EPISODE8 [ปากแซ่บแต่เช้า]

1756 Words
เ(ฉ)พาะช่างขังรัก (MDL STORY) EPISODE8 [ปากแซ่บแต่เช้า] ณ โรงฝึกย่อยตระกูลลินน์ พลั่ก! แรงส่งของเท้าหนัก ๆ ทำให้ร่างสูงโปร่งภายใต้เสื้อยืดเปียกชื้นกระเด็นไปกระแทกกับลูกกรงเหล็กอย่างแรง อาการจุกช่วงท้องทำให้เขายืนตัวงอ ต้องยกมือมาคลึงหน้าท้องตัวเองบรรเทาความเจ็บ "สติหน่อยดิวะ!" เสียงเรียบสบถ จ้องมองชายหนุ่มที่มาถึงโรงฝึกช้าไปยี่สิบนาที "เหนื่อย" น้ำเสียงราบเรียบกว่าเอ่ยตอบสั้น ๆ ช้อนสายตาคมมองหน้าคู่ซ้อม ภารัณขบกรามแน่นขยับทรงตัวให้ยืนดี ๆ ก่อนถอดเสื้อยืดชื้นน้ำฝนออก เผยให้เห็นรอยสักลายมังกรที่หัวไหล่ข้างซ้ายไล่ลำตัวและช่วงหางลงมาถึงข้อมือ ลอนกล้ามท้องแน่นขนัดเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวสวยมีรอยช้ำเก่าเป็นจ้ำจาง ๆ ให้เห็น "อีกไม่นานก็จะถึงวันทดสอบ คิดว่าเล่นขายของรึไง" ที่มาฝึกซ้อมทุกวัน คิดว่าเขาอยากเข้าทดสอบกับตระกูลลินน์นักหรือไง "พูดมากทำไม" ภารัณเบื่อจะฟังเรื่องพวกนี้เต็มทน ทว่าอีกฝ่ายก็เอาแต่พูดย้ำเขาทุกวัน "ไอ้หนู…ถ้าทดสอบไม่ผ่าน นายจะยิ่งแย่กว่านี้ คิดว่าพวกฉันอยากเซ้าซี้นายรึไง ทายาทสายหลักก็ไม่ใช่" คำว่า ‘ทายาทสายหลัก’ ทำให้ภารัณกำหมัดแน่นจนท่อนแขนสั่น "คิดว่าผมมาที่นี่ เพราะสนใจตระกูลลินน์รึไง บอกเลยว่า…" ยังพูดไม่จบประโยคดี ก็โดนอีกฝ่ายขัดขึ้น "อย่าปากดี" "s**t!" ชายหนุ่มสบถหยาบคาย โครม! เพราะพูดอะไรมากไม่ได้ ภารัณจึงเดินไปถีบชั้นวางอาวุธใกล้ ๆ ระบายอารมณ์ที่กำลังปะทุเดือดในใจแทน "ไอ้พวกที่ดีแต่กีดกันมันไม่ใช่ครอบ…" พลั่ก! แรงหมัดหนัก ๆ ที่ซัดสวนคำพูดมากระแทกมุมปากจนแตก ทำให้ภารัณได้แต่แค่นหัวเราะเสียงหยัน นึกสมเพชสภาพของตัวเองจนอยากกระทืบใครสักคนให้ตาย ๆ ไป “ถุย!” เขาถมน้ำลายเจือรสคาวเค็มปร่าลงพื้น "เก็บปากพล่อย ๆ ของนายไว้เห่าที่อื่น กว่าที่ม๊านายจะมาถึงตอนนี้ได้ คิดว่ามันง่ายรึไงวะ ไม่รู้ก็อย่าเสือกเป็นภาระ" ไม่เพียงพูดเปล่า เจ้าของถ้อยคำก่นด่ายังตรงเข้ามาซัดภารัณอีกหลายหมัด พลั่ก! พลั่ก! แรงปะทะหนักหน่วงที่สาดซัดใส่ ภารัณไม่ได้ตอบโต้กลับแม้แต่หมัดเดียว เพราะความเจ็บภายนอกที่ได้รับ เทียบไม่ได้แม้เศษเสี้ยวความเจ็บปวดที่มีในใจ "เฮียคิล! เดี๋ยวไอ้หนูนี่ก็ตายก่อนพอดี" เป็นหยกที่เข้ามาในโรงฝึกพอดี จึงรีบวิ่งมาห้ามคิลไว้ เพราะรู้ดีว่าคิลอ่อนไหวกับเรื่องของแม่ภารัณแค่ไหน "เหอะ! เฮียหยกจะห้ามทำไม เอาต่อดิ …" ภารัณยกหลังมือปาดเลือดที่มุมปากออก และยังคงส่งเสียงท้าทายคิล “มึงอย่าปากดีไอ้รัน!” คิลที่ถูกหยกล็อกตัวไว้ส่งเสียงฉุน ทำท่าจะเข้าไปซัดภารัณต่อให้ได้ “กลัวฉิบหาย” ภารัณเอ่ยลอดไรฟัน แล้วยกยิ้มหยันที่มุมปาก “กลับไปก่อน! อย่ากวนตีนให้มันมากนักไอ้หนู” หยกส่งเสียงปราม ทำให้ภารัณเดินไปหยิบเสื้อขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินออกไปจากโรงฝึกทันที วันต่อมาที่หน้าวิทยาลัยเฉพาะช่างMDL "จะเจอเหรอแก ฉันว่ากลับก่อนเถอะนะ" บีบีส่งเสียงชวนฉันกลับ เพราะเธอไม่ค่อยชอบสายตาของพวกเด็กช่างที่เดินผ่านไปมา แล้วหันกลับมามองพวกเราด้วยสีหน้าสงสัย "รออีกหน่อยเถอะ แกคอยดูอกเสื้อที่มีดาวสองดวง ถ้าเจอก็ถามพี่เขาว่ารู้จักผู้ชายปี 2 ที่ชื่อภารัณไหม" ฉันบอกย้ำบีบี เมื่อวานหลังจากผู้ชายคนนั้นเดินมาส่งฉันถึงที่รถ เขาก็ทิ้งเสื้อช็อปไว้แล้วจากไปเลย ฉันที่ไม่รู้จะทำยังไงเลยช่วยซักรีดเสื้อให้ เพราะถือว่าเขาอุตส่าห์มีน้ำใจเข้ามาช่วยเหลือฉันไว้ ตอนที่เอาเสื้อมารีดเลยได้รู้ว่าผู้ชายผมเทาที่ชอบใส่แมสก์ปกปิดใบหน้าคนนั้นมีชื่อว่า ‘ภารัณ’ แต่มันน่าแปลกตรงที่ป้ายชื่อของเขาไม่ได้ปักนามสกุลไว้ด้วย มันมีแค่ชื่อกับดาวที่บ่งบอกชั้นปีเท่านั้น และนี่ก็คือเหตุผลที่ฉันพายัยเพื่อนสาวทั้งสองมายืนอยู่ที่หน้าวิทยาลัยเฉพาะช่างในเช้านี้ ฉันอยากเอาเสื้อมาคืน และบอกขอบคุณเขา “อะไรของมึงวะ เช้านี้มีพรีเซนต์งานเว้ย แล้วมึงมาไม่ได้เนี่ยนะ” เสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเกรี้ยวกราดแค่ไหน เรียกสายตาของเราทั้งสามคนให้หันกลับไปมองด้านหลังทันที มีผู้ชายสองคนกำลังเดินถือแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดพะรุงพะรังตรงมาทางนี้ หนึ่งในนั้นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ท่าทางหัวเสียน่าดู แต่ว่า…เขาคือคนที่จอดรถรับภารัณวันนั้นนี่นา “แก! คนนั้นน่าจะเป็นเพื่อนเขานะ” ฉันสะกิดแขนเอวา ที่ยืนนิ่งไม่พูดจาอะไรตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเธอได้ยินฉันบอกไปแบบนั้น เอวาก็ก้าวฉับ ๆ เดินไปขวางทางพี่คนนั้นทันที “เดี๋ยวก่อนค่ะ!” เธอพูดขึ้น ทำให้พี่ผู้ชายที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ชะงักไป เขาถึงกับหยุดจ้องมองหน้าเอวานิ่งราวกับกำลังแปลกใจ “น้อง…ดาวต็อกต็อก?” น้ำเสียงทุ้มต่ำพึมพำเบา ๆ “ก็น้องเอวาไง! ตัวจริงเลยมึง สวยจัด!” ทว่าพี่ผู้ชายอีกคนที่เดินมาด้วยกันกลับโพล่งออกมาเสียงดัง จนเอวาต้องรีบดึงแมสก์มาปิดปากตัวเอง เพราะเด็กช่างกลุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้พร้อมใจกันหันกลับมามองพวกเราทันที ที่ได้ยินชื่อเอวา "มึงได้ยินเหมือนกูไหม ใช่เอวาเดียวกับเอวาดาวต็อกต็อกไหมวะ" "กูจะรู้ไหม น้องเขาใส่แมสก์อยู่" “ปากอมโทรโข่งไว้รึไงพี่ พูดเสียงดังเป็นบ้านนอกตื่นเมืองไปได้ กลัวคนเขาไม่รู้รึไง” นั่นทำให้บีบีอดต่อว่าพี่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ที่พูดเสียงดังจนทำให้เอวาวางตัวลำบาก “หูย! บ้านนอกอะไรจะหล่อขนาดนี้น้อง หน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ ไหงปากแซ่บแต่เช้าวะครับ” คำพูดที่เขาตอกกลับบีบี ทำเอาเธอยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ จนฉันต้องรีบรั้งแขนบีบีไว้ ป้องกันไม่ให้เธอเข้าไปทึ้งหัวเขาเสียก่อน “โหย! หล่อมากมั้ง หน้าก็ตี๋ ตาก็ตี่ ถามจริงตื่นยังเนี่ย มองทางเห็นไหมอะ” ถึงตัวจะเข้าปะทะไม่ได้ แต่บีบีก็ไม่ลดราฝีปากแม้แต่น้อย “ไอ้เดี่ยว! มึงฟังยัยน้องเตี้ยนี่พูดดิ โหย! กูนี่ขึ้นเลย” ถ้อยคำบลูลี่หน้าตาเอเชียพิมพ์นิยมของบีบี ทำเขาของขึ้นจนพี่อีกคนต้องรีบรั้งคอเสื้อไว้อย่างช่วยไม่ได้ “ไอ้ห่าบาสมึงเงียบก่อน! ว่าแต่พวกน้องมีอะไร ทำไมมายืนกันตรงนี้” "กูต้องเคลียร์ไหมวะ มึงฟังที่น้องแคระนี่ว่ากูดิ" อีกฝ่ายท่าทางจะไม่ยอมลงง่าย ๆ "พี่ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ ยัยบีบีคงไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่แน่นอนค่ะ" สุดท้ายฉันต้องทำใจกล้า เดินขึ้นหน้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยัยเพื่อนตัวดี "โห! ชื่ออะไรนะ บีบี? ถามจริง…คนอะไรชื่อเหมือนครีมรองพื้นวะครับ" แต่สภาพปากของพี่บาสก็ไม่ใช่ย่อยเลย พูดมาแบบนี้กะไม่ให้ฉันไกล่เกลี่ยได้เลยสินะ "ไอ้…ชื่อตัวเองก็โหลจะตาย ยังมีหน้ามาว่าคนอื่น ปากเสีย!" ยัยบีบีถึงจะมีฉันยืนขวางอยู่ก็ใช่ว่าจะยอมให้พี่บาสว่าง่าย ๆ เธอสวนกลับเขาทันทีเลยล่ะ "เฮ้ยน้อง! เอาดี ๆ ปากแบบนี้มัน…" ขณะที่พี่บาสจะไฟต์ฝีปากกับยัยบีบีอีกรอบ เอวาก็ชิงพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน “พวกพี่รู้จักปี 2 ที่ชื่อภารัณไหมคะ” ทันทีที่ได้ยินชื่อภารัณ พี่ที่ชื่อบาสก็ถึงกับหันขวับกลับมามองเอวา “เดี๋ยวนะ! น้องเอวาถามหาไอ้รันทำไมครับ” พี่บาสถามเอวาด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางและคำพูดผิดจากตอนที่ปะทะฝีปากกับยัยบีบีลิบลับ “เพื่อนวาจะเอาของมาคืนพี่ที่ชื่อภารัณน่ะค่ะ พี่เขาจะมาตอนไหนคะ” เอวาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามสไตล์ของเธอ “ของ…ของอะไร?” พี่เดี่ยวถาม แล้วหันกลับมามองที่ฉัน ฉันเลยยื่นถุงกระดาษที่ใส่เสื้อช็อปของผู้ชายคนนั้นให้พี่เดี่ยวดู พี่เดี่ยวรีบเปิดถุงกระดาษดูชื่อบนเสื้อทันที และเมื่อเห็นว่าเป็นชื่อภารัณ เขาและพี่บาสต่างก็มองหน้ากันนิ่ง "เสื้อไอ้รันจริง ๆ" พี่บาสพึมพำเสียงเบา ขณะที่เอวาดึงถุงกระดาษจากพี่เดี่ยวมาคืนให้ฉัน "ตกลงพี่เขามาตอนไหนคะ" เธอถามย้ำพี่เดี่ยว "วันนี้มันไม่มาหรอก ถ้าไง…" พี่เดี่ยวตอบ แล้วทำท่าคิดหนัก "มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่เขาถึงไม่มาล่ะคะ" เป็นฉันเองที่อดรนทนพี่เดี่ยวเงียบไม่ไหว มีอะไรทำไมไม่รีบพูดมาให้เข้าใจ "มันไม่สบาย คงเพราะเมื่อวานตากฝนนานไปหน่อย ไอ้รันมันห้าวตีนแบบนั้นก็จริง แต่สุขภาพมันไม่ค่อยดี ทำไงดีวะไอ้บาส มันไข้ขึ้นแต่ไม่มียากินซะด้วย โทรมาบอกให้กูซื้อไปให้ แต่เช้านี้เสือกมีพรีเซนต์งานด้วยดิ" พี่เดี่ยวเล่าด้วยสีหน้าเป็นกังวล แล้วหันไปปรึกษาพี่บาส ได้ยินแบบนั้น เอวาเลยถอยกลับมาหาฉัน เธอเหลือบมองหน้าพี่เดี่ยว ที่รีบเบือนหน้าหนีทันทีที่รู้ตัวว่าเอวามองไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD