ตอนที่ 7 อ้อมกอดซาตาน (1)

1831 Words
ตอนที่ 7 อ้อมกอดซาตาน (1) “คุณยายคะ เสื้อผ้าพวกนี้ให้หนูช่วยตากนะคะ" อมลรดาเรียกยายนวลจันทร์ได้แบบสนิทปาก เพราะตอนมาอยู่ใหม่ๆ เธอเข้าใจว่าแกรุ่นป้าด้วยซ้ำ เพิ่งรู้จากอารชวินว่าแกอายุเลยวัยคุณป้าไปแล้ว เพียงแต่หน้านั้นตามอายุไม่ทันเท่านั้นเอง การที่คนพิเศษของนายกุลีกุจอจะทำงานใช้แรง ความเกรงใจทำให้เจ้าตัวรีบโบกไม้โบกมือเป็นเชิงห้ามปราม "อย่าเลยค่ะคุณ เพราะเดี๋ยวคุณปรายว่าเอาได้" "เขาไม่ว่าหรอก เพราะว่าหนูไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไร แค่มาอาศัยชั่วคราวเท่านั้นค่ะ" คนฟังทำหน้าแปลกใจ เพราะเวลามีผู้หญิงมาที่นี่ทีไรแกก็จะรับรู้ว่าพวกเธอเหล่านั้นคือคู่ควงคนใหม่ของเจ้านาย เปลี่ยนหน้าไม่ซ้ำกันจนจำแทบไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือตัวจริงตัวปลอม นวลจันทร์จึงคิดว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นก็คงไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ ที่ผ่านมา การที่อีกฝ่ายทำหน้างงกับคำบอกเล่า อมลรดาก็งุนงงไม่ต่างกัน "คุณยายทำเหมือนหนูพูดอะไรผิด ทำไมคะที่นี่มีอะไรที่หนูยังไม่รู้" เอ่ยถามพลางหยิบไม้แขวนเสื้อยื่นให้อีกฝ่าย ที่จริงเธอเองก็สงสัยพวกของใช้สำหรับผู้หญิงอยู่เหมือนกัน "อะ เอ้อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ" "แล้ว...เจ้านายของยาย เขา...เอ่อ...เขามีเมียหรือยังคะ" เอ่ยถามแล้วก็ภาวนาว่าอย่าให้คำตอบเป็นแบบที่นึกกลัว แต่ถ้าหากเขา มีเจ้าของแล้วเธอจะได้รีบหักห้ามใจ ไม่ให้คิดอะไรเกินเลยกับผู้มีพระคุณ นวลจันทร์มองหญิงสาวตรงหน้าพลางครุ่นคิด เพราะดูช่างไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านมา หรืออาจจะไม่ใช่คู่ควงคนใหม่จริงๆ แกคิดพร้อมกับลอบยิ้ม ที่เห็นคนยืนรอคำตอบจู่ๆ ก็หน้าแดงเห่อขึ้นมา "ถ้าจะเอาแบบเป็นตัวเป็นตนก็ยังไม่มี แต่ถ้าหลอกฟันแล้วทิ้งอย่าให้นับเลยจ้ะเพราะยายขี้เกียจจำ" "ขะ...ขนาดนั้นเลยเหรอคะ" คนฟังยิ้มเฝื่อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากคนวงใน พลางคิดในใจว่าเขาปล่อยเธอรอดมาได้ยังไง หรือเพราะเสน่ห์เธอไม่เร้าใจพอที่จะให้เขาทำแบบนั้น "หากหนูแค่มาอาศัยเพราะรู้จักคุณปราย ยายก็ยินดีด้วยเพราะคนที่เขาพามาที่นี่ก็ล้วนแต่หวังอยู่เรื่องเดียว คงไม่ต้องให้บอกนะว่าเรื่องอะไร" "เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร..." อมลรดาคล้ายรำพันกับตัวเอง นวลจันทร์เองก็อึดอัดเหลือเกินกับพฤติกรรมของเจ้านาย เคยเตือนกันบ่อยครั้งแต่ก็ถูกเมินเฉย เมื่อได้เพื่อนระบายที่คุยถูกคอความในใจจึงพรั่งพรูออกมา "คุณปรายค่อนข้างมีอคติกับผู้หญิงก็เลยใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงหลอกผู้หญิงเป็นว่าเล่น เมื่อเบื่อก็เขี่ยทิ้งไม่เคยรักใครจริงจัง...และ...คงไม่คิดจะรักด้วย" "ทำไม...ทำไมเขาต้องอคติด้วยคะ เขามีความหลังอะไร หรือว่าเคยถูกทิ้งมาก่อน" "อาจจะเป็นเพราะเรื่องคุณแม่มั้งคะ คุณแม่ทิ้งไปแต่งงานใหม่กับพ่อม่ายลูกติดตั้งแต่คุณปรายเพิ่งจะสิบกว่าขวบ ตอนนั้นเรือนวารีก็ยังอยู่ในช่วง เริ่มบุกเบิก กระท่อนกระแท่นเพราะกิจการไม่ดี ส่วนรายละเอียดมากกว่านี้ยาย ไม่รู้หรอกจ้ะ แต่น่าจะเป็นสาเหตุให้คุณปรายพานอคติผู้หญิงไปเลย" "มิน่าล่ะ...." อมลรดานึกย้อนกลับไป เธอเข้าใจถูกที่ว่าอารชวินนั้นน่าจะมีปมเรื่องมารดา ไม่คิดว่าข้อสันนิษฐานของตนจะจริง แต่เธอไม่ชอบใจที่เขาใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ ใช้เป็นสะพานเพื่อก้าวผ่านความเจ็บปวดใต้ก้นบึ้งของหัวใจ มันเป็นวิธีที่ไม่ได้แก้ตรงต้นเหตุ หากเขาแก้ถูกจุดปัญหาความบาดหมางอาจจะไม่ลุกลามมาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้ "ใครจะช่วยเขาได้คะ นายของคุณยายกำลังป่วยทางใจ จะว่าไปเขานั้นป่วยมานานแล้ว ป่วยตั้งแต่วันที่ครอบครัวแตกแยก เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษา เมื่อนานวันเข้าความเจ็บปวดและอคติจึงสุมอยู่ในใจ กดทับกันมานานจนยากที่จะสลัดออกไปจนหลุดพ้น คนที่ป่วยทางใจแบบนี้ควรได้รับการเยียวยา...เยียวยาด้วยความรักจากคนที่เขาคิดว่า เป็นส่วนช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป" "แล้วเมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่คุณปรายจะพบเจอคนนั้น...หรือไม่มีวัน" "นั่นสิคะ....เพราะหนูแค่คนมาอาศัย ช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก" แววตาคู่สวยไหววูบ เมื่อคิดไปถึงว่าคนที่เขารอคอยนั้นคงไม่โชคดีเป็นเธอ วันนี้โลกเล่นตลกให้โคจรมาเจอกัน วันหน้าอาจจะพรากเธอไปจากเขาและเดินอยู่บนทางคู่ขนานก็เป็นได้ หญิงสาวคิดแบบเผื่อใจ อารชวินเดินกลับเข้ามาในห้อง หลังจากที่เห็นว่าอมลรดากำลังจะเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับนวลจันทร์ ทั้งสองไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าเขาเฝ้ายืนมองตั้งแต่เธอเดินไปคุยและช่วยคนของเขาตากผ้า เห็นคุยกันถูกคอราวสนิมสนมกลมกลืน อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าเธอหว่านล้อมยังไงนวลจันทร์จึงไม่วิ่งหนียอมคุยด้วย ความเป็นตัวตนของอมลรดาคือเสน่ห์ล่อหลอกให้อารชวินเริ่มหลงทาง ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความไม่เสแสร้งและไม่พยายามทำให้เขารัก สิ่งที่เธอทำออกมาจากใจนั้นคือเหตุผลที่ทำให้เขาไม่คิดจะทำร้ายเธอ หากต้องเกลียดผู้หญิงทั้งโลก นาทีนี้เขาจะขอเว้นเธอไว้สักคน ชายหนุ่มเดินลงไปข้างล่าง ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากในครัว เมื่อเดินไปเมียงมองก็เห็นสองคนยายหลานกำลังช่วยกันเตรียมมื้อเช้า เข้ากันได้ดีราวสนิทสนมกันมานาน จากที่แอบมองอยู่นาน เขาจึงกระแอมออกมาเบาๆ ให้รู้ว่าที่คุยกันนั้นได้ยินทะลุไปจนถึงหน้าบ้านหมดแล้ว "ยายจันทร์ ใช้แรงผู้หญิงของผมแบบนี้ ระวังถูกตัดเงินเดือนนะ" "อะ อ้าว คุณปราย มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!" พูดพลางยกมือทาบอก พร้อมคิดในใจว่าโชคดีที่อีกฝ่ายไม่พรวดพราดไปตอนที่กำลังตากผ้า แล้วได้ยินว่าแกกับอมลรดาคุยอะไรกัน ด้านอมลรดายืนหน้าร้อนผ่าว หัวใจดวงน้อยสั่นไหวกับถ้อยคำเจ้าของบ้าน เขาบอกเธอเป็นผู้หญิงของเขา ขี้ตู่ชะมัดเธอไปตกลงกับเขาตอนไหน คิดพลางรีบคุยเรื่องอื่นกลบเกลื่อน "ฟ้าอาสามาช่วยแกเองอย่าตำหนิไปเลยค่ะ คุณยายทำคงเดียวคงเหนื่อยแย่ คุณไม่สงสารเหรอคะ คุณยายแกแก่แล้ว" "คนเก่าเพิ่งลาออกไป เดี๋ยวสิ้นเดือนก็ได้คนใหม่มาช่วยแล้ว เพราะผมสงสารแกนี่ไงเลยต้องจ้างคนใหม่ด้วยเงินเดือนที่แพงกว่าเดิม" "ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ฟ้าจะช่วยคุณยายไปก่อน คุณคงไม่ว่าอะไรนะคะ" "ตามใจคุณ แต่ผมแค่ไม่อยากให้คุณเหนื่อยเท่านั้นเอง" "ไม่เป็นไรค่ะ เพราะแค่นี้ก็รบกวนคุณมากเกินไปแล้ว" "ผมเคยบอกด้วยเหรอว่านี่คือการรบกวน ไม่เลยปรายฟ้า คุณไม่ได้รบกวนผม...ผมไม่ได้เหนื่อยมากไปกว่าเดิมเลยสักนิด กับการต้องปั๊มเงินเพื่อมา เลี้ยงลูกสาวใครก็ไม่รู้ ที่บังเอิญหลงทางมาน่ะ" ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นคนพิเศษ แต่บทสนทนาและแววตาที่ต่างฝ่ายต่างส่งให้กันนั้นมันมากกว่าความพิเศษ ซ้ำเมื่อกี้แกก็ได้ยินเต็มสองหูว่าคนนี้คือผู้หญิงของนาย ยายนวลจันทร์คิดพลางกลอกตาไปมา มองหน้าสองหนุ่มสาวด้วยสงสัยในความสัมพันธ์ "อะ เอ่อ ยายขอตัวนะ รู้สึกปวดท้องกะทันหันจ้ะ" เหมือนจะรู้งาน นวลจันทร์จึงเดินเลี่ยงไปเพื่อเปิดทางให้สองหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง "ไปนั่งรอที่โต๊ะสิคะเจ้านาย เดี๋ยวฟ้าจะบริการคุณเอง" อารชวินขยับเข้าไปใกล้อีกนิด เขาดึงจานลายสวยในมือบางออกมาถือไว้ ก่อนจะนำไปวางไว้ที่เดิม "ผมไม่ได้ให้คุณทำงานใช้หนี้อะไรทั้งนั้น ช่วยก็คือช่วยนะปรายฟ้า ผมคิดว่าคุณควรพักบ้าง" "ไม่เป็นไรค่ะ เพราะงานบริการมันอยู่ในสายเลือดเสียแล้ว" "คุณพูดเหมือนคุ้นเคย หรือว่าที่บ้านคุณทำธุรกิจประเภทนี้อยู่" "เอ่อ..." การที่เธออ้ำอึ้งทำให้อารชวินจับร่างอิ่มให้หันมาเผชิญหน้า จ้องลึกเข้าไปในแววตาราวต้องการค้นหาตัวตนของเธอ "เมื่อไหร่คุณจะเผยตัวตนให้ผมรู้ ว่าคุณเป็นใครมาจากไหน" "ฟ้าคิดว่า...บางเรื่องไม่ต้องรู้จะดีที่สุด สักวันเราอาจจะต้องจากกันก็ได้" "แต่ผมก็ควรรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าคนที่ช่วยเอาไว้มีหัวนอนปลายเท้าเป็นอย่างไร" "หากฟ้าพร้อมวันไหนจะบอกคุณวันนั้นนะคะ ตอนนี้ไม่พร้อมจริงๆ ค่ะ ขอโทษนะคะคุณปรายที่ทำให้คุณลำบากใจ" "เอาเถอะ ผมจะไม่คาดคั้นคุณก็ได้...ว่าแต่ คุณวาดแบบเสร็จแล้วไม่ใช่ เหรอ ไม่เห็นเอามาให้ผมดูเลย" "ทานข้าวแล้วฟ้าจะให้ดูนะคะ" "โอเค แล้วผมจะนอนรอในห้องนะ เราจะมาคุยเรื่องงานกัน" "ช่างเข้าใจสรรหาที่นะคะ ใครจะเชื่อคุณ" "งั้นผมเข้าไปดูแบบที่ห้องของคุณก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องหอบออกมาให้เหนื่อย" "ไม่ได้ต่างกันเลย" อารชวินหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขัน ก่อนเหลียวซ้ายแลขวามองหายายจันทร์ ที่บอกปวดท้องแล้วก็หายหัวเงียบไปเลย “สิ้นเดือนยายจันทร์โดนหักเงินเดือนแน่นอน บกพร่องต่อหน้าที่แบบนี้ นี่ถ้าไม่เป็นเพราะกลัวว่าคุณจะเหนื่อย ผมจะไม่ช่วยหรอกนะ" อารชวินแย่งถาดใส่อาหารในมือเล็กมาถือไว้ แล้วเดินนำไปวางที่โต๊ะอาหารเสียเอง อมลรดามองตามแผ่นหลังกว้างพลางนึกถึงเรื่องที่นวลจันทร์บอกเล่า เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนแบบนั้น คนที่ไม่เคยให้ความจริงใจกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน พานให้นึกถึงคำพูดและท่าทีที่แสดงต่อเธอ มันยากเกินคาดเดาว่านั่นคือละครบทหนึ่งหรือออกมาจากใจที่แท้จริงกันแน่...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD