ตอนที่ 1
แรกพบ
ท่วงทำนองเพลงหวานซึ้งคลอเคล้ากับบรรยากาศมืดสลัว ล่อหลอกให้เหล่าค้างคาวราตรีเคลิบเคลิ้มและดื่มด่ำไปกับสีสันของคนกลางคืน ปิดกั้นตัวเองกับโลกภายนอกเพื่อปลดปล่อยความเคร่งเครียดที่สุมมาทั้งวัน หากแต่ว่าไม่ใช่อารชวินในยามนี้
สายตาของเขาหยุดนิ่งยังร่างของหญิงสาวคนหนึ่งราวต้องมนตร์มาพักใหญ่ เพราะนับตั้งแต่เธอคนนั้นย่างกรายเข้ามาในสถานที่ของคนกลางคืน เขาก็สังเกตว่าเธอนั่งดื่มอยู่เพียงลำพังหน้าบาร์มานานแล้ว แถมดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายเสียด้วย ราวต้องการใช้น้ำเมาชะล้างบางสิ่งบางอย่างออกไปจากใจ
ที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะอกหักรักคุดมาจากไหน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มักพบเห็นจนชินตาในสถานที่แบบนี้ แต่ด้วยใบหน้าแสนต้องตาและการแต่งกายของเธอ ได้สะกดให้นักล่าเช่นเขาเฝ้าลอบมองด้วยความสนใจ เสน่ห์ของเธอราวกับมีพลังบางอย่างที่ดึงดูดให้อยากเข้าไปทักทายมากกว่าการนั่งมอง
การแต่งกายแสนล่อแหลมซ้ำยังมานั่งดื่มคนเดียวเพียงลำพังยามค่ำคืน…ทำไมเธอถึงช่างกล้านัก เธอไม่รู้หรือยังไงว่ามีผู้ชายที่คิดเพียงแค่เรื่องบนเตียงเช่นเขาเดินเพ่นพ่านกันเต็มผับ หรือบางทีเธออาจจงใจมาหาเพื่อนคุยสักคนก็เป็นได้ อารชวินคิดพลางละเลียดเบียร์ดำเข้าปากอย่างใจเย็น
ขณะที่กำลังเฝ้าลอบมองพฤติกรรมของเธออยู่นั้น จู่ๆ เขาก็เห็นวัยรุ่นสองคนถือแก้วเครื่องดื่มเดินตรงเข้าไปหา เหมือนทั้งคู่กำลังถามไถ่อะไรบางอย่างกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ตอบสนองอะไรเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าสวยซุกซบลงกับบาร์ราวคนหมดสติ ไม่สนใจคนที่รายล้อมอยู่รอบกาย
หนึ่งในนั้นทำทีเป็นเขย่าร่างอิ่มไปมา อารชวินเริ่มแปลกใจตัวที่เขาเกิดเป็นห่วงหญิงสาวแปลกหน้าขึ้นมาในทันใด เพราะเห็นสภาพของเธอแล้วเขาเริ่มที่จะไม่ไว้วางใจชายหนุ่มสองคนนั้น ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกไร้การตอบรับ เสี่ยงยิ่งนักกับการที่เธอจะถูกพาไปกระทำย่ำยี
‘ไม่ได้การล่ะ’
อารชวินรีบวางแก้วเบียร์ลงกับโต๊ะ เมื่อเห็นหนึ่งในนั้นทำท่าจะอุ้มร่างอวบอิ่มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ความเป็นไปในสถานที่เช่นนี้ไม่มีใครมานั่งใส่ใจใครสักเท่าใดนัก ดังนั้นการที่เธอจะถูกใครต่อใครลากไปจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ชายหนุ่มคิดพลางลุกพรวดขึ้นโดยไม่หันไปบอกเพื่อนร่วมโต๊ะ เดินตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
‘พวกนั้นกำลังจะพาเธอไป!’
ชายหนุ่มค่อนข้างแน่ใจว่าสองคนนั้นไม่ใช่คนที่มาด้วยกัน เพราะเขาเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้ามาในผับ เฝ้ามองมาตลอดจนแน่ใจว่าเธอมาคนเดียว ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปทำความรู้จัก ก็เกิดเหตุการณ์ดังที่ว่าขึ้นมาเสียก่อน
“ผู้หญิงคนนี้ผมรู้จัก ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไรกับเธอ แล้วจะพาเธอไปไหนไม่ทราบครับ”
อารชวินแอบอ้างพร้อมปรายมองไปยังร่างไร้สติ อีกฝ่ายเหลือบตามองพลางทำสีหน้าตกใจ ลำพังเพียงแค่สายตาเอาเรื่องที่จ้องมองตนนั้นไม่เท่าไหร่ แต่การที่รู้สึกเย็นเยียบบริเวณบั้นเอวขึ้นมาโดยพลันก็ทำให้ชะงักไปได้เหมือนกัน เมื่อแน่ใจว่าเจ้าของคำถามกำลังเอาปืนจ่อตนอยู่ ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนจึงแทบร่วงหล่นลงพื้น ด้วยไม่คาดคิดว่าเธอจะมีคนตามมาคุมเช่นนี้
“อะ เอ่อ…”
“ส่งเธอมาให้ผม หากไม่อยากให้เกิดเรื่อง”
ปลายกระบอกปืนถูกเปลี่ยนทิศไปยังร่างของอีกคนแทน ความมืดช่วย
อำพรางเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ดี ทุกคนต่างกำลังดำดิ่งสู่โลกฝันจึงไม่ได้ใส่ใจว่าทั้งหมดกำลังยืนคุยอะไรกัน
สองคนพากันมองหน้าก่อนตัดสินใจส่งร่างไร้สติให้ชายแปลกหน้า แม้จะไม่แน่ใจว่าเธอคนนี้กับอีกฝ่ายรู้จักกันจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงกับลูกปืนที่อยู่ในรังเพลิง
ร่างอวบอิ่มเย้ายวนตาถูกเปลี่ยนมาอยู่ในอ้อมกอดของอารชวินแทน ชายหนุ่มเดินเบียดเสียดฝูงชนผ่านกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่แสบจมูก หวังพาเธอไปจากบรรยากาศแสนอึกทึกครึกโครมตรงนี้ ทิ้งให้เพื่อนอยู่ดื่มกินกันต่อโดยไม่คิดจะไปล่ำลากัน
การที่เขาอุ้มผู้หญิงเดินออกมา เรียกความสนใจจากเด็กดูแลรถให้มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อรู้ว่าถูกจับจ้องชายหนุ่มจึงตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ ที่เห็นว่าเรื่องส่วนตัวของเขากำลังถูกละลาบละล้วงทางสายตา อีกฝ่ายรีบหลบสายตาวูบก่อนเปิดประตูรถให้อย่างเอาใจ
ชายหนุ่มวางร่างอ่อนปวกเปียกลงบนเบาะรถ ก่อนควักใบแดงให้อีกฝ่ายเพื่อจะได้รีบไปจากตรงนี้เสีย ด้วยรู้สึกรำคาญสายตาแสนอยากรู้เต็มทน
เมื่ออยู่เพียงลำพังกับร่างไร้สติ ก็เพิ่งมาฉุกคิดว่าจะทำเช่นไรกับเธอต่อไป เขาไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน เพราะเธอไม่พกอะไรติดตัวมาเลย และเธอมาที่นี่ได้อย่างไรนั้นเขาเองก็มืดแปดด้าน มีอยู่ทางเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือ เขาต้องพาเธอไปที่นั่น…
ไปที่ เรือนวารี…