่งเสียง พากันลอบกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นว่าภารัณตีเพื่อนตัวเองจนฟันหลุด
จากเทคนิคการต่อยตี ถ้าภารัณลงไม้เต็มแรง น่ากลัวว่าคงไม่ใช่แค่ฟันเท่านั้นที่หลุด เพื่อนเขาคงไม่มีโอกาสอ้าปากพูดด้วยซ้ำ
“ไหวสิวะ! พวกมึงไปจับมันมาให้กู!” คนโดนตีตะคอกลั่น ยกมือกุมข้างแก้มระบมช้ำของตัวเองอย่างอดทน
สิ้นคำสั่งนั้นการต่อยตีอย่างเมาหมัดภายในร้านเกมก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงข้าวของล้มแตกเป็นระยะ ทำผู้คนละแวกนั้นแตกตื่นแห่กันออกมาแอบดูลาดเลา ก็พบว่ามีกลุ่มเด็กช่างจากวิทยาลัยฝั่งตะวันตกวิ่งกรูไล่หลังชายหนุ่มเสื้อช็อปสีกรมท่าไปตามตรอกซอกซอยอย่างไม่มีใครยอมใคร มีดไม้ตามไล่ล่ากันครบมือ
แม้จะเห็นภาพเหล่านี้จนชินตา ทว่าผู้คนก็ไม่อาจคุ้นชินกับพฤติกรรมห่าม ๆ ของนักเรียนช่างบางกลุ่มอยู่ดี
อีกด้านหนึ่งที่หน้าร้านถ่ายเอกสาร
เช้านี้หลังรับน้องจบฉันก็ถูกรุ่นพี่ไหว้วานให้นำกฎของคณะมาถ่ายเอกสารแจกจ่ายให้กับเด็กปีหนึ่งในคณะทุกคน แน่นอนว่างานออกนอกพื้นที่ฉันกับยัยเพื่อนรักชอบนักแล
“ของแกครบรึยังพะแนง นี่ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย ไปหาขนมกินก่อนกลับนะ ฉันหิวแล้วอะ” ยัยเพื่อนตัวดีส่งเสียงขณะนับจำนวนเอกสารในมือ
“ครบแล้ว งั้นรีบไปเถอะ ฉันก็หิวอยากกินขนมปังรองท้องหน่อย เมื่อเช้ารีบออกมา ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเนี่ย” ฉันตอบ เพราะเริ่มรู้สึกปวดท้องหน่อย ๆ แล้ว
‘บีบี’ เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมต้น การที่เธอเข้าเรียนที่นี่ด้วย ทำให้ชีวิตนิสิตใหม่ของฉันค่อนข้างไปได้สวยทีเดียว
ก็นะ…มันไม่ง่ายเลย ที่คนเข้าหาคนอื่นไม่เก่งแบบฉัน จะตั้งหน้าเข้าไปพูดคุยกับใครก่อน
“มึงหยุดนะเว้ย!” เสียงตะโกนของกลุ่มคนดังลั่นมาจากทางด้านหลัง ในขณะที่เราสองคนกำลังจะเดินกลับไปที่ลานจอดรถหลังร้าน
ตอนที่ฉันหันกลับไปมองก็พบว่ามีใครบางคนกำลังวิ่งมาทางนี้ เสี้ยววินาทีที่เขากำลังจะวิ่งผ่านฉันไป ต้นแขนของฉันก็ถูกรั้งไว้อย่างแรง ร่างทั้งร่างเสียศูนย์จนถลาไปตามแรงรั้งของมือใหญ่นั้น
พลั่ก!
“ว้าย!” ฉันร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าท่อนไม้ที่ขยับผ่านหน้าอย่างรวดเร็ว ฟาดลงบนข้างต้นแขนของผู้ชายสวมเสื้อช็อปสีเขียวขี้ม้า