ตอนที่ 6 จูบ…กระชากรัก (2)

2619 Words
ตอนที่ 6 จูบ…กระชากรัก (2) "เอาละ ถึงแล้ว ไร่คุณอาผม" อารชวินดึงเบรกมือขณะหันไปสบตาให้หญิงสาวข้างกายลงจากรถ ซึ่งหลังจากพาเธอไปที่รีสอร์ทมาแล้วหลายวัน วันนี้เขาจึงให้เธอพักสมองจากงานออกแบบตกแต่งชั่วคราว โดยพามาที่ไร่ของอรรณพ คุณอาที่ชายหนุ่มรักเสมือนพ่อแท้ๆ อีกคน โดยไร่คุณอาของเขานั้นก็อยู่ใกล้ๆ กับเรือนวารี ใช้เวลาเดินทาง ไม่กี่นาทีก็ถึง อมลรดาก้มลงมองตัวเองที่วันนี้มาในชุดกางเกงยีนขาสั้นรองเท้าผ้าใบ เข้ากันได้ดีกับเสื้อยืดพอดีตัวสีขาวพับแขนขึ้นไปเล็กน้อย เธอแต่งตัวตามคำสั่งของอารชวินเพราะเขาบอกว่าจะพาเธอมาลุยไร่กะหล่ำปลีและชิมสตรอว์เบอรี่สดๆ เพียงเท่านั้นเธอก็ตื่นเต้นกับคำบอกเล่าที่เพิ่งรู้ว่าแถวนี้ก็สามารถปลูกพืชเมืองหนาวได้ จึงเตรียมตัวสำหรับการมาตะลุยไร่คุณอาของเขาโดยเฉพาะ หญิงสาวเห็นเขาคว้าหมวกปีกกว้างมาสวม อีกใบที่อยู่ในมือยื่นส่งมาให้เธอ แต่เขากลับชักหนีเมื่อเห็นเธอทำท่าจะยื่นมือไปคว้า ก่อนจะนำมาสวมไว้บนศีรษะเล็กเสียเอง ราวกับเธอเป็นเด็กเล็กๆ ที่เขาต้องคอยดูแล ทำไมจะต้องมาสวมให้ เขาชอบทำให้เธอคิดลึกและหวั่นไหว คิดพลางผ่อนจังหวะก้าวเดินให้ช้าลง ลอบมองคนตัวโตที่เดินยิ้มกริ่มนำหน้าอยู่ไม่ไกล เขาคิดอะไรอยู่ภายในใจนั้นเธอไม่เคยคาดเดาได้เลย ด้านในมีบ้านหลังเล็กๆ ตกแต่งน่ารักสไตล์วินเทจอยู่หนึ่งหลัง ดวงตากลมโตกวาดมองไปโดยรอบ ด้านขวามือคือไร่กะหล่ำปลีกว้างสุดลูกหูลูกตา กำลังเขียวขจีไปทั้งไร่พร้อมที่จะทยอยตัดขายได้บ้างแล้ว "ฟ้าไม่เคยเห็นกะหล่ำปลีสดๆ จากต้นมาก่อน เพิ่งรู้ว่าเป็นแบบนี้" น้ำเสียงนั้นออกแนวตื่นเต้น เมื่อยามสาวเท้าตามร่างสูงเข้าไปยังแปลงผัก เธอมองไปยังหัวกะหล่ำปลีที่โอบล้อมเอาไว้ด้วยใบสีเขียวสด เมื่อมาอยู่รวมกันบนแปลงมันจึงดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบชนิดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต "โชคดีที่คุณมาตอนเขายังไม่ตัดขาย หากตัดหมดแล้วหลังจากนี้ก็จะไม่มีอะไรให้ดู นักท่องเที่ยวมักนิยมมาจอดรถถ่ายรูปกัน บนภูทับเบิกนั้นจะปลูกกันเยอะ เพราะเป็นอาชีพหลักของชาวม้งก็ว่าได้" "เหรอคะ อยากไปที่นั่นเสียแล้วสิคะ" หญิงสาวมีสีหน้าตื่นเต้น รู้สึกสนใจในสิ่งที่เขาบอกเล่าให้ได้เห็นในอีกมุมที่ไม่เคยรู้ "วันหลังผมจะพาขึ้นไปก็แล้วกัน...นั่นไง คุณอาผมเดินมาโน่นแล้ว" หญิงสาวมองตามสายตาของอีกฝ่าย เห็นชายหนุ่มท่าทางสุขุมเดินตรงเข้ามาทักทาย เธอรีบผลุบร่างไปยืนแอบอยู่ด้านหลัง ใช้ร่างอารชวินบังเอาไว้ "ปรายฟ้า นี่คุณอาของผม อะ อ้าว" อารชวินมองหา เห็นเธอยืนแอบอยู่ด้านหลังตนแล้วอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "คุณอาครับ นี่ปรายฟ้า คนที่ผมเล่าให้ฟังวันก่อน" เขาเล่าอะไรให้คุณอาของเขาฟังกันนะ หญิงสาวนึกอยากรู้ขณะยกมือไหว้คนสูงวัยกว่าที่กำลังยืนยิ้มมองมา "ปรายฟ้า...อืม...มิน่าล่ะ ถึงทำให้หลานอายอมพามารู้จัก แถมกักตัวเอาไว้ไม่ยอมพาไปส่งคืนที่บ้านอีก" อรรณพหรี่ตามองหลานชายอย่างรู้ทัน ก็คนที่หลานเขาบอกว่าเก็บได้กลางผับคนนี้นั้นช่างสวยสะดุดตาคนมอง อีกทั้งบุคลิกก็ยังดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ไม่แปลกหากจะทำให้คนอย่างหลานชายเขานั้นยอมช่วยเหลือกันอย่างง่ายดาย "คุณอา...เอ่อ...คุณอารู้เรื่องฟ้าด้วยเหรอคะ" แววตาคู่สวยหวั่นวิตก เพราะกลัวว่าอาของอารชวินจะไม่เห็นด้วย กับการที่เธอหนีการแต่งงานมาแบบนี้ "ปรายเขาเล่าให้อาฟังแล้ว ไม่ต้องกลัวนะเรื่องนี้มีรู้กันแค่สามคน" คนพูดสบตากลับมา พอที่จะทำให้อมลรดาโล่งใจขึ้นมาบ้าง "ขอบคุณนะคะ ที่คุณอาเข้าใจ" "เอาละ มัวคุยเดี๋ยวแดดร้อนกันพอดี ไหนปรายจะพาน้องมาดูอะไร หรือจะมาเป็นชาวไร่ช่วยอาตัดกะหล่ำ" อมลรดาอมยิ้มกับถ้อยคำเมื่อสักครู่ เธอเหลือบตามองคนข้างกายพลางคิดไปไกลว่าหากได้เป็นน้องสาวเขาจริงๆ ก็คงจะดี มันคือความใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากมีพี่ชายกับเขาบ้าง อยากมีคนที่คอยปกป้องดูแลห่วงใยกันอย่างแท้จริง "ผมแค่พาเธอมาทักทายคุณอา และปรายฟ้าไม่เชื่อว่าที่นี่ปลูกสตรอว์เบอรี่ได้ ผมเลยพามาให้เห็นกับตาน่ะครับ" "พาเธอไปสิ จะได้รู้ได้เห็น" อรรณพหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะคนทั่วไปมักไม่ค่อยรู้ แต่ด้วยอากาศที่นี่เย็นสบายทั้งปี จึงสามารถปลูกสตรอว์เบอรี่ได้ผลดี เขามองตามแผ่นหลังสองหนุ่มสาวที่กำลังเดินไปตามร่องกะหล่ำปลี อดที่จะคิดด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป "ดะ เดี๋ยวนะคะ ไร่ไม่ได้อยู่แถวนี้เหรอคะ" อมลรดาทำหน้างง เมื่อเห็นอารชวินเดินไปนั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์ แล้วพยักพเยิดให้เธอตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย ขณะเขาสตาร์ทเครื่องรอ "แถวๆ นี้แหละ แต่หากจะเดินไปก็ไกลพอดู ขึ้นมาสิผมจะพาคุณไปแว้นซ์" หญิงสาวเผยยิ้มเจื่อนเพราะไม่ชินกับการนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ และไม่ค่อยไว้ใจว่าเขาจะขี่ได้ กลัวเขาจะพาเธอไปล้มคว่ำคลุกฝุ่นก่อนจะถึงที่หมายเสียมากกว่า "ขี่ดีๆ นะคะ เดี๋ยวคว่ำ" อมลรดาไม่วายกำชับขณะก้าวขึ้นไปนั่งคร่อมท้ายรถ การที่เธอเว้นช่องว่างเอาไว้ ทำให้เขาไม่ยอมบิดคันเร่งออกไปซ้ำยังหันมาออกคำสั่งกันอีกด้วย "ขยับเข้ามาอีกสิ" "ทำไมต้องให้นั่งเบียดด้วยคะ คุณอย่ามาแผนสูงฟ้ารู้ทัน" คนฟังลอบยิ้มกับถ้อยคำนั่น เขาอยากบอกเธอว่าไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด แค่กลัวเธอตกลงไปเท่านั้นเอง "ผมขับไม่ถนัดเพราะน้ำหนักมันถ่วง ขยับเข้ามาอีกนิดเดี๋ยวก็พากันล้มพอดี" เขาบังคับด้วยการรวบข้อมือเล็ก แล้วออกแรงกระตุกจนร่างอิ่มไหลมานั่งชิดเบียดกันจนได้ เธอคงไม่รู้ว่าซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์นั้นเขาทำกันอย่างไร อารชวินคิดพลางจับมือนุ่มนิ่มเพื่อดึงรั้งให้เธอสอดแขนมากอดเอวของตนเอาไว้ "นั่งไม่เกาะแบบนี้ตกลงไปผมไม่รับผิดชอบนะ" อมลรดาขี้เกียจจะเถียงเธอจึงปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้พ่อเจ้าประคุณออกคำสั่งตามอำเภอใจ เพราะหากยังคงดื้อดึงวันนี้คงจะไปไม่ถึงไร่ สตรอว์เบอรี่แน่นอน "คุณปราย คุณจะเบรกอะไรกันบ่อยๆ คะเนี่ย" หญิงสาวกอดเอวคนขับเอาไว้จนแน่นเพราะกลัวตก เมื่อเขาทำเหมือนคนขับมอเตอร์ไซด์ไม่เป็น ขับไปเบรกไปตลอดทาง "ก็ทางมันไม่ดี หลุมมันเยอะ จะให้ขับลงหลุมโดยไม่เบรกหรือไงครับ" คนพูดยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นที่บดเบียดอยู่กับแผ่นหลังกว้าง ยิ่งยามเขาแตะเบรกกายสาวยิ่งบดเบียดแนบชิด อ้อมแขนที่โอบเอวเขาเอาไว้จนแน่นอย่างลืมตัวคล้ายกลัวตกลงไป ทำให้ชายหนุ่มแกล้งขี่ให้ช้าลง ที่จริงต้องเรียกว่าคลานไปน่าจะเหมาะกว่า เพราะเขาจงใจใช้ความเร็วไม่เกินยี่สิบ ด้วยไม่อยากให้ถึงที่หมายเสียแล้ว "ใกล้ถึงหรือยังคะ" ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับบังคับรถด้วยมือข้างเดียว อีกข้างเปลี่ยนมาจับมือที่กอดเอวของตนเอาไว้ บีบกระชับเบาๆ เพื่อสื่อผ่านให้รู้ว่าเขาไม่อยากให้ช่วงเวลานี้หมดลง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ เมื่อยามอุ้งมืออุ่นๆ บีบกระชับ สัมผัสทางกายทำให้เธอมีความสุขอย่างไม่เคยเป็น ดวงตากลมโตลอบมองไปยัง บ่ากว้างดูแข็งแรงสมกับที่เป็นเพศแห่งการปกป้อง หญิงสาวโอบกระชับท่อนแขนที่โอบเอวแกร่งเอาไว้แล้วเอนซบใบหน้าลงไปบนบ่ากว้าง ทอดสายตาไปยังทิวทัศน์ข้างทางเพื่อซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุขและบรรยากาศที่ดีเอาไว้ในความทรงจำ หลายคนมักตัดพ้อว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะมาแค่ระยะเวลาสั้นๆ หัวใจสองดวงต่างคิดตรงกันว่านั่นคงจริง หลังจากที่พากันมาถึงจุดหมายปลายทาง เบื้องหน้าของทั้งสองนั้นคือไร่สตรอว์เบอรี่ที่กำลังทยอยออกผล แม้จะไม่กว้างใหญ่แต่ก็มากพอที่จะให้เดินเก็บกันจนเพลิน อมลรดาพาร่างลงจากมอเตอร์ไซด์เมื่อคนขับดับเครื่องยนต์ แววตาที่ฉายประกายแห่งความสุขยังคง คุกรุ่นอบอวล ยอมให้เขาจับมือแล้วเดินจูงเข้าไปที่แปลงสตรอว์เบอรี่ เห็นเขาทักทายคุณลุงที่เดินไปเดินมาแถวๆ นั้นคล้ายเป็นคนคอยดูแล เธอจึงยิ้มทักทายตามมารยาทบ้าง "ตอนที่คุณอาพูด คุณยิ้มไม่หุบเพราะชอบใจที่คุณอาของผมพูดถูกใจ เรื่องเดาอายุจากหน้าของคุณใช่มั้ย" อมลรดาถึงกับหัวเราะออกมา ที่เห็นว่าเขายังคงข้องใจ "ฟ้ายิ้มเพราะแค่คิดว่าหากคุณเป็นพี่ชายจริงๆ ก็คงจะดี ถ้าหากฟ้าจะขอเป็นน้องสาวของคุณล่ะคะ จะยอมรับน้องสาวแปลกหน้าคนนี้มั้ย" อารชวินยกยิ้มมุมปากพลางมองคนที่อยากจะมีพี่ชายขึ้นมากะทันหัน เขาอยากให้เธอเป็นแค่นั้นเสียเมื่อไหร่กัน เขาต้องการให้เธอเป็นมากกว่านั้นช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลย "คุณอยากเป็นแค่น้องสาวของผมเท่านั้นเองเหรอ...แต่ถ้าผมอยากเป็นมากกว่าพี่ชายล่ะ" "เอ่อ...คุณปราย ล้อเล่นอะไรกันคะเนี่ย" "ผมเคยพูดล้อเล่นด้วยเหรอปรายฟ้า" "บอกตามตรงนะคะ ว่าฟ้าไม่กล้าคิดอะไรกับคุณมากไปกว่านี้ เพราะอาจจะกลายเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัว" แววตาคนพูดหลุบต่ำ เธอกลัวว่าเขาจะมีเจ้าของอยู่แล้ว อีกทั้งความกังขาในเรื่องข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิงในบ้าน มันเป็นของใหม่คล้ายกับรอให้ใครมาใช้ เขาอาจซุกใครไว้ก่อนที่เธอจะเข้ามา "คุณก็ไปถามคุณอาสิ ว่าผมมีเจ้าของหัวใจหรือยัง" แววตาคนพูดจริงจัง จนคนฟังต้องรีบบอกตัวเองว่าอย่าเพิ่งเชื่อมั่นอะไรในตัวเขา และเขาแค่ช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้แค่นั้น หน้าที่ของเธอตอนนี้คือ ช่วยเขาตกแต่งเรือนไทยให้ออกมาสวยถูกใจมากที่สุด หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรไม่อาจคาดเดาได้เลย เธอเลือกที่จะยิ้มแล้วชิงเดินหนี ไม่เผยใจให้รู้ว่ากำลังหวั่นไหวไม่น้อย และแปลงสตรอว์เบอรี่แบบยกสูงเบื้องหน้าที่กำลังให้ผลพอดิบพอดี ทำให้ความสนใจถูกเบี่ยงเบนทันที “เชื่อหรือยังล่ะครับ" แววตาคู่สวยทอประกาย เมื่อยามไล่มองไปยังผลสีแดงสดน่าทานเบื้องหน้า หญิงสาวอดใจไม่ไหวจึงยื่นมือไปเด็ดผลที่กำลังแดงจัด เมื่อกัดไปคำหนึ่งรสชาติหวานหอมทำให้ต้องเอ่ยชมออกมา "อร่อยจัง" "จะเก็บไปกินที่บ้านมั้ยล่ะ คุณอาเขาไม่หวงนะ" "จริงเหรอคะ ฟ้าจะเก็บให้หมดทั้งไร่เลยทีนี้" อารชวินยิ้มพลางโคลงศีรษะ เมื่อเห็นท่าทีราวเด็กได้ของเล่นของคนตรงหน้า เขาก็เพิ่งรู้ว่าเธอชอบทานสตรอว์เบอรี่ เพราะเมื่อได้มาเห็นก็ถึงกับกระโจนใส่ทันที เดือดร้อนเขาต้องไปถามหาตะกร้ากับคนงาน เพื่อเอามาให้อีกฝ่ายเก็บใส่เสียจนพอใจ "เก็บไปเสียขนาดนี้กินให้หมดด้วย ผมไม่ช่วยกินหรอกนะเพราะไม่ชอบอะไรเปรี้ยวๆ" ชายหนุ่มปรายตามองตะกร้าใบย่อมที่อีกฝ่ายกอดเอาไว้แนบอก ในนั้นมีผลสตรอว์เบอรี่บรรจุไว้จนเต็ม ภายหลังจากที่อากาศเริ่มร้อนเขาจึงชวนเธอไปนั่งพักเหนื่อยที่ใต้ต้นหางนกยูงป่าอายุหลายสิบปีแผ่กิ่งก้านจนร่มครึ้ม ความที่มันมีอายุมากและต้นใหญ่ทำให้เจ้าของเสียดายไม่อยากโค่นทิ้ง จึงเก็บเอาไว้เพื่อให้ร่มเงา "แสดงว่าคุณชอบรสหวานเหรอคะ" "ใช่ ผมชอบอะไรที่หวานๆ แม้ไม่ร้อนแรงแต่ก็ให้รสชาติที่ละมุนลิ้น" เขาพูดเรื่องอะไรของเขา หญิงสาวคิดขณะยิ้มเขิน แสร้งทำเป็นตามไม่ทันในความหมายที่แฝงเอาไว้ "ถ้ากินไม่หมดฟ้าก็จะเอาไปกวนเป็นแยม แล้วแบ่งกลับมาฝากคุณอา" แผงคิ้วเข้มเลิกขึ้นราวแปลกใจ ที่เธอเอ่ยเรื่องทำอาหารขึ้นมา "คุณชอบทำอาหารด้วยเหรอ" "ค่ะ เพราะคุณแม่ชอบทำก็เลยติดมาจากท่าน" ชายหนุ่มยิ้มเฝื่อนเมื่อเธอเอ่ยถึงมารดา เหมือนเธอจะผูกพันกับมารดามากว่าบิดา เพราะชอบเอ่ยถึงอยู่บ่อยๆ และพานให้หัวใจแกร่งคอยแต่จะไหววูบเพราะแสลงหูเสียเหลือเกิน แม้อีกฝ่ายจะรีบปรับสายตาให้เป็นปกติ แต่อมลรดากลับสัมผัสได้จากรอยยิ้ม เมื่อรู้ว่าไม่ควรพูดมันออกมาเธอจึงวางตะกร้าสตรอว์เบอรี่ไว้บนพื้น รีบขยับกายไปนั่งใกล้ๆ อีกฝ่าย ก่อนคว้าท่อนแขนแข็งแรงมากอดเอาไว้คล้ายปลอบใจ "ฟ้าขอโทษนะคะ ไม่ได้ตั้งใจพูดย้ำให้คุณนึกถึง...เอ่อ..." "ช่างเถอะ มันคือปัญหาของผม อย่าใส่ใจเลย" ผู้ชายคนนี้คงมีปมอะไรสักอย่างเกี่ยวกับมารดา แววตาคู่สวยไล่มองไปยังเสี้ยวหน้าคมคร้ามพลางครุ่นคิด ปมในใจและอาการป่วยทางจิตใจใครจะช่วยเขาได้ หญิงสาวคิดท่ามกลางความสงสารที่กำลังแทรกซึมเข้าไปในหัวใจดวงน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว "คุณไม่ได้มีปัญหาอยู่คนเดียว เราทุกคนล้วนมีปัญหา ไม่มีใครได้รับความสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ ในขณะเดียวกันคุณก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือกัน บางทีฟ้าก็อยากช่วยคุณบ้าง" คนฟังหันมาสบตา ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง เขาจึงอยากที่จะอยู่ใกล้ตลอดเวลา อารชวินคิดพลางยิ้มออกมา เขาเชื่อว่าเธอคือส่วนช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย นี่แหละที่เธอกำลังช่วยเขา ช่วยให้หัวใจแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขาคิดว่าเธอไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าที่แสดงออกมานั้นกำลังเขย่าหัวใจแกร่งให้สั่นไหว หรือบางทีเธออาจขโมยใจเขาไปแล้วเพียงแต่เขายังไม่รู้ตัวว่ามันหายไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD