เพียงขวัญบ่นไปตลอดทางเรื่องฝนตก หลังจากออกมาจากคลินิกเสริมความงามของคชากร เธอมาเข้าคอร์ดเจ้าสาว ฉีดโน่นฉีดนี่ตามที่คชากรบอก ส่วนมากเป็นพวกวิตามินบำรุงผิวแล้วก็ดูแลพวกเส้นผมและเล็บมือเล็บเท้า ช่วงนี้เธอจึงดูผุดผ่องเป็นพิเศษ อาจเพราะอาหารการกินที่คชากรรับประทานเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เธอจึงได้อานิสงฆ์รับประทานอาหารเช่นเดียวกันกับเขา ที่สำคัญก็คือในทุก ๆ เช้าเธอต้องตั้งนาฬิกาปลุกตื่นไปวิ่งกับคชากรเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง
เพียงขวัญมัวแต่คิดอะไรเพลิน แต่ต้องเบรกรถกะทันหันเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนมาขวางหน้ารถเอาไว้ หญิงสาวกรีดร้องอย่างตกใจ ดีที่ฝนตำหนักเธอเลยขับรถช้า
“นี่คุณกระโดดเข้ามาขวางหน้ารถฉันทำไมคะ” เพียงขวัญรีบเปิดประตูรถลงไปดูคนที่มาขวางหน้ารถของเธอ
“คุณขวัญ”
“คุณจักร คุณเองเหรอคะ” เธอจำวรจักรลูกน้องคนสนิทของคชากรได้ ไม่คิดว่าเขาจะกระโดดมาขวางรถเธอแบบนี้
“ช่วยด้วยครับคุณขวัญ”
“ทำไมคะ”
“หลังจากที่คุณไม่ตอบข้อความของเจ้านายผม คุณกรก็เอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัว ข้าวปลาไม่แตะ ตอนนี้ป่วยหนักมากครับ” ประโยคนั้นทำให้เพียงขวัญตกใจเป็นอันมาก
“เขาเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” เพียงขวัญเอ่ยถามอย่างตกใจ หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำแทบจะโลดออกมาจากอก เมื่อคิดถึงใครอีกคนที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เวลาที่เธอได้อยู่กับเขาคือความสุขโดยแท้จริง เธอเป็นตัวของตัวเอง และสามารถพูดคุยกับเขาได้ในทุก ๆ เรื่อง เป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่เธอตกหลุมรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น แม้จะพยายามตัดใจแต่เธอก็รู้ว่ามันทำไม่ได้ หัวใจเจ้ากรรมดันรักเขาไปหมดทั้งดวงแล้ว
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงคะ” เพียงขวัญเอ่ยถามวรจักรท่ามกลางสายฝน เธอแทบทำร่มในมือหล่นพื้นเมื่อได้รู้ว่าเขาป่วยเพราะตรอมใจที่เธอไม่ยอมคุยด้วย ทุกอย่างมันเป็นความผิดของเธอเองที่ไปให้ความหวังเขา ไปไหนมาไหนกับเขาหลงให้เขาคิดว่าเธอมีใจ
“ช่วยไปเยี่ยมเจ้านายของผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ไปตอนนี้เลยเหรอคะ”
“ถ้าคุณขวัญไม่ไป เจ้านายของผมต้องแย่แน่ ๆ เลยครับ อาจจะตรอมใจจนตายได้นะครับ” วรจักรยอมลงทุนคุกเข่าอ้อนวอนหญิงสาว
“คุณจักรอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ”
“ช่วยเจ้านายของผมด้วยนะครับ”
“แต่ขวัญ” เพียงขวัญกัดปากตัวเอง เธอจะอ้างอย่างไรดีที่จะไปหากรพักตร์โดยไม่ให้ที่บ้านรู้ว่าเธอหายไปไหน หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะโทร. หาเพื่อนสนิทอย่างมะลิลาให้ช่วยโกหกหน่อยอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญต้องให้เธอไปหาไปอยู่ด้วย
“ทำไมต้องโกหกด้วยล่ะ ฉันไม่เข้าใจ” มะลิลาเอ่ยถามอย่างงุนงง คบหากับเพียงขวัญมานาน จึงสนิทสนมกันดีรู้ว่าเพื่อนนั้นเป็นคนดี จริงใจ มีน้ำใจกับคนอื่นเสมอ และตรงไปตรงมา ค่อนข้างจะซื่อ ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ใครกันนะทำให้เพื่อนของเธอกล้าสร้างเรื่องโกหกได้ถึงขนาดนี้
“เรื่องมันยาวเอาไว้ขวัญจะเล่าให้ลิลาฟังนะ แต่ช่วยขวัญก่อน” เพียงขวัญขอร้องเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนเป็นอันมาก
“ก็ได้ แต่แกสัญญาแล้วนะว่าจะเล่าให้ฉันฟัง” มะลิลาขอคำสัญญา เธออยากรู้จริง ๆ ว่าเพื่อนมีความจำเป็นเช่นไร แต่เพียงขวัญมีน้ำใจกับเธอเสมอ เธอจึงยอมช่วยอย่างไม่เกี่ยงงอน แม้จะสงสัยเหลือเกินในตอนนี้
“สัญญาจ้ะ” เพียงขวัญรีบรับปาก ถึงเธอจะเป็นคนมีเพื่อนน้อยแต่อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนดีอย่างมะลิลา ด้วยว่าคริสานั้นไม่ใคร่อยากให้คบหากับใครสุ่มสี่สุ่มหา แม้จะเป็นหญิงสาววัยเดียวกัน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อน ๆ จะพาเสียคน หรือชวนไปเที่ยวเตร่ มันไร้สาระและสิ้นเปลือง อยู่บ้านทำงานบ้าน อ่านหนังสือตั้งใจเรียนจะดีกว่า
เพียงขวัญมองชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักด้วยความห่วงใยอย่างเหลือล้น เขาดูซูบผอมไปมาก หน้าตาหนวดเคราไม่ได้โกน แถมยังไม่สบายเสียอีก
“ตัวร้อนจี๋เลย” เธอแตะมือที่หน้าผากของเขาก่อนจะดึงมือหนีอย่างตกใจ
“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วครับคุณขวัญ”
“ทำไมไม่เช็ดตัวหาข้าวหาปลาให้เจ้านายของคุณกินล่ะคะ” เธอเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“คุณดูสภาพห้องก่อนสิครับ เจ้านายของผมไม่เคยรักใคร ไม่เคยอกหักมาก่อน วัน ๆ เอาแต่ทำงาน ผมเอาข้าวเอาน้ำให้กินก็ไม่ยอมกิน อาละวาดเขวี้ยงทิ้ง ไม่มีอะไรตกถึงท้องจนซูบผอมขนาดนี้ ผมก็เข้าหน้าไม่ติด อย่าว่าแต่จะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เลยครับ ผมเข้าใกล้ยังผลักไสผมออกมา แล้วก็ไม่มีใครเข้าหน้าติด”
“เหรอคะ” เพียงขวัญหันไปมองสภาพคนอกหักตามที่วรจักรบอกแล้วก็ให้รู้สึกว้าวุ่นใจยิ่งนัก
“ผมเลยเสี่ยงตายกระโดดเข้าไปขวางหน้ารถของคุณยังไงครับ เพราะผมอยากจะขอร้องให้คุณช่วยดูแลเจ้านายของผมหน่อย เจ้านายของผมมีพระคุณกับผมมาก ผมไม่อยากให้เจ้านายของผมต้องมีสภาพแบบนี้น่ะครับ”
“ฉันไม่รับปากนะคะว่าจะเกลี่ยกล่อมให้เจ้านายของคุณกินข้าวกินปลาและลุกขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไหม แต่ตอนนี้ไปหาภาชนะกับผ้าขนหนูมาให้ฉันก่อนเถอะค่ะ ฉันจะได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ไข้จะได้ลด”
“ครับคุณขวัญ” วรจักรรีบไปหาอุปกรณ์มาให้หญิงสาวในทันที เพียงขวัญจัดการเช็ดใบหน้าให้เขาเป็นลำดับแรก เขากุมมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะปรือตามอง แล้วเพ้อออกมาตามประสาคนเป็นไข้ทั่วไป
“คุณขวัญ คุณมาหาผมแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” เขากุมมือของเธอเอาไว้พลางกดจุมพิตหนักๆ
“คุณไม่ได้ฝันไปหรอกค่ะ ขวัญมาหาคุณจริง ๆ มาดูแลคุณ แต่คุณก็ต้องอย่าดื้อนะคะ ต้องกินข้าวกินปลาบ้าง”
“ผมจะดูแลตัวเองไปทำไม มันจะมีความหมายอะไร ในเมื่อคุณไม่รักผม”
“ใครบอกว่าฉันไม่รักคุณคะ ฉันรักคุณค่ะ” เธอตัดสินใจบอกความในใจแก่เขาให้เขาได้รับรู้ ความรักของเธอมันรุนแรงนัก ถ้าไม่ได้พูดออกไปเธอคงจะอกแตกตาย
“เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ พูดใหม่ได้ไหม หรือว่าผมหูฝาดไป”
“ฉันบอกว่าฉันรักคุณค่ะ ถ้าฉันไม่ได้พูดออกไปในวันนี้คงเสียใจไปตลอดชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำตามหัวใจตัวเอง แต่ความรักของเรามันคงเป็นไปไม่ได้ ฉันต้องแต่งงานกับคนอื่น ฉันอยากให้คุณตัดใจ หันมาดูแลตัวเอง ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดีต้องมีผู้หญิงที่ดีที่เหมาะสมคู่ควรกับคุณ”
“แต่ผมรักคุณ ผมคงไม่แต่งงานอีกตลอดชีวิตหากไม่ได้แต่งงานกับคุณ คุณไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น คุณไปบอกญาติผู้ใหญ่ของคุณตรง ๆ ได้ไหม แล้วผมจะให้ผู้ใหญ่ของผมไปทาบทามสู่ขอคุณตามประเพณี ไม่ทำให้คุณเสียหายแน่นอน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเกิดมาเป็นหนี้บุญคุณคุณป้าคริสา ท่านเลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เล็ก ยังไงฉันก็ต้องแต่งงานกับพี่หมอตามคำสั่งของคุณป้า”
“แม้ว่าคุณจะไม่ได้รักเขาอย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ฉันต้องตอบแทนบุญคุณของพวกเขาค่ะ”
“คุณคิดถึงแต่เรื่องตอบแทนบุญคุณ แล้วคุณไม่คิดถึงตัวเองบ้างเลยเหรอครับ”
“ฉัน” เธอกัดปากตัวเองพลางครุ่นคิด
“คุณป้าประกาศไปแล้วว่าจะให้ฉันแต่งงานกับพี่หมอ จะให้ยกเลิกกลางคันไม่ได้หรอกค่ะ ทุกคนจะเสียหาย”