“ไม่ถูกปากงั้นเหรอ?”
“ดูมือเล็กๆ นั่นสิ ทำไมนางถึงได้ผอมแห้งขนาดนั้นกันนะ แล้วจะทนสภาพอากาศที่หนาวเหน็บของเดอเรกได้ยังไงกัน?”
จินนี่ช้อนสายตามองหน้าของเขา
“มะ..ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คะ..คือว่าข้ายัง ไม่..ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
เขายกมือขึ้นมาเพื่อไล้ไปตามเรียวคิ้วของเธอช้าๆ ดันเต้เขยิบเข้ามานั่งใกล้จนเธอได้ยินเสียงลมหายใจของเขาได้อย่างชัดเจนเลย
“หากไม่กิน เช่นนั้นเราควรจะขึ้นห้องกันได้แล้ว”
เธอเม้มปากแน่น นี่จะต้องทำจริงๆ อย่างนั้นหรือ เธอไม่มีความกล้ามากขนาดนั้น..อีกทั้งในใจยังหวาดกลัวเขาอยู่มาก
ทว่าเธอแต่งงานกับเขาแล้ว หากจะนับจริงๆ เธอคือภรรยาของเขาและเรื่อง..อย่างว่ามันคือหน้าที่ของภรรยา หากว่าเธอไม่ทำ..เขาอาจจะฆ่าเธอตามข่าวลือก็ได้
เธอพึ่งจะเคยอาบน้ำอุ่นครั้งแรก อีกทั้งพรุ่งนี้เช้าคาร่าสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะยกอาหารมาให้เธอทาน เธอยังอยากอยู่ที่นี่ อยากทานอาหารที่หน้าตาสวยงามพวกนี้ อยากจะนอนลงบนเตียงนุ่มๆ และอยากมองใบหน้าที่หล่อเหลาและชวนให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งของท่านดยุค
“ค่ะ”
เขายกยิ้มก่อนจะตรงเข้ามาอุ้มเธอเพื่อเดินขึ้นบันได แล้วตรงไปยังห้องนอนของเรา ตามธรรมเนียมดยุคและดัชเชสจะไม่นอนร่วมห้อง เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีห้องตรงกลางเอาไว้เพื่อที่จะใช้สำหรับการเข้าหอและการทำเรื่องอย่างว่ากัน
เขาวางเธอลงบนเตียงด้วยความอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ก่อนที่ดันเต้จะล้มตัวนอนลง เขาดึงจินนี่ที่นั่งตัวสั่นให้เธอนอนลงมาบนแขนของเขา..
“คืนนี้ยังจินนี่ ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่พร้อมและข้าไม่คิดบังคับเจ้าเพื่อให้มารองรับความใคร่ของข้าหรอกนะ..”
“ถึงแม้ว่าข้าจะอยากทำมากก็ตามที แต่สภาพที่หวาดกลัวเช่นนี้ข้าจะบังคับเจ้าได้อย่างไรกัน”
เธอหลับตาลงในอ้อมแขนของเขา สิ่งที่ได้ยินชัดเจนคือความคิดแสนอ่อนโยนและเสียงหัวใจของเราที่กำลัง..เต้นแรง เธอมองไม่เห็นดาบหรือว่าแววตาโกรธเคืองของท่านดยุคแห่งความตายเลยแม้แต่น้อย จินนี่จึงค่อนข้างมั่นใจว่านั่นคงจะเป็นข่าวลือที่เขาสร้างมันขึ้นมา..เพื่อหลบซ่อนความอ่อนโยนของตัวเองเอาไว้
ดันเต้ยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเขาเห็นจินนี่หลับในอ้อมแขนของเขา เธอนอนหลับอย่างไร้เดียงสาในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าเธอนั้นไร้ความหวาดกลัวต่อเขาที่พร้อมจะกระชากชุดเดรสตัวบางพวกนี้ออก และฉีกทึ้งร่างกายของเธอทั้งเป็น
ช่างเป็นกวางน้อยที่ไม่หวาดกลัวหมาป่าจริงๆ
ถึงจะยังไม่อาจทำใจให้ชินที่อยู่ๆ เขาก็แต่งงานและมีภรรยา แต่มันก็..ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย เขามีภรรยาที่งดงามและ..มันคงเป็นหน้าที่ ที่เขาจะต้องปกป้องเธอเอาไว้
ดันเต้จะรอคอย เขาจะรอคอยอย่างใจเย็นจนกว่าจะถึงวันที่ความรู้สึกของเรามันตรงกัน หากหัวใจตรงกันแล้ว..เขาค่อยมีค่ำคืนแรกกับเธอก็แล้วกัน
เขาใจดีถึงเพียงนี้ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะยินยอมใจอ่อนรับรักเขาไวๆ ก็แล้วกัน ดันเต้พรมจูบที่ใบหน้าของจินนี่ เขาจูบไล่ลงไปจนถึงซอกคอขาวเนียน ก่อนจะขบกัดมันเบาๆ เพื่อสร้างรอยฟันและรอยกุหลาบเอาไว้
เข้าหอทั้งทีก็ต้องมีหลักฐานหน่อยสิ..อันที่จริงจะต้องทำลงไปต่ำมากกว่าซอกคอรึเปล่านะ? ดันเต้ถอดกระดุมชุดเดรสของเธอออกช้าๆ..
เขาตั้งใจว่าจะทำรอยเอาไว้ที่เหนือเนินอกอีกสักรอยแต่ทว่าเมื่อเขามองเห็นชุดนอนตัวบางที่เธอสวม..เขาก็ต้องสถบคำหยาบคายออกมาพร้อมกับโกรธตัวเอง
เขาไม่น่าเลย ไม่น่าเริ่มเลยจริงๆ ไม่น่าถอดเสื้อเธอออก.. ยอดถันสีชมพูระเรื่อที่ดูเหมือนแต้มดอกไม้บนหิมะนั้นกำลังสะกดสายตาของเขา มันชูชันขึ้นมาจนดันชุดนอนขึ้นอย่างเด่นชัด สะดุดสายตาของเขายิ่งนัก
แค่สัมผัสนิดหน่อยไม่น่าถือว่าเป็นอะไรหรอกใช่ไหม เพราะตามกฎหมายจินนี่เป็นภรรยาของเขาอยู่แล้วนี่น่า ดันเต้เลิกชุดนอนของเธอขึ้นมากองเอาไว้บนเนินอกอวบอิ่ม เธอผอมแห้งปานนั้นแต่ทว่าเจ้าก้อนเนื้อสองก้อนนี่กลับมีขนาดใหญ่เกินคาดจนมือของเขาไม่สามารถกอบกุมมันได้มิด เขาไล้ปลายนิ้วไปมาบนยอดอกที่ชูชัน
“อา…”
เธอส่งเสียงร้องครางออกมาทั้งๆ ที่ยังคงหลับสนิท และเสียงเล็กๆ นั่นมันกำลังทำให้สติของเขาที่เหลือเพียงน้อยนิดยิ่งจางหายไปมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
เขาอ้าปากเพื่อครอบครองยอดอกสีหวานก่อนจะใช้ลิ้นห่อมันเอาไว้แล้วออกแรงดูดดุนเบาๆ ส่วนอีกข้างก็ใช้มือขยำจนมันปริออกตามร่องนิ้ว..
ความต้องการลุกโชนขึ้นมาถึงแม้ว่าอากาศในยามค่ำคืนจะหนาวเย็นแต่ทว่าดันเต้รู้สึกว่าเขากำลังร้อนยิ่งนัก เขาร้อนมากกว่าทุกครั้งที่เคยร้อน และมันจำเป็นที่จะต้องหยุดตัวเองเอาไว้ตรงนั้นเพราะเขาไม่สามารถทำอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้นได้..
ไม่อย่างนั้นคนที่ทรมานจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เขาไม่อยากจะ..มานึกเสียใจภายหลัง
ดันเต้จัดการสวมเสื้อผ้าให้จินนี่ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ตามด้วยห่มผ้าให้เธอ เขาเหลือบมองใบหน้าของเธอตอนหลับอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ โดยมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของร่างกายเธอมาคอยกวนใจ
เมื่อแสงของดวงตะวันสาดส่องเข้ามาในห้อง ผ่านทางม่านหน้าต่างสีขาว จินนี่ก็ลืมตาขึ้นมา..เธอรู้สึกอบอุ่นจนร้อนเลยก็ว่าได้เพราะผ้าห่มขนจิ้งจอกกำลังปกคลุมร่างกายของเธอเอาไว้ อีกทั้งยังมีอ้อมกอดแสนอบอุ่นของท่านดยุคอีก..
เธอไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพราะหวาดกลัวว่าเขาจะตื่น จินนี่จึงนอนนิ่งเพื่อมองหน้าเขา..ใบหน้าที่ชวนให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เห็น
เขาอ่อนโยนมากกว่าข่าวลือที่เธอได้ยินมา ใจดีมากกว่าจะถูกเรียกว่าเป็นท่านดยุคแห่งความตายอีกทั้ง..ยังมีเมตตากับเธอมากกว่าใครๆ
แถมดูเหมือนกับว่าเขาจะชื่นชอบเธอมากพอสมควรเพราะในทุกความคิดของเขา จะแอบๆ ชื่นชมเธออยู่เสมอเลย เธอน่ะไม่เคยได้รับความชื่นชมแบบนั้นจากใครเลยสักครั้ง
ไม่เคยมีใครมาโอบกอดเธอเอาไว้ตลอดเวลาเช่นนี้เลย..นี่คือ ความรักใช่รึเปล่านะ หรือว่ามันคือภาพลวงตาที่เธอแค่เพ้อฝันไปเองข้างเดียว
จินนี่มั่นใจว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเพราะว่าเธอได้ยินเสียงความคิดของเขาได้อย่างชัดเจนเลย เขาไม่ได้รังเกียจแม้แต่ในยามที่เธอบอกออกไปว่าเธอคือลูกสาวนอกสมรสของท่านเคาน์
“มีอะไรติดอยู่บนหน้าของข้ารึเปล่า? ข้าเห็นเจ้าจ้องมองมันมาพักใหญ่ๆ แล้วจีน..”
เธอรีบก้มหน้าลงซบบนอกของเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นจินนี่มีท่าทีแบบนั้นมันทำให้ดันเต้หัวเราะออกมาเบาๆ
“ยังมีอะไรต้องอายในเมื่อยามนี้เราคือสามีภรรยา..หรือว่าเจ้าอายที่เป็นภรรยาคนเช่นข้า”
“มะ..ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”
ทำไมเขาถึงได้กล่าวแบบนั้นกันนะ เธอต่างหากที่จะต้องเป็นคนพูด..เพราะว่าทางนี้ต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่คู่ควร
“เช่นนั้นก็บอกมาสิ ว่าในหัวเล็กๆ ของเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
จินนี่เม้มปากพร้อมกับมองไปทางอื่น
“ข้าคิดว่าท่านดยุค..ละ..หล่อมากค่ะ ท่านหล่อเหลา มากกว่า..ทุก..คะ..คนที่ข้าเคยเห็นมา..เลย”
ดันเต้เลิกคิ้วเล็กน้อย เขาลุกขึ้นก่อนจะคล่อมทับร่างของจินนี่เอาไว้
“หล่อแบบที่ชวนให้ตกหลุมรักเลยรึเปล่า? บอกเอาไว้ก่อนว่าเดอเรกไม่มีธรรมเนียมเรื่องการหย่าอะไรแบบนั้นหรอกนะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเจ้าจะรักหรือว่าไม่รักข้าเราก็จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะตายกันไปข้าง..”
เธอพยักหน้าเบาๆ ซึ่งการพยักหน้านั้นเขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่ หมายความว่าเธอเริ่มจะชอบเขาหรือหมายความว่าเธอเข้าใจว่าเขาจะไม่หย่า?