ตอนที่ 3 นอนไม่หลับ

3585 Words
I’d like to tell you that things will get better tomorrow But I’ve been through so many tomorrow And nothing has change ผมอยากจะบอกกับคุณว่าพรุ่งนี้มันจะต้องดีขึ้นกว่านี้ แต่ผมผ่านวันพรุ่งนี้มามากมาย และมันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย “ไหน เมื่อเย็นใครบอกว่าจะให้กอด” ฟานเปิดประตูห้องนอนเข้ามา ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่า พอกลับมาบ้านหลังจากฟานไปเตะบอล ผมก็ปลีกตัวอยู่แต่ในห้อง ส่วนฟานออกไปอยู่กับคนอื่นๆ แน่นอนว่าฟานก็รบเร้าให้ผมออกไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นกับเขา แต่ผมไม่มีอารมณ์อยากพูดหรือคุยกับใคร ผมอยากอยู่คนเดียวก็เลยอ้างไปว่าอยากอ่านหนังสือ ฟานรู้ว่าผมจริงจังกับเรื่องเรียนมาก รู้ว่าผมอยากทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจ เขาก็เลยไม่ว่าอะไร ผมนั่งจดจ้องหนังสือด้วยสมองที่ว่างเปล่าหลายชั่วโมง แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากอ่าน ผมบอกตัวเองว่าถ้าผมไม่อ่าน สอบปลายภาคจะยิ่งแย่กว่าสอบที่เพิ่งผ่านไป ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ 3.00 เลย เกรดผมจะถึง 2.00 หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ ฟานเดินมาโอบกอดรอบคอผมจากด้านหลัง ใช้แก้มแนบแก้มแล้วคลอเคลีย ผมหลับตาเอียงหน้ารับสัมผัสที่แสนอ่อนโยน “อ่านไปถึงไหนแล้วครับ” ฟานถาม ผมแค่นยิ้มวูบหนึ่ง “ก็อ่านบทที่เรียนนั่นแหละ แต่ไม่ค่อยเข้าใจเลย” ผมอ้อน “เอาน่า สกายของฟานเก่งอยู่แล้ว ขยันตั้งแต่สอบกลางภาพเสร็จ เทอมนี้เกรดไม่ดีก็ให้มันรู้ไป” ฟานพูดอย่างร่าเริง ก่อนจะสอดแขนลอดใต้รักแร้ ออกแรงวืดเดียวก็ยกผมขึ้นจากเก้าอี้ได้ ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจที่ถูกยกขึ้นกลางอากาศโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่ไม่นานตัวผมก็ถูกวางราบลงบนเตียง ผมรู้ว่าฟานจะทำอะไร ผมชอบให้เขากอดผมเสมอ แต่คุณเชื่อไหม ตอนนี้ผมทั้งอยากให้เขาทำ และทั้งไม่อยากให้ทำ เป็นตัวผมที่รู้สึกไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น มันไร้ซึ่งแรงจูงใจจนน่าใจหาย แต่ผมไม่คิดจะปฏิเสธฟาน อะไรที่เขาอยากทำกับผม อะไรที่ทำให้เขาพึงพอใจผมก็ยอมทั้งนั้น ดีกว่าทำให้เขาเบื่อผม เพราะแค่นี้ผมก็เบื่อตัวเองจะแย่แล้ว “สกายจ๋า” ฟานประคองใบหน้าของผมเอาไว้ เขาจ้องเข้ามาในดวงตา แววตาของฟานหวานเยิ้ม ผมมองแล้วก็ตาพร่า เหมือนถูกดึงดูดให้จับจ้องแต่เขาเพียงผู้เดียว ผมรักฟานมาก มากจนไม่อยากเสียเขาไป “ฟาน...กายรักฟานนะ” ผมเอ่ยเสียงเบา ฟานยิ้มเมื่อผมบอกว่ารัก ส่วนผมยิ้มก็เพราะว่าเขายิ้ม “ฟานก็รักกาย” เขาพูดพร้อมกับจูบที่ริมฝีปาก บดเบียดริมฝีปากไปมา เล่นเองแล้วก็หัวเราะเอง เดี๋ยวงับเดี๋ยวดึงจนปากผมยืด “ฟาน...จูบสิ” ผมคล้องแขนกอดรอบคอคนด้านบน ฟานหัวเราะหึอย่างชอบใจ เขาชอบให้ผมเรียกร้องว่าต้องการเขา และเมื่อผมร้องขอ เขาก็เริ่มจูบอย่างร้อนแรง ปลายลิ้นของฟานมีพละกำลังไล่ต้อนให้ผมร้องครางอย่างง่ายดาย มือหนาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผมทีละชิ้น เขาผละริมฝีปากออกแล้วรูดเสื้อยืดใส่นอนของผมออกจากหัว จากนั้นเขาก็จับที่ขอบกางเกงยางยืดแล้วรูดมันลงพร้อมกับกางเกงชั้นใน ไม่รู้เพราะรีบร้อนหรืออะไร เขาจึงปล่อยให้กางเกงของผมยังขาไว้ที่ปลายขาข้างหนึ่ง แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะมีอย่างอื่นที่ดึงดูดความสนใจมากกว่า ผมลุกขึ้นนั่งแล้วเป็นฝ่ายรุกจูบคืนบ้าง ผมเพิ่งค้นพบว่า อย่างน้อยตอนที่เขาจูบผม ตอนที่เราสัมผัสร่างกายของกันและกัน ผมไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องรู้สึกว่างเปล่า ความเสียวสะท้านกลืนกินความมืดดำในใจ เหมือนผมได้หายใจอีกครั้ง “ถอดเสื้อผ้าให้หน่อย” ฟานกระซิบชิดริมฝีปาก ผมหยุดจูบแล้วสำรวจร่างกายของเขา นั่นสิ ตอนนี้มีแต่ผมที่โป๊เปลือยในขณะที่ฟานยังไม่สูญเสียเสื้อผ้าสักชิ้น ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ผมจัดการกับเสื้อของเขาก่อน เปิดเปลือยแผงอกและกล้ามหน้าท้องที่ผมหลงใหล ร่างกายของฟานสมบูรณ์แบบ ยิ่งฟานเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬา ยิ่งทำให้ตัวของเขาหนาแน่นไปด้วยมัดกล้าม ผมชอบทุกครั้งที่ฟานโอบกอด มันทั้งอบอุ่นทั้งยังให้ความรู้สึกปลอดภัย สายตาเลื่อนต่ำลงมาที่กางเกง ผมเกี่ยวนิ้วที่ขอบกางเกงวอร์มและกางเกงชั้นในของเขา รูดลงช้าๆ ฟานครางซี๊ดเมื่อขอบกางเกงค่อยๆ รูดต่ำโดนน้องชายของเขา ส่วนหัวของมันโผล่ออกมาเป็นอย่างแรกก่อนจะเปิดเผยตัวตนทั้งหมด ฟานทิ้งตัวนั่งแล้วยกขาขึ้นให้ผมถอดกางเกงออกจากขาเขาได้ง่ายขึ้น ผมโยนเสื้อผ้าของฟานลงจากเตียง ขยับตัวเข้าไปใกล้ ฟานรู้ว่าผมจะทำอะไรก็เลยกางขาทั้งสองข้างเปิดกว้าง เอนตัวไปข้างหลังใช้แขนทั้งสองข้างยันที่นอนเอาไว้ “อมให้หน่อยครับที่รัก” เขาเอ่ยเสียงพร่า ผมยกยิ้ม ขยับตัวนั่งคุกเข่าแล้วโน้มตัวลงต่ำไปข้างหน้า ผมจูบมังกรพ่นน้ำที่ส่วนปลาย แล้วอ้าปากกลืนกินมันเข้าไปทั้งหมด ผมทำอย่างที่ฟานชอบ ไม่ว่าจะดูดกลืนเข้าไปจนชนคอหอย หรือการแลบลิ้นเลียระรัวที่ส่วนปลายให้เขาร้องครางไม่เป็นภาษา อย่างน้อยๆ ผมก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรทำอะไร ยังดีที่มีอะไรให้ทำมากกว่าการนั่งตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมควรทำอะไรดี อย่างน้อยผมก็มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้เขาเสร็จคาปาก แล้วผมก็ทำสำเร็จ “มาครับ ขึ้นมาบนนี้สิ” ฟานตบหน้าขาของตัวเอง เรียกให้ผมขึ้นไปนั่งคร่อม ผมทำตามอย่างว่าง่าย หวังให้เขาช่วยปรนเปรอร่างกาย เพื่อทำให้ผมลืมความว่างเปล่าข้างในอก “ฟาน ช่วยกายหน่อย” ผมคลึงสะโพกกับความแข็งขึงที่นั่งทับ ช่วยทำให้ผมไม่เศร้าที ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้อีกต่อไปแล้ว “ให้ฟานช่วยยังไงครับ” เขาคลอเคลียจูบไซ้ซอกคอ ผมเชิดหน้าแหงนคอเพื่อให้ปลายจมูกและริมฝีปากของเขาสัมผัสผมได้อย่างถนัดถนี่ ไม่ว่ามือของเขาจะบีบจะลูบตรงไหนผมก็ไม่ขัดขืน “กอดกายหน่อย กอดกายแรงๆ ทีนะฟาน” ผมร้องขอแบบไร้ซึ่งยางอาย ฟานชะงัก เขาละใบหน้าออกจากหน้าอกที่กำลังดูดกิน มองหน้าผมอย่างแปลกใจ “ไหวเหรอ” เขาถามอย่างเป็นกังวล ฟานมีรสนิยมทางเพศที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ไม่ถึงกับซาดิสม์ แค่ชอบกัดจนเป็นรอยถลอก หรือไม่ก็กระแทกเข้ามาแรงๆ จนผมเจ็บไปทั้งตัว แต่เขามักจะควบคุมตัวเองได้เพราะเห็นว่าบางทีผมก็รับเขาไม่ไหว แต่วันนี้ผมต้องการมัน อะไรก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึก “กายไหว นะฟานนะ วันนี้ฟานอยากทำอะไรกายยอมทุกอย่างเลย” ผมลูบแก้มเขา กดจูบเบาๆ อย่างรักใคร่ “แน่ใจนะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง “อืม” ผมแน่ใจ “ได้เลยครับ ตามบัญชาทุกอย่างเลยครับเจ้าชาย” เขาพูดแล้วก็คำรามในลำคอ ก่อนจะเริ่มขบกัดที่ลำคอผมอย่างแรง ความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วทุกปมประสาท แรงกระแทกกระทั้นเข้าออกรุนแรงจนผมเจ็บร้าวระบมปนเสียว ความเสียวมีไม่เท่าความเจ็บบนร่างกาย แต่มากกว่าความเจ็บปวดที่ได้รับ ผมยิ้มอย่างมีความสุข จุ๊บ~ “คนดีของฟาน ตื่นได้แล้วครับ” ผมรู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชิดข้างใบหู พร้อมกับสัมผัสของฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ไปตามผิวกาย ผมเปิดเปลือกตาเชื่องช้า ค่อยๆ รับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว “เป็นไงบ้าง” ผมมองหน้าฟานที่แสดงความเป็นห่วง ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนผิวที่มีแผลรอยฟัน ผมยิ้มบางพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไร อ่า...” ทำไมผมเสียงแหบขนาดนี้ เมื่อคืนผมร้องดังไปเหรอ “ฟานขอโทษ ฟานไม่น่าทำแบบนั้นเลย” “ไม่เป็นไร กายเป็นคนขอเองนี่ ฟานไม่ผิดสักหน่อย” “แต่ฟานก็น่าจะรู้ว่ากายจะไม่ไหว” เขายังคงไม่คลายความรู้สึกผิด ผมขยับลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เมื่อยขบไปหมดทั้งตัว “กายยังไม่ตายสักหน่อยน่า เดี๋ยวก็หาย” ผมยิ้มให้เขาวางใจ แต่หน้าของเขาดูดุดันขึ้นทันตา “อย่าพูดแบบนี้สิ ฟานจะไม่ทำรุนแรงกับกายอีกแล้ว” “อืม อุ้มไปอาบน้ำหน่อยได้ไหม” ผมกางแขนออก ไม่มีแรงจริงๆ ก็คงมาจากบทรักดิบเถื่อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืน “ได้ทุกอย่างเลย ฟานจะดูแลกายอย่างดีเลยวันนี้” เขาจูบปากผมแผ่วเบาแล้วอุ้มผมเข้าไปอาบน้ำ ฟานดูแลผมดีทุกอย่างแบบที่เขาพูด ทั้งอาบน้ำแปรงฟันให้ ใส่เสื้อผ้าให้ผมเหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็กๆ เขาแทบจะอุ้มผมออกจากห้องนอน แต่ผมห้ามเอาไว้ เพราะไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นในบ้านพูดแซว เขาก็ยอมทำตามแต่ก็วิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลังเหมือนกลัวว่าผมจะล้ม ผมกับฟานมาถึงห้องครัวยังไม่เห็นใครสักคน พวกผมพยายามจัดตารางเรียนให้เวลาตรงกันเท่าที่จะเป็นไปได้แม้ว่าจะอยู่กันคนละคณะ วันนี้จึงเป็นอีกวันที่พวกเรามีเรียนพร้อมกันตอนสิบโมงเช้า “พวกนั้นยังไม่ตื่นเหรอ” ผมถาม เผลอทิ้งตัวนั่งลงเร็วไปหน่อยจนสะเทือนร้าวไปทั้งก้น “เจ็บเหรอ เดี๋ยวฟานไปเอาเบาะรองนั่งมาให้” ฟานรีบวิ่งไปหยิบเบาะรองนั่งที่ห้องนั่งเล่นแล้วเอามาวางรองก้นให้ผม “ขอบคุณนะ” ผมพูดยิ้มๆ นั่งให้ฟานคอยดูแล ผมทำอาหารไม่เป็น เข้าครัวทีไรก็เกือบทำครัวพังทุกที หน้าที่ทำกับข้าวในบ้านเลยเป็นของคนอื่นๆ แทน “วันนี้กายอยากกินอะไร” ฟานเปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบในนั้น “อยากกินฟาน” ผมพูด สายตาเอาแต่จดจ้องแผ่นหลังกว้าง เขาหันมาแยกเขี้ยวใส่ผมที่พูดแกล้งเขา กับเรื่องเซ็กส์ฟานค่อนข้างที่จะตื่นตัวง่าย วัยรุ่นเลือดร้อนก็อย่างนี้ “เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” “ไม่แกล้งแล้วครับ” ผมยิ้มหวานเอาใจ เขาก็ยิ้มตอบแล้วหันกลับไปรื้อตู้เย็นอีกครั้ง “อยากกินไข่กระทะ ใส่หมูสับใส่ไส้กรอก” ผมคิดเมนูที่คิดว่าอยากกิน แต่ความจริงผมไม่อยากกินอะไร แค่มองไปแล้วเห็นไข่ไก่กับห่อไส้กรอกอยู่ในนั้นพอดี “เมื่อคืนก็กินทั้งไส้กรอกทั้งไข่ของฟานไปแล้ว ยังไม่อิ่มหรือไง” ฟานหยิบของออกมาจากตู้เย็น ปากก็พูดล้อผมไปด้วย “ฟานก็รู้...ว่ากายไม่เคยอิ่มหรอก มีแต่อยากกินแล้วอยากกินอีก” ผมไม่ยอมให้เขาแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว เล่นเรื่องใต้สะดือมีแต่เขาที่ทรมาน “หึ้ย หมั่นเขี้ยวโว้ย ถ้าไม่ติดว่าฟานสงสารละก็นะ โดนดีแน่ๆ” ฟานเดินเอาแครอทมาเคาะปลายจมูกผม ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่โดนเอาคืนกลับ ท่าทางของเขาทำให้ผมหลุดหัวเราะเสียงดัง “แหม อารมณ์ดีเหลือเกินนะผัวเมียคู่นี้ นอนหลับสบายตัว สดชื่นตื่นแต่เช้า ไม่เห็นใจพวกกูกันบ้างเลย” ว่านเดินบ่นอุบเข้ามาในครัว มันมองหน้าผมเหมือนจะงอนอะไรสักอย่าง ไม่ต่างจากยุทธและเฟิร์สที่เดินตามเข้ามาติดๆ “ทำไมตาโหลกันขนาดนั้นอ่ะ” ผมชี้ใบหน้าของแต่ละคน เฟิร์สทิ้งตัวนั่งลงข้างผม เลื้อยตัวนอนไปกับโต๊ะกินข้าว “ก็เพราะมึงไง” มันว่าพลางมองสำรวจผมไปทั้งตัว เหมือนมันจะจ้องรอยฟันที่ซอกคอผมเป็นพิเศษ “กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมบอก ขยับมือจับที่รอยแผล “เออ กูเชื่อว่าสกายไม่ได้ทำ เพราะไอ้คนทำอ่ะมันคือไอ้ฟาน ไอ้ห่า พวกมึงเอากันก็ช่วยลดความรุนแรงลงหน่อยเถอะ เสียงหัวเตียงเสียงร้องครางของไอ้สกายทำเอาพวกกูไม่ได้นอนทั้งคืน” ยุทธโวยวายก่อนจะเปิดตู้เย็นยกขวดนมทั้งขวดกระดกเข้าปาก กินเสร็จก็ส่งให้ว่านกระดกต่อ “อึก จริง กูอยากจะย้ายออกแล้วเนี่ย คนไม่มีเมียอย่างพวกกูมันทรมานนะเว้ย เบาได้เบานะเพื่อน” ว่านกรอกนมใส่ปากเสร็จก็พูดสำทับอีกแรง “ไอ้พวกเหี้ยนี่ ไม่มีเมียก็ไปหาสิวะ ไม่งั้นพวกมึงก็เอากันเองไป” ฟานหันมาโวยใส่เพื่อน แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังทำหน้าระรื่นยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “อย่าลืมเอาพลาสเตอร์มาปิดด้วยนะ รอยมันชัด” เฟิร์สบอกกับผม “อืม” ผมเข้าใจ ถึงสังคมจะเปิดกว้างในหลายๆ เรื่องมากขึ้น แต่เราก็แสดงออกเรื่องทางเพศแบบโจ่งแจ้งไม่ได้ ขนาดแค่ถ่ายรูปยิ้มลงโซเชียลผมยังโดนด่า ไม่ต้องคิดว่าถ้าผมออกจากบ้านโดยมีรอยดูดรอยกัดที่คอเด่นหราขนาดนี้ ผมคงโดนคนรุมด่ากันยับ บางทีถ้าจะผิดมันก็ผิดที่ผม เพราะอยากมีเพื่อน อยากมีคนรู้จักเยอะๆ พยายามถ่ายรูปตัวเองที่คิดว่าดูดีลงโซเชียล ชื่นชอบเวลาที่ผมลงรูปหรือแคปชั่นตลกๆ แล้วเพื่อนเข้ามาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทั้งรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ผมก็ชอบที่จะคุยเล่น เพราะผมเข้าหาคนอื่นซึ่งๆ หน้าไม่เก่ง หน้านิ่งๆ ของผมมันหยิ่งเกินกว่าที่ใครจะกล้าเข้าใกล้ ดังนั้นตัวช่วยของผมก็คือการออกไปเที่ยวกลางคืนกับช่องทางต่างๆ ในโซเชียล ใครจะคิดว่าหนึ่งในพวกที่มากดเพิ่มเพื่อนมากดติดตาม จะมาตามด่าผมเหมือนเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน และมันหนักข้อขึ้นทุกวันเมื่อผมเริ่มคบกับฟาน ซึ่งเป็นคนดังของคณะวิศวะ เป็นเทพบุตรในดวงใจของใครหลายคน “อาหารเช้าได้แล้วครับ” เสียงของฟานและกลิ่นหอมของอาหารดึงสติผมออกจากความคิดที่มืดมน ฟานนั่งลงข้างๆ พร้อมดันแก้วนมให้ผมดื่ม “เดี๋ยวๆ แล้วของพวกกูอ่ะ” ยุทธชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะชนกับหน้าของฟาน คนหล่อก็เลยใช้มือยันหน้าเพื่อนออกอย่างแรง “ไปทำแดกเอง กูทำให้เมียกูกับตัวเองเท่านั้น” “ไอ้ลำเอียง ไอ้เห็นเมียดีกว่าเพื่อน!” “เออ วันหนึ่งถ้าสกายทิ้งมึงขึ้นมาพวกกูจะไม่โอ๋ด้วย” ผมหน้าตึงทันทีที่ว่านพูดแบบนั้น “กูไม่ทิ้งฟานหรอก มึงอย่าพูดแบบนี้อีก” ผมไม่มีทางทิ้งฟาน ไม่มีทางทิ้งความสุขของผมที่เหลือน้อยเต็มที “ขอโทษๆ” “เป็นไงละ สกายโกรธมึงแล้ว” “ขอโทษครับ” ว่านแทบจะยกมือไหว้ ผมหายโกรธอย่างรวดเร็ว ที่จริงเพื่อนก็แค่พูดเล่น แต่มันก็ทำให้รู้สึกไม่ดี ถ้ามันจะมีวันนั้นที่ผมกับฟานไม่ได้รักกันแล้ว ผมบอกได้แค่ว่าไม่ใช่ผมที่ปล่อยมือจากเขาแน่นอน “อย่าคิดมาก พวกมันก็ปากหมาไปงั้น นั่งเงียบๆ ไปเลยพวกมึงอ่ะ ไม่งั้นไม่ต้องกินข้าวเช้า” เฟิร์สพูด แล้วลุกขึ้นไปทำอาหารเช้าของตัวเองและทำเผื่อยุทธกับว่านด้วย “กินซะ จะได้โตไวๆ” ฟานลูบหัวผม ผมยิ้มแต่ยังไม่ลงมือทานอาหารเช้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปอาหารเช้าที่ฟานทำให้ โพสต์ลงในไอจีเหมือนที่ชอบทำ ผมอยากเก็บสิ่งดีๆ ที่ฟานทำให้ผมไว้เป็นความทรงจำ ผมโพสต์รูปพร้อมแท็กหาคนทำ ก่อนจะกดปิดโทรศัพท์ในทันที ผมยังไม่พร้อมที่จะเห็นข้อความแย่ๆ จากคนที่จงเกลียดจงชังผม ขอให้ผมได้เริ่มต้นวันดีๆ ด้วยความสุขบ้าง แม้ว่ามันจะอยู่กับผมเพียงเวลาแค่ไม่นานก็ตาม ผมไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไงถึงจะมีสมาธิกับการเรียนมากกว่านี้ ผมถามตัวเองทั้งวันในขณะที่กำลังนั่งเรียน ว่าผมกลายเป็นคนโง่ไปแล้วเหรอ สมองผมด้านชาขนาดนี้ได้อย่างไร “อยากได้อะไรครับ” เสียงเภสัชกรเอ่ยถามเมื่อผมเดินเข้ามาในร้าน “ผมอยากได้ยาบำรุงสมองครับ” ผมว่าผมต้องการตัวช่วย หลังเลิกเรียนผมก็เลยให้ฟานแวะร้านขายยาให้ผม “เอาเป็นอะไรดี มีวิตามินบีรวมก็ช่วยได้ แล้วมีตัวนี้ที่เป็นสารสกัดจากใบแปะก๊วย หรือจะเอาเป็นน้ำมันปลาแซลมอนตัวนี้ก็ดีนะครับ” เภสัชกรแนะนำสินค้าหลายตัวให้ผม “เอาหมดเลยครับ” “เยอะไปหรือเปล่ากาย” ฟานเดินมายืนข้างผม เอ่ยค้านเหมือนไม่เห็นด้วย “ก็เอาไปลอง จะได้ไม่ต้องมาซื้อบ่อยๆ” “ถ้ากินในปริมาณที่พอดีก็จะมีผลดีต่อร่างกายนะครับ” “ครับ ผมรับหมดเลย” ผมยังคงดื้อแพ่งที่จะซื้อทั้งหมด เพราะผมไม่รู้ว่าอันไหนดีกินแล้วเห็นผล ฟานเหมือนจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามจริงจังนัก กลับมาถึงบ้านผมก็นั่งดูหนังกับคนอื่นๆ ในห้องนั่งเล่น ความจริงผมไม่อยากดูเท่าไหร่ แต่เมื่อวานผมปฏิเสธฟานไปแล้ว วันนี้ผมก็เลยไม่อยากปฏิเสธเขาอีก ผมนั่งพิงฟานอยู่บนโซฟา เฟิร์สกับว่านทำอาหารเย็นเสร็จก็เอามาเสิร์ฟให้พวกเราหน้าทีวี นั่งกินนั่งเล่นกันไปจนหนังจบ ฟานก็หันไปเล่นเกมกับเพื่อน ทั้งสี่คนเล่นพับจีกันหมดเว้นผมที่ไม่ชอบเล่นเกมแบบนี้ มุมมองภาพมันทำให้ผมเวียนหัว เลยขอตัวเข้ามาอ่านหนังสือในห้อง ผมรื้อถุงยาออกมาดู ก่อนที่ผมจะกลายเป็นคนโง่มากกว่านี้ ผมจัดการเปิดอาหารเสริมที่ซื้อมาทุกกระปุก หยิบออกมาอย่างละหนึ่งเม็ดแล้วกรอกเข้าปาก ผมหวังว่ามันจะช่วยผมได้ ผมจะได้เรียนรู้เรื่องสักที ผมอ่านหนังสือ อ่านอย่างตั้งใจ ผมอ่านจบไปหนึ่งหน้าก่อนจะหยุดอ่าน ผมอาจจะยังคิดมากเกินไปเพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่เข้าใจ ทำให้ไม่มีสมาธิมากพอที่จะอ่านหนังสือให้รู้เรื่อง “เอาใหม่นะสกาย” ผมปลอบใจตัวเองและเริ่มอ่านบทเรียนใหม่ตั้งแต่ต้น ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ ผมก็เริ่มต้นใหม่ ถ้าเผลอใจลอยก็เริ่มต้นอีกครั้งและอีกครั้งจนกว่าร่างกายจะรับไม่ไหว แต่ไม่ว่าผมจะพยายามมากแค่ไหน ผลลัพธ์ของมันก็ยังคงเหมือนเดิม ผมหงุดหงิดและรู้สึกแย่จนอยากจะควักเอาสมองของตัวเองออกมาขยี้ให้มันแหลกเหลวคามือ ทำไมไม่จำ อ่านแค่ไหนก็จำไม่ได้สักที โง่นัก...ไอ้โง่! ผมนั่งก่นด่าตัวเองอยู่ในใจเงียบๆ เพียงลำพัง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ผมแทบไม่รู้สึกตัวตอนที่ฟานเข้ามาในห้อง ตอนที่เขาพูดกับผมหรือเรียกชื่อผม จนเขาวางมือลงบนบ่า ออกแรงบีบเบาๆ เรียกสติ ผมถึงรู้สึกตัว “ดึกแล้ว เลิกอ่านหนังสือแล้วไปนอนครับคนเก่ง” “ฟานนอนก่อนเลย” ผมก้มหน้าลงอีกนิด ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาที่รื้อชื้น “ไม่เอา ฟานอยากนอนกอดกาย นะครับ ไปนอนกันนะ” “...” ผมจะนอนหลับได้ยังไง ถ้าผมยังเป็นแบบนี้ “อย่าเครียดจนเกินไป ไว้ค่อยอ่านใหม่วันพรุ่งนี้นะ” ฟานลูบหัวผม แค่นั้นก็ทำให้ความอดทนของผมในวันนี้หมดลง ผมคลายมือที่กำแน่น คิดตามที่ฟานพูด พรุ่งนี้ผมจะอ่านใหม่ได้ใช่ไหม ผมควรไปพักผ่อนก่อนจริงๆ อย่างที่ฟานว่า บางทีพรุ่งนี้อาจจะดีกว่าวันนี้ก็ได้ ผมเพิ่งกินยาไปเอง วันเดียวอาจจะยังไม่เห็นผล อาจจะต้องรอหลายๆ วัน หรืออาจจะต้องให้กินมากกว่านี้ แล้วทุกอย่างอาจจะดีขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD