EP.03
คำเหล่านั้นยังเด่นชัดในห้วงอารมณ์ของไกรธวัต สิ่งที่เขาเห็น ทุกสิ่งที่เขาได้ยิน เรื่องราวต่างๆ ภายในครอบครัว เขารับรู้และทราบมันหมดทุกอย่าง และด้วยการรู้เห็นนี่เองที่ทำให้เขาเจ็บปวดมาจนถึงบัดนี้
ภาพในวันวานลอยเด่นขึ้นมาในความทรงจำของชายหนุ่ม ภาพของเขาและผู้เป็นแม่ที่ต่างเดินกลับมาสู่บ้านหลังเล็กหลังเดิม ด้วยสายตาที่เจ็บปวด ภาพของเขาที่โผเข้ากอดแม่เป็นการให้กำลังใจ ตลอดจนภาพสุดท้าย ภาพของแม่ที่หมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตนั้นได้เลย แล้วก็ตามด้วยภาพที่ผู้เป็นพ่อของเขาผลักบานประตูเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
และวินาทีสุดท้ายของภาพเหล่านั้น...ภาพที่ตัวเขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองผู้บังเกิดเกล้าด้วยสายตาเจ็บปวด เคียดแค้น
ประโยคเดียวและประโยคสุดท้ายที่เขาเค้นเสียงที่แทบจะไม่พ้นออกมาจากลำคอใส่หน้าของพ่อในวันนั้นยังคงเด่นชัด และมันจะไม่มีวันที่จะเลือนหายไปจากหัวใจของเขาเลย
“นี่หรือ คือสิ่งตอบแทนที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับจากสามีที่เธอจงรักภักดีมาตลอดชีวิต!!”
ไกรธวัตซบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างเหนื่อยล้า แม้อดีตบางตอนเขาอยากจะลืม แต่ความเจ็บปวด ที่มันกัดกร่อนไปทั่วทั้งหัวใจ ก็ทำให้ยากที่จะทิ้งมันไปง่ายๆ เช่นกัน
ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี กำลังยืนรอคอยใครบางคนอย่างกระสับกระส่าย ดวงตาหรี่เล็กหลังกรอบแว่นสีทองของเขาคอยมองไปยังทางเดินของโรงพยาบาลด้วยความร้อนรนในหัวใจ และในทันทีที่ร่างสูงของไกรธวัตก้าวเข้ามาตรงนั้น เขาก็รีบถลาไปหาชายหนุ่มในทันที
“สวรรค์ทรงโปรด ในที่สุดคุณก็กลับมาจริงๆ คุณธวัต”
คุณฉัตรชัยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นปนยินดี ไกรธวัตมองหน้าเลขาฯ คนสนิทของบิดาอย่างไตร่ตรอง ก่อนจะหันมองเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินด้วยสายตาเป็นห่วง
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ขณะที่สีหน้าของคนถูกถามกลับสลดลงไปในทันทีอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเข้าไปพบท่านก่อนดีกว่าครับ ตอนนี้ท่านกำลังรอคุณอยู่”
“รอผม?!”
ไกรธวัตทวนคำนั้นอย่างงุนงง หากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำทักท้วงอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา
“เวลาดีๆ ไม่เคยโผล่มาให้เห็นหน้า แต่พอคุณไกรวิทย์กำลังจะตาย กลับเสนอหน้าออกมาแสดงความเป็นห่วง หวังจะเอามรดกล่ะสิ ช่างทุเรศสิ้นดี”
เจ้าของเสียงเยาะหยันนี้ไม่ใช่ใคร ‘ปาริฉัตร’ นางเมียน้อยของพ่อนั่นเอง
ชายหนุ่มหันขวับไปมองสตรีคนนั้นด้วยสายตาเกลียดชัง เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใหรือที่ทำให้ครอบครัวของเขาพังพินาศ
และที่สำคัญ หล่อนคือสาเหตุของการตรอมใจตายของแม่ของเขา!!
“แต่ยังไงผมก็คงจะสู้ใครบางคนที่คอยเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นไม่ได้หรอกครับ คนประเภทนี้หน้าเลือดและยังกระหายเงินเสียจนไม่รู้ว่าจะเหมาะกับคำว่า ‘ทุเรศ’ หรือคำว่า ‘หน้าด้าน’ ดี”
ปาริฉัตรหน้าตึงเพราะถูกจี้ใจดำ ถึงไอ้ลูกเลี้ยงคนนี้จะหายหัวไปใช้ชีวิตต่างประเทศหลายปี แต่ทุกคำที่มันเสียดสีหล่อนก็ยังแสบสันต์ระคายเคืองหูอยู่ทุกที
“อย่างนั้นหรือคะ คุณไกรธวัต งั้นคุณก็ช่วยบอกฉันทีหน่อยสิ ว่าควรจะใช้คำไหนดีระหว่าง ‘ไอ้หมาขี้เรื้อนผู้หิวโหย’ กับคำว่า ‘ไอ้ตัวตะกละ’ ให้กับไอ้ลูกชายที่หายหัวไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ยอมมาดูแลคนเป็นพ่อเวลาป่วย แต่กลับรีบแจ้นมาหาพอรู้ว่าพ่อกำลังจะตายเพื่อหวังจะเอาสมบัติ”
“ไม่รู้สิครับ เผอิญผมไม่ค่อยสันทัดในการเลือกคำมาใช้เสียด้วยสิ ยังไงก็ต้องสอบถามคนที่มากประสบการณ์ในด้านนี้ ที่มักจะใช้คำหวานๆ กับร่างกายเพื่อปอกลอกพวกผู้ชายรวยๆ มาแล้วหลายรายอย่างคุณเมียน้อยของพ่อต่างหากว่า ตลอดเวลาห้าปีมานี้ ปอกลอกคุณพ่อของผมไปได้เท่าไรแล้วล่ะครับ ยังไงก็ช่วยสอนกันบ้างนะ เผื่อผมจะได้นำไปเป็นแบบอย่างลองทำดูบ้าง”
“ไอ้ไกรธวัต นี่แกว่าฉันเป็นผู้หญิงขายตัวอย่างงั้นเรอะ”
ปาริฉัตรแทบจะเต้นอยู่ตรงนั้น เธอชี้หน้าไอ้ลูกเลี้ยงปากหมาด้วยความโกรธจัด
“อ้าว รู้ตัวด้วยหรือครับคุณเมียน้อย ผมอุตส่าห์พูดอ้อมๆ แล้วนะ ไม่นึกว่าคุณจะหน้าบางร้อนตัวขนาดนี้”
ไกรธวัตได้ที ยั่วโมโหต่อ
“ไอ้ไกรธวัต แก!! จำไว้เลยนะ แม้แต่สลึงเดียวแกก็จะไม่มีทางได้จากคุณไกรวิทย์ เพราะแกมันไอ้ลูกนอกคอก เป็นลูกของอีผู้หญิงที่คุณไกรวิทย์เบื่อ เพราะทนต่อความจืดซืดของมันไม่ไหว”
ต่อให้ด่ายังไง ไกรธวัตก็ไม่เคยรู้สึกเจ็บใจเท่าอีกฝ่ายได้พูดลามปามไปถึงแม่ของเขา ชายหนุ่มกำหมัดแน่น และสาวเท้าตรงเข้าไปหานางผู้หญิงที่เขาเกลียดและขยะแขยงที่สุดในชีวิต เพื่อจะเอาเรื่องให้มันรู้ดำรู้ดีไปเลย หากแต่คุณฉัตรชัยที่เฝ้าดูการปะทะสงครามน้ำลายใส่กันของทั้งสองก็รีบเข้ามายืนขวางไกรธวัตเอาไว้ พร้อมกับเตือนสติ
“อย่าให้เรื่องมันต้องบานปลายไปมากกว่านี้เลยครับ คุณธวัต รีบเข้าไปพบคุณไกรวิทย์ดีกว่านะ มีเวลาไม่มากแล้ว”
ไกรธวัตขบกรามแน่น เพื่อระงับอารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่าน ส่วนปาริฉัตรก็แบะปากด้วยความชังไอ้ลูกเลี้ยงไม่น้อยเหมือนกัน
คุณฉัตรชัยตบบ่าชายหนุ่มสองสามทีเป็นเชิงเตือนสติอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องฉุกเฉินไป