EP.02
ห่างออกมาจากห้องนั้นไม่ไกลนัก ภายในห้องของบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้าน ไกรธวัต ในวัยยี่สิบเอ็ดปี เขาโตพอจะรู้กับเรื่องน่าอัปรีย์พวกนั้น
ชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลงอย่างเจ็บปวด ต่อภาพการโต้เถียงของทั้งสองบุพการี สองมือที่แนบลำตัว เปลี่ยนมากอบกำชายขอบกางเกงของตนแน่น แม่ต้องเจ็บปวดมากเพียงไร ครอบครัวของเขาต้องแตกร้าวมากแค่ไหน
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงเพราะผู้หญิงหน้าด้านเพียงคนเดียวจริงๆ
ปาริฉัตร!!!
เจ็บปวด เหมือนร่างกายแทบจะไม่มีสิ่งใดยึดติดหัวใจที่มันแหลกสลายลงไปได้ เมื่อสุดจะทน สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอไม่เห็นภาพอัปรีย์เหล่านั้นได้ คือการหนีออกจากบ้านหลังนั้นไปเสีย
บ้าน ที่ได้ชื่อว่า เป็นบ้านที่มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมมูล หากแต่มันก็ไร้ซึ่งความสุขที่เคยเป็นมาเช่นกัน
วันนี้เธอตัดสินใจ ขอกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเล็กของเธอเสียจะดีกว่า
“นั่นคุณจะไปไหน คุณธวิรา”
คุณไกรวิทย์ ชายวัยสี่สิบเจ็ดปี ถึงอายุของเขาใกล้จะย่างเข้าสู่เลขห้าแล้ว หากแต่ทุกอย่างที่ประกอบเป็นเขากลับยังดูอ่อนวัยไม่โรยรา ไม่เหมือนเพื่อนในวัยเดียวกันหลายคน ซึ่งสิ่งนี้กระมังที่ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่หลายคนต่างหลงเสน่ห์ โดยเฉพาะกับปาริฉัตร ม่ายสาวคนสวย คนเดียวที่สามารถเอาใจคุณไกรวิทย์ได้
และด้วยรูปร่างหน้าตาของคุณไกรวิทย์นี่เองที่ได้ถ่ายทอดไปสู่ไกรธวัตบุตรชายจนหมด ยิ่งโตเขาก็ยิ่งมีเสน่ห์ และเป็นที่หมายตาของเหล่าสาวๆ แต่น้อยครั้งนักที่เขาจะสนใจ อันเนื่องมาจากปัญหาครอบครัวที่เกิดจากความมีเสน่ห์ของผู้เป็นบิดานั่นเอง ที่ทำให้เขาหยุดคิด และเลี่ยงที่จะคบใครอย่างจริงจังในเวลานี้
ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผู้เป็นภรรยา ข้างหลังห่างออกไปคือไกรธวัตบุตรชายที่ยืนนิ่งถือกระเป๋าไม่ยอมพูดอะไร ชายหนุ่มโตพอที่จะขออยู่เงียบๆ แม้ปัญหาเหล่านั้นมันจะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และอาจจะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเหลือทั้งพ่อและแม่ได้
หากแต่เขากลับนิ่ง...นิ่งเพราะเห็นว่า การตัดสินใจของมารดานั้นคือหนทางที่ดีที่สุด มันคือหนทางที่แม่ของเขาเลือกและจะต้องไม่อยู่ที่นี่อย่างเจ็บปวดอีกต่อไป
คุณไกรวิทย์เพ่งพินิจมองร่างของภรรยา หลายวันมานี้คุณธวิรา ดูซูบไปมาก เขาเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ อยากจะเอื้อมมือไปลูบที่เส้นผมสลวยของเธอเช่นทุกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ เธอกลับถอยหนี
“มันเรื่องของฉัน”
“เรื่องของคุณ คุณธวิรา มันเกิดอะไรขึ้น คุณเป็นภรรยาของผมนะ จะไปไหนก็ต้องบอกกันบ้าง ไกรธวัต ไหนลูกช่วยบอกพ่อทีสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
จากประโยคเรียงคำของผู้เป็นสามีทำให้กรอบหน้าขาวซีดนั้นเชิดขึ้นด้วยทิฐิในหัวใจ ใช่ว่าเธอจะไม่เจ็บ แต่บัดนี้มันเจ็บจนเธอไม่รู้สึกแล้วต่างหาก
เช่นเดียวกับชายหนุ่ม เขาเม้มปากสนิท ไม่อยากจะพูดอะไรให้ตนเองเจ็บปวดอีกต่อไป เขามองบิดาของตนเองด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินออกไป โดยไม่พูดอะไรอีก
คุณธวิราเลื่อนสายตามองกรอบหน้าคมของผู้เป็นสามี ก่อเกิดม่านน้ำสีใสขึ้นที่ดวงตาคู่สวยทั้งสองข้าง เธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อเช่นเดียวกับบุตรชาย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอีกคนที่มายืนยิ้มเยาะหยัน อีกทั้งยังมาแสดงท่าทางอันน่ารังเกียจต่อหน้าของเธอโดยการรี่เข้ามาเกาะที่แขนของสามีของเธอแสดงความเป็นเจ้าของ คุณธวิราก็ยิ่งอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
หล่อนหน้าไม่อาย...แต่เธออาย
“คุณธวิรา คุณบอกผมสิ ว่าคุณจะไปไหน”
ผู้เป็นสามีเค้นถามอีกครั้ง คนถูกถามจึงมองนิ่งไปที่กรอบหน้าคมของเขาอีกครั้งหนึ่ง เธออยากจะรู้นัก หากเขาทราบแล้วว่าเธอตัดสินใจยังไง เขาจะยังเห็นใจเธออีกหรือไม่ และจะตัดสินใจไล่นางผู้หญิงแพศยาออกจากบ้านเพียงเพื่อจะรั้งให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกหรือไม่
“ฉันจะขอกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิมค่ะ บอกตรงๆ ฉันทนใช้ชีวิตสามคนผัวเมียกับใครอย่างกับสัตว์ป่าไม่ได้หรอก อายชาวบ้านชาวช่องเขาค่ะ”