ใจผมกระตุกวาบอย่างกับจะหลุดออกจากตกทันทีที่แสงไฟหน้ารถสาดใส่เด็กร่างบางที่ยืนรอข้างถนนหน้าทางเข้าหมู่บ้าน แขนเรียวสองข้างโอบกอดกระเป๋าเป้นักเรียนที่น่าจะยัดเสื้อผ้าไว้ด้านในแนบกายแน่น ดวงตาที่สะกดผมครั้งแล้วครั้งเล่าที่เผลอสบตอนนี้แปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ขนตาเรียงเส้นสวยเปียกชุ้มมันช่างทรมานใจผมเสียจริง
ผมตบไฟเลี้ยวจอดข้างทาง คว้าเอาเสื้อคลุมตัวใหญ่ติดมือลงมาด้วยตอนที่เดินเข้าไปหาไนล์ คนตัวบางสวมแค่เสื้อยืดตัวใหญ่ไหล่ตกสีซีดตัวหนึ่งตัวกางเกงผ้าที่สั้นเหนือเข่าเล็กน้อยเท่านั้น การแต่งตัวเรียบง่ายแบบนี้มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากกับเรือนร่างเพรียวลมและอายุย่างสิบหกหย่อนๆ ของไนล์ แต่พอมาสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ท่ามกลางความหนาวในเวลาเกือบตีสองมันช่างเป็นอะไรที่ไม่ลงตัวจนทำผมอดหงึดหงิดไม่ได้
“แน่ใจนะคะว่าคืนนี้อยากไปกับพี่” ผมถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะไปนอนค้างกับผมยามวิกาลแบบนี้
“ครับ” ไนล์ช้อนสายตาที่ยังคงมีรอยเปียกเจือจางอยู่ขึ้นสบตากับผม ก่อนจะพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง
ดวงตาสีอ่อนของไนล์เหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้ผมขยับเข้าหา รู้ตัวอีกทีผมก็ขยับมายืนชิดคนตรงหน้าพร้อมกับย่อตัวลงไปมองดวงตาคู่นั้นใกล้ๆ แสงสว่างจากไฟข้างถนนไม่ได้ทำให้ไนล์น่ามองน้อยลงเลย และมันก็ไม่ได้ปิดบังร่องรอยแดงจากยุงหลายสิบตัวที่รุมกับผิวบอบบางก่อนหน้าผมมาถึง วันนี้ผิวบางๆ แบบนั้นโดนยุงกัดไปกี่ร้อยรอยกันแล้ว ไหนจะตอนที่ผมมาส่งไหนจะตอนนี้อีก ไนล์จะรู้ตัวบ้างไหมว่าผิวขาวใสแบบนี้มันไม่เหมาะกับร่องรอยอะไรเลย นอกจากรอยที่เกิดจากผมเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นคะ” ผมถามไนล์น้ำเสียงอ่อนพร้อมกับสะบัดเสื้อคลุมที่หยิบออกมาด้วยคลุมทับคนตัวเล็กไปด้วย
ถึงผมจะยังรู้สึกหงุดหงิดกับรอยแดงบนผิวขาวของไนล์ไม่หายแต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว คนตัวเล็กกำลังถูกเสื้อคลุมผมปกคลุมไปทั้งตัว เหมือนกับลูกแมวกำลังมุดอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ไม่ผิด วัดจากสายตาแล้วไนล์ตัวเล็กกว่าผมมากแต่ก็ไม่คิดว่าจะเล็กจนเวลาอยู่ในเสื้อผ้าของผมแล้วมันจะตะมุตะมิน่ารักมากขนาดนี้
“…..” จนกระทั่งผมสวมเสื้อคลุมทับให้อีกฝ่ายเสร็จ ไนล์ก็ยังคงยืนเงียบไม่ปริปาก และผมก็ไม่คิดจะทู่ซี้ถามย้ำเหมือนกัน เพราะถ้าไนล์อยากบอกเหตุผลเขาคงบอกผมไปนานแล้ว ผมไม่ใช่พวกชอบคาดคั้นเอาอะไรกับใคร ผมชอบอะไรที่มันสมัครใจเองมากกว่าและสำหรับไนล์แล้วน้องเองก็คงไม่ชอบอะไรที่มันน่าอึดอัดใจเหมือนกัน
ผมหันหลังเดินกลับมาเปิดประตูรถเพื่อที่จะเชิญให้คนตัวนิ่มเข้าไปนั่ง แต่ดูเหมือนการหันหลังของผมมันจะทำให้ไนล์เข้าใจผิดไม่น้อย คนตัวบางรีบคว้าแขนผมเอาไว้ด้วยสองมือน้อยๆ ของตัวเอง ทั้งยังมีแรงบีบมาจากฝ่ามือนุ่มนิ่มเหมือนอุ้งเท้าแมวนั่นอีก ถึงผมจะเป็นคนดีที่หล่อมากก็เถอะแต่พอมีเวลาฉกฉวยโอกาสทั้งทีผมก็คงไม่พลาดที่จะทำมัน
ผมยังคงยืนหันหลังใส่เด็กน้อยเหมือนเดิม รอให้อีกฝ่ายค่อยๆ ออกแรงอันน้อยนิดรั้งแขนให้ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาเอง จนผมเกือบจะหุบรอยยิ้มไว้ไม่ทันตอนที่หันไปมองดวงหน้าได้รูปนั้นแล้ว
“พี่เดย์น้องขอไปอยู่กับพี่ก่อนได้ไหม” เสียงนุ่มนวลของไนล์ที่เปล่งออกมาทำผมอ่อนยวบไปทั้งตัว พยักหน้าตกลงอย่างไม่ตกเสียเวลาคิด ยิ่งประโยคขอร้องถัดมามันยิ่งทำให้ผมสั่นคร่อนตั้งแต่ศรีษะจนถึงปลายเล็บเท้า “พี่เดย์ช่วยน้องด้วยนะ”
ผมพยักหน้าเสียจนเส้นผมสะบัดกระเจิดกระเจิงไม่เป็นทรงอย่างกับคนบ้าคลั่ง เด็กตรงหน้าจะรู้ตัวบ้างไหมว่าไอ้คำพูดเมื่อกี้มันมีผลต่อความรู้สึกผมมากขนาดไหน
“ถ้างั้นหนูพอจะบอกเหตุผลได้ไหมคะว่าทำไมถึงมาขอความช่วยเหลือจากพี่”
คนถูกถามกัดเม้มริมฝีปากสีจางแน่นจนแทบจะซีดไร้เลือดแต่ก็ยังไม่มีคำพูดอะไรเล็ดลอดออกมา ฝ่ามือบอบบางที่จับอยู่ก็ค่อยๆ คลายความแน่นลงทีละนิดและกำลังจะหลุดออกไกลห่างตัว ผมรู้สึกเสียดายความอบอุ่นขากฝ่ามือน้อยสองข้างไม่ไหวต้องรีบตะครุบคว้ามันไว้ให้ความอุ่นจางๆ จากคนตัวบางแทรกซึมอยู่บนผิวกายเหมือนเดิม ไนล์เงยหน้ามองผมอย่างต้องการคำตอบจากการกระทำของผม พอๆ กับผมที่ต้องการคำตอบจากกระทำของไนล์
“พี่รู้แค่ว่าน้องจะไม่ทำให้พี่เดือดร้อนได้ไหม” ริมฝีปากบางยอมคลายเสียงนุ่มออกมา
“เดือดร้อนเพราะน้องพี่ไม่กลัวค่ะ” ผมบอกไนล์น้ำเสียงจริงจัง ผมไม่ใช่พวกไร้หนทางหรือไร้อำนาจเงินทอง กลับกันผมมีสิ่งพวกนั้นล้นมือเลยด้วยซ้ำ คำว่าเดือดร้อนของไนล์ไม่ได้ทำให้ผมระคายหูสักนิด แต่ผมกลัวว่าคนตัวบางตรงหน้าจะมาเดือดร้อนร่างกายเพราะความร้อนรุ่มของผมมากกว่า
ผมพาไนล์กลับมาที่หอใกล้มหา'ลัยแทนการพาไปนอนที่บ้านเงียบๆ หลังนั้น ผมชอบใช้ชีวิตอยู่ที่หอพักมากกว่าการอยู่คอนโดหรือบ้าน คงเพราะว่ามันอยู่ใกล้เพื่อน ใกล้ผู้คนไม่เงียบเหงา หอพักทร่ผมเช่าอยู่เป็นหอพักสำหรับนักศึกษาทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษ การตกแต่งก็พื้นๆ มีแค่ของที่จำเป็นเท่านั้น
คนตัวบางหยุดยืนนิ่งไม่ยอมขยับก้าวขาเดินต่อเมื่อทางข้างหน้าคือเขตของห้องพักของผม ดวงตาสีอ่อนกวาดมองภาพตรงหน้าคล้ายกับเครื่องตรวจจับสิ่งผิดปกติ นิ้วมือเรียวสองข้างจิกกำชายเสื้อสีซีดแน่นจนมันยับยู่ยี่ไปหมดแต่ยังไม่มีทีท่าจะเดินเข้าไปสักที กระทั่งผมใช้ฝ่ามือของตัวเองออกแรงดันแผ่นหลังบางให้ขยับเดินเข้าไปข้างหน้าไนล์ถึงยอมขยับ
แผ่นหลังบางรับกับช่วงเอวเล็กคอดที่ผมเห็นผ่านสายรัดของชุดเอี๊ยมในคราบพนักงานพาสไทม์ยังติดตาตรึงใจผมไม่เลือนกำลังยืนนิ่งอยู่กลางห้อง ก่อนที่ลำตัวบอบบางนั่นจะสั่นเล็กน้อยเมื่อผมขยับเข้าไปยืนซ้อนทับอยู่ด้านหลัง กลิ่นหอมอ่อนเฉพาะตัวโชยเข้าจมูกให้ผมเผลอสูดดมอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากสารเสพติด จนเลื่อนจมูกเข้าหาแทบจะชิดผิวเนื้อขาวช่วงต้นคอ โชคดีที่ผมยังพอห้ามจิตห้ามใจไว้ได้บ้าง
“พี่อยู่คนเดียว แต่ต่อจากนี้พี่จะอยู่กับหนู” ผมกระซิบบอกไนล์ชิดใบหูสีขาว ก่อนที่มันจะค่อยๆ ซับสีขึ้นทีละนิดหลังจากฟังเสียงพูดและลมหายใจร้อนผ่าวของผมไปกระทบ
คนตัวเล็กค่อยๆ ขยับใบหน้าเอียงตัวกลับมามองผมทีละนิด แต่เพราะผมยังไม่ยอมขยับหน้าหนีไปไหนเลยทำให้ปลายจมูกของเราเฉียดเสียดสีกันโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะความตั้งใจของผมมันคือแก้มสีระเรื่อนั่นต่างหาก ไนล์แสดงอาการตกใจออกมาทางสายตาจนน่าเอ็นดู ผมหลุดยิ้มให้กับท่าทางเหมือนแมวตัวน้อยของไนล์ และเลือกเป็นฝ่ายก้าวถอยหลังออกมาก่อนที่ความน่ารักของไนล์จะทำให้ผมอดใจไม่ไหวคว้าตัวของเขาเข้ามาพรมจูบไปทั้งตัว
“หนูจะนอนพักผ่อนเลยก็ได้นะ พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน” ผมก้าวถอยหลังออกมาไม่กี่ก้าวก่อนจะถลกเสื้อขึ้นถอดผ่านทางศรีษะ ปล่อยให้ท่อนบนเปลือยเปล่าต่อหน้าเด็กน้อย ซึ่งการตอบสนองของไนล์ก็ทำผมดี๊ด้าไม่น้อย เพราะคนตัวบางรีบยกมือขึ้นปิดตาทันที แก้มสองข้างที่โผล่พ้นฝ่ามือก็ขึ้นสีแดงจัดลามไปจนถึงใบหูและลำคอ
@ปัจจุบัน
ไนล์นั่งหลังตรงและนิ่งไม่ขยับไปไหนอยู่บนเตียงของผม นิ้วมือเรียวที่ปลายเล็บเป็นสีระเรื่อแบบคนสุขภาพดีค่อยจิกกำผ้าปูที่นอนข้างขาทั้งสองข้าง ตาโตสีอ่อนจ้องมองผมไม่ยอมกะพริบสักครั้งหลังจากประโยคคำถามเมื่อกี้จบไป ผมใช้เวลาอยู่กับไนล์ไม่นานเท่าไรไนล์ก็ทำให้ผมรู้จุดอ่อนของเขาเข้าแล้วหนึ่งจุด คือดวงตาคู่ตรงหน้านี้ไง ไนล์เป็นคนไม่ค่อยพูดหรือพูดเท่าที่จำเป็นเท่านั้นไม่รู้จะประหยัดคำพูดไปถึงไหน แต่สิ่งที่ตอบกลับมาแทนคำพูดทั้งหมดคือความอ่อนไหวผ่านดวงตาทั้งสองข้าง อย่างตอนนี้มันก็กำลังฟ้องผมอยู่ว่าเด็กตัวน้อยก็เริ่มหวั่นใจกลัวผมขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
“หนูกลัวพี่เหรอ” ผมถามไนล์ย้ำอีกครั้งทว่าครั้งนี้ผมขยับตัวเข้าใกล้ไนล์มากขึ้น จงใจเคลื่อนจมูกโด่งจัดของตัวเองไปยังแก้มเนียนน่าสัมผัส
คนตัวเล็กยังคงนั่งไม่ขยับไม่ไหน ไม่รู้ว่าอยากทดสอบความอดทนของผมหรือความกล้าของตัวเอง แต่ก่อนที่ผมจะล่วงเกินอีกฝ่ายเข้าจริงๆ ไนล์ก็ยอมแพ้เอียงใบหน้าหลบ ทำให้ปลายจมูกผมเฉียดได้แค่ปลายใบหูสีจัด
“น้องยังไม่บรรลุนิติภาวะนะ พี่ไม่กลัวติดคุกเหรอ” ไนล์ถามเสียงติดสั่นเล็กน้อย พร้อมทั้งหลบสายตาผมเลยกลับมานั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม
“แล้วถ้าพี่ติดคุกน้องจะไปอยู่กับใครคะ?” คนถูกถามเงียบไปนานหลายนาที ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องอื่น เหมือนว่าก่อนหน้านี้เหตุการณ์เมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น คำถามที่ผมถามไปไม่เคยได้ยินเสียอย่างนั้น สิ่งที่ผมรู้เพิ่มมาอีกอย่างคือไนล์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเก่งมาก มากจนผมเริ่มจะหวั่นใจ
“พี่เดย์ไม่ง่วงเหรอครับ นี่มันก็ดึกแล้ว”
“ยังค่ะ ถ้าหนูไนล์ง่วงก็นอนก่อนเลยค่ะ” ผมส่ายหน้าก่อนที่จะพูดออกมา พร้อมทั้งส่งสายตามองไปบนเตียงกว้างขนาดควีนส์ไซต์ที่ไนล์นั่งอยู่ พอๆ กับคนตัวเล็กที่มองตามสายตาผมไปยังจุดจบคือหมอนสองใบที่วางไว้คู่กัน เป็นการบ่งบอกว่าคืนนี้ผมกับไนล์จะต้องใช้หมอนสองใบนั้นนอนคู่กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงไนล์จะอยากเลี่ยงผมก็ไม่ให้เลี่ยง
“พี่เดย์จะให้น้องนอนตรงไหน” คนที่เพิ่งมองไปบนเตียงพร้อมผมหันกลับมาถามเหมือนกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อทางสายตา แต่ความเป็นจริงแล้วรู้ รู้จนคิดไปไกลพอตัวแล้วด้วย ทั้งความสั่นไหวจากดวงตา แก้มแดงปลั่ง หูขึ้นสีแดงจัดร่ายยาวมายันลำคอ และถ้าเด็กตรงหน้าอยากจะทำเป็นไม่รู้ผมก็จะทำหน้าที่เป็นคุณครูคอยบอกคอยสอนให้ก็แล้วกัน
“บนตัวพี่”
“..!!!..” จากที่นั่งเกร็งจนจิกผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ไปหมดแล้วตอนนี้เด็กอายุสิบหกตรงหน้าผมแทบจะถลกมันขึ้นมาอยู่แล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดที่โคตรจะส่อความคิดส่วนลึกของผม
ปฏิกิริยาของไนล์มันช่างน่าเอ็นดูจนผมเกือบอดใจไม่ให้คว้าตัวมาหอดสักฟอดไม่ไหว ต้องก้มหน้ากัดฟันข่มใจยับยั้งความต้องการไว้พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าออกท่องพุธโธไม่หยุดหย่อนกว่าฮอร์โมนที่เลือดพล่านในร่างกายจะดับลง
“พี่หมายถึงบนเตียงพี่ค่ะ บนเตียงพี่”
“ละ..แล้วพี่เดย์นอนไหนครับ” คำถามของไนล์มันชอบทิ้งช่องโหว่ให้ผมสรรหาคำพูดมาทำให้อีกฝ่ายตอบสนองด้วยท่าทีน่าเอ็นดูได้ไม่ขาดสาย
ผมกระตุกยิ้มโชว์เขี้ยวเสน่ห์อีกครั้งพร้อมกับขยับตัวลุกจากเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้ไนล์บนเตียงด้วยระยะห่างไม่ถึงคืบก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้บอกคำตอบให้คนตัวเล็กได้ยินชัดๆ
“ก็นอนกับหนูไง หรือหนูอยากทำอย่างอื่นกับพี่แทนการนอน”
“ทะ..ทำอะไร”
“แล้วหนูอยากทำอะไรล่ะคะ ทำตามใจหนู หรือหนูจะให้พี่ทำตามใจตัวเอง”
ไนล์หลุบสายตาก้มมองพื้น ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยอาการลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข สอดส่องหาวิถีทางเอาตัวรอดโดยไม่คิดเลยว่าก้าวเข้ามาในถิ่นของผู้ล่าแล้วเหยื่อจะหนีรอดได้ยังไง ยกเว้นก็แต่ว่าผู้ล่าอย่างผมรู้ว่าควรจะกินเหยื่อในเวลาไหนมันถึงจะอร่อยและคุ้มค่ากับการรอแค่นั้น
เวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ผมจมอยู่ในความคิดที่วางแผนในระยะยาวของตัวเองเด็กข้างกายก็กระโดดไปนั่งทำตัวนุ่มนิ่มอยู่กลางเตียงซะแล้ว อีกทั้งยังหอบเอาผ้าห่มผืนหนามากอดแนบกายราวกับเกาะกำบังอีกต่างหาก ผมมองภาพตรงหน้าจนเกือบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เด็กบ้าอะไรทำอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมด
“น้องง่วงแล้ว ขอนอนก่อนนะ” พูดจบคนที่นั่งกอดผ้าห่มอยู่ก็รีบมุดตัวเข้าไปอยู่ด้านในทั้งตัว เหลือแค่เส้นผมบางส่วนที่โผล่ออกมาเล็กน้อย
ผมนั่งผมภาพตรงหน้าก่อนจะหลุดยิ้มออกมา เด็กที่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มจะรู้บ้างไหมว่าเขากำลังทำให้ผมใกล้จะคลั่งเขาจนบ้าขึ้นไปทุกที ผมทิ้งระยะเวลาห่างพอสมควรที่คาดว่าไนล์น่าจะหลับสนิทไปแล้วถึงเดินไปปิดไปก่อนจะคลานเข่าเข้าไปหาคนบนเตียงช้าๆ ตอนนี้เด็กตัวเล็กกำลังซุกตัวหาความอบอุ่นอยู่ใต้ผ้าห่มมีแค่แผ่นหลังบางที่หันมาทางผมเท่านั้น แล้วผมก็ทำตัวเป็นไอ้คนบ้าอีกครั้งด้วยการนอนมองแผ่นหลังนั้นและเกลี่ยเส้นผมสีอ่อนจนเผลอหลับไป
เช้าวันถัดมา…
รูปหน้าเรียวได้รูปประหอบกับเครื่องหน้าราวเทพเจ้าปั้นขยับซุกหมอนใบโตเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กวาดหาความอบอุ่น เปลือกตาสีไข่ไก่หลับพริ้มสนิทมีเส้นผมบางส่วนหล่นลงมาคลอเคลีย จะยื่นมือเข้าไปปัดให้ก็กลัวจะเป็นการรบกวนให้อีกฝ่ายตื่นจากนิทราก่อนเวลา ถึงเส้นผมพวกนั้นมันจะดูน่ารำคาญตาไปสักนิดแต่ถ้ามาเทียบกับภาพรวมตรงหน้าที่ผมได้เห็นในแสงแรกของวันแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ไม่แย่ ผมเลือกที่จะนอนตะแคงข้างมองไนล์อยู่เงียบๆ ผมเป็นคนไม่ชอบตื่นตอนเช้า ขนาดมีสอบเช้าพวกในกลุ่มยังต้องมาลากผมลงไปจากเตียงเพื่อไปสอบเลย แต่พอพื้นที่บนเตียงมันแคบลงมีคนนุ่มนิ่มมาเบียดข้างกายผมกลับตื่นก่อนฟ้าจะสว่างซะอีก หรือต้องใช้คำพูดว่า ‘ข่มตานอนก็แทบไม่หลับ’ กันแน่
เปลือกตาที่ปิดสนิทกำลังจะเผยอขึ้นเมื่อถูกแสงจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา ขนตาเรียงเส้นสวยกะพริบขึ้นลงหลายครั้งเพื่อปรับดวงตาให้คุ้นเคยกับแสงยามเช้า ก่อนที่มันจะค่อยๆ เบิกโพลงขึ้นเมื่อเด็กรู้ตัวว่าตรงหน้ามีผมนอนมองเขาตาไม่กะพริบ
“..!!!..” ไนล์เผยอปากเหมือนจะอุทานอะไรออกมาสักอย่าง ก่อนจะดีดตัวเองให้ขยับตัวออกห่างจากผมจนเกือบจะสุดขอบเตียง ถ้าหากผมคว้าแขนเล็กนั่นไว้ช้ากว่านี้แค่วิเดียวเด็กน้อยคงลงไปนอนเจ็บตัวข้างล่างแล้ว
เพราะผมดึงตัวไนล์ไว้ด้วยแรงที่ค่อนข้างมากเลยทำให้คนตัวบางนิดเดียวลอยเข้ามาซบอกผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ แก้มนิ่มสีเลือดฝาดกำลังเบือนชิดกับอกข้างซ้ายของผมอย่างแนบแน่น ก้อนเนื้อที่ซ่อนอยู่ด้านในมันกำลังบีบตัวและคลายตัวในจังหวะถี่ขึ้นเรื่อยๆ และมันไม่มีทางเลยที่ไนล์จะไม่รู้ในเมื่อหน้าแนบชิดซะขนาดนั้น
ตึก!..ตึก!..ตึก!..
คนตรงหน้าค่อยๆ เงยหน้ามองผมช้าๆ แล้วกะพริบตาด้วยจังหวะเชื่องช้าเช่นเคย แก้มเนียนสองข้างเริ่มขึ้นสีแดงปลั่งอีกครั้งเช่นเดียวกับใบหน้าผมที่ร้อนวูบวาบไปหมด ยิ่งไนล์ขยับตัวเสียดสีผมมากเท่านั้นร่างกายที่คึกคักยามเช้าของผมก็ร้อนระอุมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะฝ่ามือนุ่มที่มันเลือกวางตำแหน่งที่จุดยุทธศาสตร์ผมพอดี
ทีแรกผมคิดว่าคนตัวเล็กคงยังไม่รู้ตัวว่าใต้ฝ่ามือนุ่มนิ่มของตัวเองกำลังก่อพลังลมปราณและอาจจะปลดปล่อยออกมาอีกไม่ช้าถ้ายังคงวางมันไว้แบบนั้น จนกระทั่งสายตาของไนล์เริ่มดูลนลาน ไม่ยอมสบตา กรอกตามองไปซ้ายทีขวาที มันเป็นปฏิกิริยาของคนที่กำลังใช้ความคิดหนัก ซึ่งมันก็สมควรให้ไนล์คิดหนักเพราะถ้าลมปราณผมมันก่อตัวจนแข็งแกร่งขึ้นมาไนล์ต้องถูกพลังของผมทำลายล้างจนหมดแรงแน่
“ขอบคุณนะ” ไนล์ตอบเสียงเบาพร้อมกับขยับตัวออกห่างจากผมช้าๆ
“ตกใจเหรอคะหนูไนล์” ผมถามคนที่หอบผ้าห่มขึ้นมากอดเป็นก้อนกลมๆ แถมแก้มก็ยังแดงไม่เลิก พอๆกับผมที่นั่งหน้าแดงยกมือเกาท้ายทอยอย่างไร้เหตุผลเพราะมันไม่ได้คัน แค่ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนซะดื้อๆ
“เอ่อ…คือ..น้อง”
“พี่หมายถึงตื่นมาเจอหน้าพี่หนูตกใจเหรอคะ” ผมต้องรีบพูดขยายความก่อนที่ใบหน้าเรียวนั่นมันจะแดงเป็นลูกสตรอเบอรีน่าหม่ำ แล้วผมก็คงอดใจไม่ไหวได้ดึงจุกสตอเบอรี่กัดเข้ามาปากแน่ๆ
“คะ..ครับ”
“แรกๆก็แบบนี้แหละ แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็ชิน เชื่อพี่สิค่ะ” ผมพูดเหมือนจะปลอบใจอีกฝ่าย แต่เปล่าเลยผมพูดปลอบใจตัวเองต่างหาก ก่อนที่น้องจะชินกับผมผมควรจะชินกับความน่ากินของไนล์ให้ได้เสียก่อน ขาจะได้ไม่เป๋เดินเซเช้าตาราง
ไนล์พยักหน้าซะจนเส้นผมกระจายตามแรง แล้วรีบลุกลนลงจากเตียงไปคว้ากระเป๋าเป้ใบเดียวขึ้นกอด ก่อนจะวิ่งไปที่หน้าประตูห้องน้ำ
“ถ้างั้นน้องอาบน้ำก่อนนะ”
ผมนอนเล่นมือถือรอไนล์ที่หายเข้าไปในห้องน้ำเกือบจะครึ่งชั่วโมงได้ แล้วเสียงบิดลูกบิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเส้นผมสีอ่อนที่ค่อยๆโผล่ออกมาจากรอยแง้มประตูทีละนิดจนเห็นครบทั้งใบหน้า ไนล์ส่งยิ้มแห้งๆให้กับผม คนตัวเล็กยืนอ้ำอึ้งสักพักกว่าจะยอมพูดออกมา
“เอ่อ…พี่เดย์พอจะมีผ้าเช็ดตัวให้น้องยืมบ้างไหม น้องไม่ได้หยิบมา”
หลังจากได้ยินคำถามผมก็เดินไปหยิบสิ่งที่ไนล์ร้องขอออกมาจากตู้เสื้อผ้า ทว่าผมไม่ได้เดินเอาเข้าไปให้ในทันทียังคงยืนถือผ้าเช็ดตัวพิงกำแพงมองใบหน้าใสที่เปียกน้ำเล็กน้อยไม่วางตา
“มีค่ะ แต่หนูต้องออกมาเอาเองนะ” พอได้ยินที่ผมบอกเด็กอายุน้อยก็เริ่มเบะปากคว่ำเช่นเดียวกับตอนที่ผมชวนเขาขึ้นรถที่ป้ายรถเมย์ไม่มีผิด
“พี่เดย์เอามาให้น้องไม่ได้เหรอ น้อง…น้องโป้อยู่นะ” คำว่า ‘โป้’ ของไนล์ทำเลือดลมผมร้อนผ่าวไปทั้งตัว และอดที่จะจินตนาการถึงผิวขาวๆไร้อาภรณ์ปกปิดตั้งแต่ลำคอจรดปลายนิ้วเท้าที่ซ่อนอยู่หลังบานประตูนั่นไม่ได้จริงๆ
ถึงผมไม่คิดจะขืนใจไนล์เอาตัวเองเข้าไปนอนเล่นในตารางก็ตามเถอะ แต่จะให้ผมห้ามความคิดที่อยากจะทำอะไรๆกับไนล์ตอนที่อีกฝ่ายอายุครบสิบแปดผมห้ามไม่ได้จริงๆ หรือจะห้ามไม่ให้จินตนาการเรื่องลามกกับไนล์ด้วย ผมห้ามตัวเองไม่ได้หรอก ผมก็คนยังมีตรรหาและกิเลสอยู่มาก การที่มาอยู่ใกล้ชิดกับคนที่อยากกินโดยมีข้อจำกัดว่าห้ามกินมันเป็นเรื่องที่โคตรจะทรมาน
“พี่เดย์!” คนตัวเล็กแหวเสียงดังใส่ผมลั่นห้องเมื่อผมดันเล่นพิเลนดึงลูกบิดประตูตอนที่ส่งผ้าเช็ดตัวให้อีกฝ่ายออก แต่ผมก็แค่แกล้งดึงไม่ได้ใช้แรงที่มีทั้งหมด ไม่งั้นไอ้ประตูบานนี้มันไม่ได้มาบดบังภาพความขาวใสของไนล์อยู่แบบนี้หรอก
“โทษทีค่ะเมื่อกี้มือพี่กระตุกแรงไปหน่อย” ผมแกล้งขอโทษทั้งที่ปากยังหุบยิ้มไม่ได้
ไนล์ถลึงตามองผมแล้วรีบดึงผ้าเช็ดตัวเข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าผมเสียงดัง ส่วนผมก็ยืนหัวเราะมีความสุขกับการกลั้นแกล้งคนตัวเล็กอย่างกับไอ้บ้าคนหนึ่ง ผมบอกแล้วว่าไนล์ไม่ธรรมดา ผมใช้เวลาอยู่กับน้องยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย แต่เขาทำผใทั้งคลั่งทั้งบ้าไปกับตัวเขาแล้วสารพัดสิ่ง
“พี่เดย์..” ไนล์โผล่หน้าออกมาจากประตูห้องน้ำอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ขยับเอาส่วนร่างกายออกมาด้วย ท่อนล่างใส่กางเกงสีเข้มสั้นเหนือเข่ามาเล็กน้อย ส่วนท่อนบน…เอาผ้าเช็ดตัวคลุมออกมา ผมเลิกคิ้วมองสภาพอย่างกับลูกแมวถูกห่อผ้าตรงหน้า
“คือ….พี่เดย์มีเสื้อให้น้องใส่ไหม”
“มีค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าพี่ต้องเป็นคนใส่ให้ ถ้างั้นพี่ก็ไม่ให้ยืมนะ” เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นแทนที่ไนล์จะยอมตกลง แต่น้องดันหมุนตัวหันหลังจะเดินกลับเข้าไปเอาเสื้อในห้องน้ำมาใส่ซ้ำ โชคดีที่ผมเป็นคนค่อนข้างมือเท้าไว แถมใจยังง่ายอีกต่างหากเลยขยับไปยืนขวางหน้าประตูได้ทัน
“พี่เดย์จะทำอะไรน้อง น้องยังเด็กอยู่นะ” ผมละชอบคำว่าขู่ของไนล์จริงๆ เอะอะก็น้องยังเด็ก น้องยังเด็ก เหมือนลูกแมวหัดขู่ไม่มีผิด
สรุปแล้วน้องไนล์ไม่ใช่คนหรอก น้องคือแมว คือลูกแมวตัวน้อยๆที่ผมต้องคอยเลี้ยงดู!
“แค่จะพาไปเอาเสื้อค่ะ ไปเอากันไหมคะ”
“ห๊ะ!?”
“ไปเอาเสื้อที่ตู้”
ผมเดินนำไนล์มาที่ตู้เสื้อผ้า หลังจากที่ผมเลือกดูเสื้อที่มีอยู่ในตู้ดูแล้วไนล์ไม่น่าจะใส่ได้พอดีสักตัว ยกเว้นก็แต่เสื้อของ ‘ซา’ เพื่อนตอนมัธยมที่เคยแวะมานอนที่ห้องผมตอนเมาแล้วลืมติดตู้อยู่หนึ่งตัว แล้วก็โชคดีมากที่ซากับไนล์ขนาดตัวไม่ต่างกันเท่าไร
“เอาผ้าออกค่ะ เดี๋ยวพี่ใส่ให้” ผมถือเสื้อหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าลูกแมวน้อยในกองผ้าเช็ดตัว แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะใส่ให้อย่างที่ปากว่าหรอกนะ ผมแค่อยากแกล้งไนล์มากกว่า ผมชอบเวลาที่ดวงตาทั้งสองข้างมันแสดงความรู้สึกออกมา
คนตัวเล็กกำผ้าตรงรอยแหวกช่วงอกแน่นจนนิ้วมือเรียวมีอาการสั่นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่มักจะอ่อนไหวเผยความคิดส่วนลึกออกมาทุกครั้งตอนนี้กลับแข็งกระด้าง ทั้งยังจ้องมายังมือทั้งสองข้างที่ผมถือเสื้ออยู่ ไนล์จ้องมันเขม็งและเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอ พื้นที่ดวงตาสีขาวค่อยๆขึ้นรอยเส้นเลือดสีแดงทีละนิด เสียงหายใจจากคนเด็กกว่าก็เริ่มหนักขึ้นผิดปกติ
“ไนล์…” ผมลองเรียกชื่อน้องดู แต่ไร้การตอบรับ ไนล์ยังคงมองมือผมไม่ละไปไหน พอผมก้าวเท้าเข้าไปหาเขาก็ถอยหลังหนีทันที
“ไนล์ เป็นอะไรหรือเปล่า” ครั้งนี้ผมเรียกน้องอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น ทำให้ดวงตาแข็งกระด้างค่อยๆเหลือบขึ้นมองหน้าผมช้าๆ ทั้งยังหยุดก้าวขาหนีอยู่กับที่
ไนล์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เด็กตัวเล็กตรงหน้าทิ้งตัวพิงกำแพงข้างๆก่อนจะปล่อยให้แรงโน้มถ่วงพาร่างกายทรุดลงนั่งกับพื้น ส่วนมือก็ยังกำผ้าคลุมร่างกายไม่ปล่อย
“พี่เดย์วางเสื้อไว้ตรงนั้นแหละครับ เดี๋ยวน้องไปหยิบเอง”
“เป็นอะไรบอกพี่ได้นะ” ผมเลือกที่จะไม่ทำตามคำพูดไนล์ และกำลังจะเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น แต่ไนล์ก็ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ ไม่มีคำสั่งห้ามออกมาจากริมฝีปากสีอ่อนมีแต่ฝ่ามือขาวซีดที่ยกขึ้นห้ามไม่ให้ผมเดินเข้าไป แล้วขาผมก็หยุดตามที่ไนล์ต้องการอย่างกับอีกคนมีรีโมทคอยคอนโทรลผมได้
“พี่เดย์ไปอาบน้ำเถอะครับ”
ผมใช้เวลาในการอาบน้ำคิดทบทวนสิ่งที่ไนล์แสดงออกมาเมื่อครู่ ความสงสัยและเป็นห่วงเกิดขึ้นมากมายจนผมอยากจะลากตัวไนล์มาตอบข้อสงสัยซะตอนนี้เลยจริงๆ แต่ผมก็ทำได้แค่คิดเพราะถ้าเกิดผมไปบังคับไนล์จนเขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา เขาอาจจะหนีหายไปจากผมซะดื้อๆเลยก็ได้ ขนาดบ้านเขายังหนีออกมาง่ายๆ
ไนล์ไม่ได้นั่งอยู่ที่พื้นเหมือนตอนที่ผมเข้าไปอาบน้ำอีกแล้ว เพียงแค่ขยับร่างกายไปนั่งกอดเข่ามองหน้าต่างอยู่บนเตียง ผมโยนผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ทิ้งลงตะกร้าหลังจากที่ดึงเอาบ็อกเซอร์มาใส่และเดินอวดหุ่นนักกีฬาที่ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวไปนั่งอยู่บนเตียงกับคนนั่งเหม่อ
“พะ..พี่เดย์” ไนล์หันมามองผมพร้อมกับอาการตกตะลึงเล็กน้อย ผมตั้งใจมองตาไนล์ไม่กะพริบสักครั้งเดียว ผมอยากรู้ว่าน้องจะมีปฏิกิริยายังไงถ้าเจอผมใส่เสื้อผ้าแค่ชิ้นเดียวแค่นี้
คนตัวเล็กมีสายตาว่อกแว่กไม่น้อยเมื่อแผงอกล้ำของผมมาโชว์ให้เห็นในระยะประชิด ไหนจะซิกแพ็คหกลูกสวยๆที่เรียงกันอยู่ตรงหน้าท้องนี่อีก โดยเฉพาะบ็อกเซอร์ที่ใส่ ผมจงใจเลือกตัวที่สั้นและเล็กที่สุดที่ผมเจาะจงใส่มาล่อตาล่อใจไนล์ แล้วมันก็ค่อนข้างได้ผลเพราะคนตรงหน้าหลุบสายตาลงไปมองจริงๆ ก่อนจะรีบวกสายตากลับขึ้นมาเหมือนเดิม และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ปกติคนที่เห็นขาอ่อนพี่ได้คือคนที่ถอดกางเกงพี่ออกเท่านั้นนะคะหนูไนล์” คนที่ได้ยินคำพูดผมตาโตขึ้นทันที และทำท่าจะลุกเดินหนีผมไปนั่งอีกมุมอีกต่างหาก ดีที่ผมเอื้อมมือไปกดไหล่บอบบางให้นั่งอยู่กับที่ได้ทันเวลา
ตอนนี้ผมกับไนล์นั่งเผชิญหน้าเข้าหากัน แต่อีกฝ่ายหลุบสายตามองไปอีกทางไม่ยอมมองหน้าผมจนผมต้องใช้กำลังกึ่งบังคับให้ใบหน้าละมุนตาหันมาสนใจผมสักที แก้มขาวเนียนสองข้างถูกฝ่ามือหยาบกระด้างของผมกอบกุมเอาไว้ ริมฝีปากสีอ่อนมันดึงดูดสายตาผมมากจนผมเกือบจะควบคุมตัวเองแล้วก้มลงไปประทับจูบไม่ได้ เลยทำได้แค่เกลี่ยปลายนิ้วลงอย่างแผ่วเบา นับวันรอที่จะได้สัมผัสมันด้วยปากตัวเอง