EP.08
ถึงพิธีเผาศพ ผู้มาร่วมงานต่างทยอยเข้าแถวนำดอกไม้จันทน์มาวางไว้บนพานที่ถูกจัดเอาไว้ หลังแขกวางดอกไม้จันทน์ เรียบร้อยแล้ว ปุรัมภาและป้าอิ่มจึงตามขึ้นมา หญิงสาวมองโลงศพที่วางนิ่งอยู่ในเตาเผาก็น้ำตาไหล เรี่ยวแรงที่มีอยู่แทบจะไม่มีให้ทรงได้ ดีที่ป้าอิ่มที่ช่วยประคองเอาไว้และพากันเดินลงไป
คิวต่อมาเป็นปาริฉัตร แม่ม่ายยังสาวมองไปที่ภาพของ ‘อดีต’ สามีสลับกับโลงศพ แววตาคู่นั้นไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์สักน้อยนิด ร่างระหงสมส่วนค่อยๆ วางดอกไม้จันทน์สีขาวลงอย่างเชื่องช้า
“ขอให้ไปสู่สุคตินะคะ คุณไกรวิทย์ ลาก่อน...”
คุณฉัตรชัยเป็นคนต่อมา เขามองเจ้านายเก่าด้วยความโศกา ‘คุณไกรวิทย์ นี่คุณจากพวกเราไปแล้วจริงๆ หรือ ไม่ต้องห่วงนะครับ ความหวังของคุณ และเรื่องทางนี้ ผมจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด’
ร่างสูงโปร่งและองอาจของไกรธวัต เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโลงศพของผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า พร้อมกันนั้นสับปะเหร่อก็ได้จุดไฟขึ้น เปลวไฟค่อยๆ ลามเลียดอกไม้จันทน์ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงไปทีละนิด แล้วภาพในอดีตก็ค่อยๆ ฉายชัด ในกองเพลิงที่ร้อนแรงและลุกโชกช่วง ภาพของพ่อที่วิ่งเล่นในสวนของบ้านหลังหนึ่งกับเขา ไม่ห่างกันนักมีแม่มองดูพวกเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
แต่...ในเวลานี้ และวันข้างหน้าไปจนชั่วชีวิต ไกรธวัตรู้ดีว่า เขาจะไม่มีวันได้เห็นภาพเหล่านั้นได้อีกต่อไป
ชายหนุ่มค่อยๆ โยนดอกไม้จันทน์เข้าไปในเตาเผาด้วยจิตใจที่ว่างเปล่า
“จวบจนถึงเวลานี้ ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อจะจากผมไปแล้วจริงๆ”
ควันไฟสีเทาพวยพุ่งออกจากปล่องระบายควันเหนือเมรุ ควันของมันลอยสูงปานจะกลืนหายไปกับท้องฟ้ากว้างยามเย็น ไกรธวัตมองดูควันเหล่านั้นด้วยสายตาเลื่อนลอย คุณฉัตรชัยเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ กับชายหนุ่ม แล้วมองใบหน้าหมองเศร้านั้นอย่างเห็นใจ
‘คุณไกรวิทย์ครับ ผมคิดไม่ผิดใช่ไหมครับที่ตามลูกชายของคุณกลับมา ถึงคุณจะไม่บอกหรือแม้กระทั่งพูดกับผม แต่ผมก็รู้ว่าคุณต้องการให้คุณธวัตกลับมา ให้เขากลับมาช่วยจัดการกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินไป ผมมั่นใจครับว่าคุณจะต้องเข้าใจและได้รับรู้มัน คุณไกรวิทย์’
ปาริฉัตรเข้ามานั่งในรถแล้วมองผ่านกระจกรถไปยังเมรุ ที่บัดนี้กำลังแผดเผาร่างของ ‘สามี’ ของเธอ ด้วยดวงตาวาววับ ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติก สีแดงสดบิดยิ้มที่มุมปากอย่างคนเลือดเย็น
‘ขอให้คุณไปสู่สุคตินะคะคุณไกรวิทย์ ไม่ต้องห่วงเรื่องทางนี้ ฉันจะดูแลทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างของคุณให้เป็นอย่างดีเอง’
“ดูแม่จะไม่เสียใจสักนิดนะคะ ที่คุณลุงไกรวิทย์จากไป”
“ยายภา!!”
ปาริฉัตรหันมาตวาดลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวในทันที
“แกอย่ามาลามปามฉันให้มันมากนักนะ”
“ภาไม่ได้ลามปามคุณแม่นะคะ แต่ภาพูดความจริง ภาขอถามคุณแม่สักครั้งเถอะค่ะ คุณแม่เคยรู้สึกผิดสักครั้งไหม ที่ทำให้ครอบครัวของคนอื่นเขาต้องแยกทางกันด้วยความเจ็บปวดแบบนี้”
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ ปุรัมภา!!”
ปาริฉัตรเงื้อมือเตรียมจะตบลงที่หน้าของนางลูกปากดี แต่พอเห็นแววตาคู่นั้นแล้ว เธอก็ตบไม่ลงไปเสียดื้อๆ
“แกจงจำเอาไว้นะยายภา ถ้าฉันเลว แกกับฉันมันก็เลวพอๆ กันนั่นแหละ และไอ้ที่แกมีกินมีใช้ มีเงินทองใช้สอย ได้ซื้อของที่แพงๆ ได้เข้าโรงเรียนหรูๆ แล้วมาชี้หน้าว่าฉันฉอดๆ อยู่แบบนี้น่ะ ก็เพราะใคร ถ้าไม่ใช่ฉันที่ยอมทำเรื่องเลวๆ เพื่อแก”
“ไม่จริง!” หญิงสาวส่ายหน้า ก่อเกิดม่านน้ำใสๆ ที่ดวงตาคู่สวย
“แม่ไม่ได้ทำเพื่อภา แต่แม่ทำเพื่อตัวเอง เพื่อที่จะสนองความโลภของตัวเองต่างหาก”
“หยุดด่าฉันเดี๋ยวนี้นะนางลูกอกตัญญู แกไม่เคยจน แกไม่มีวันรู้หรอกว่ารสชาติของมันทุกข์ทรมานมากแค่ไหน โดยเฉพาะเวลาที่จะต้องนอนหิวโซเหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง เพราะไม่มีแม้กระทั่งเศษเงินที่จะซื้อข้าวกิน”
“ต่อให้หนูต้องอดตาย หนูก็จะไม่มีวันทำแบบแม่เด็ดขาด”
คำจองหองจากบุตรสาวทำให้ปาริฉัตรนั่งร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธกรุ่น กรอบหน้าสวยแดงจัด สองมือที่วางทาบกับพวงมาลัยกำแน่น ปานว่าจะให้มันแหลกเละไปในบัดนั้น และยิ่งคำต่อมาของปุรัมภาอีกมันก็ยิ่งทำให้อารมณ์ของปาริฉัตรขาดผึงไปในทันที
“โดยเฉพาะการ...”
ฉาด!!
ยังไม่สิ้นประโยคนั้นเสียด้วยซ้ำ ฝ่ามือเรียวเรียบก็ประทับลงที่กรอบหน้าของบุตรสาวอย่างแรง จนคนถูกตบหน้าหันไปอีกทาง
ปุรัมภาค่อยๆ หันกลับมามองหน้าของผู้ให้กำเนิดเธออย่างช้าๆ รอยแดงรูปฝ่ามือที่แก้มของเธอเด่นชัด มันบ่งบอกถึงความแรงที่ปะทะลงกับเนื้อแก้มนวลของเธอว่ามันแรงขนาดไหน
น้ำตาหยดหนึ่งหลั่งรินออกมา ไม่มีคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น ปาริฉัตรมองหน้าของบุตรสาวก็นึกสงสารแล้วสะท้านวูบในอารมณ์ นี่เธอทำรุนแรงกับลูกมากเกินไป...อีกแล้วหรือ