วันนี้ทุกอย่างได้ล่มสลายไปหมดแล้ว ทั้งความหวัง ความรัก จิตวิญญาณทั้งหมดมันได้พังพินาศไปสิ้น ต่อไปนี้เขากับพัชราก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ เว้นเสียจากความทุกข์ทรมานที่จะกัดกร่อนตราบถึงวันสุดท้ายจนกว่าจะสิ้นลม...
ร่างใหญ่ทรุดลงนั่งกับพื้น เมื่อเสียงด้านนอกเงียบลง...ใบหน้าประชิดกับหัวเขาแล้วน้ำตาไหล ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
เป็นความเสียใจครั้งแรกในชีวิต ที่ทำให้ลูกผู้ชายชาติทหารอย่างเขาร้องไห้...โดยไร้ซึ่งความอับอายให้อาลัย
ด้านนอก...เภตรายังคงนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูรั้วนั้น แม้จะไม่มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญแต่น้ำตายังคงไหลบ่าไม่ขาด นี่คือโทษทัณฑ์ที่จะไม่มีทางได้อุทธรณ์ นิสัยพ่อกับแม่เป็นคนเด็ดขาดแค่ไหนมีหรือลูกจะไม่รู้ แต่ก็ใช่ว่าใจอยากจะลาห่าง ต่อให้พวกท่านเข้มงวดควบคุมชีวิตเธอมากเท่าไหร่ แต่ทั้งสองก็คือผู้ให้กำเนิด เป็นผู้ให้ชีวิต...
ให้เธอได้มีทุกสิ่งทุกอย่างในทุกวันนี้ ตัวเธอเองต่างหากที่ผิด...ปล่อยให้ความรักครอบงำจนขาดความยับยั้งชั่งใจ เลยเถิดจนกลายเป็นปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้...
“หนูขอกราบลาคุณพ่อคุณแม่นะคะ หากยังมีบุญวาสนาต่อกัน หวังว่าสักวันคุณพ่อคุณแม่จะให้อภัยลูกอกตัญญูคนนี้” พูดจบก็ยกมือขึ้นพนมแล้วก้มกราบแนบพื้นถนน ไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนและรถราที่สัญจรไปมา
แล้วเธอก็ถ่อสังขารลุกขึ้นพร้อมหยิบกระเป๋าผ้าใบน้อย ตัดสินใจก้าวเดินออกไปจากชีวิตของบิดาและมารดา นับตั้งแต่นั้น...
“กูตัดสินใจแล้ว...กูซื้อ แพงเท่าไหร่แต่ขอให้ชัวร์ละกัน”
“เออ...ชัวร์ และปลอดภัยด้วย เมียกูยังเคยใช้ เพื่อนๆ มันถ้ามีปัญหานี้ก็ใช้กันทุกคน”
การเจรจาเต็มไปด้วยบรรยากาศเคร่งเครียด อมันต์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สองมือประสานไว้รองรับปลายคางเอาไว้ ข้างๆ มีแก้วเหล้าวางอยู่
เสียงเพลงเบาๆ ขับกล่อมผู้คนที่มาเยือน ซึ่งส่วนมากก็ล้วนเป็นเพื่อนฝูงกันทั้งนั้น ผับกึ่งร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้เป็นรุ่นพี่ที่เคยเรียนมหาลัยเดียวกันเป็นเจ้าของ ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นบรรดาลูกศิษย์ลูกหาจากสถาบันเดียวกันนั่นแหละ
และมันก็เป็นที่ประจำของเขาด้วย...
“ไม่มีผลข้างเคียงอะไรใช่ไหม” ชายหนุ่มถามย้ำ สีหน้าหม่นหมอง หัวใจมีแต่ความร้อนรุ่มนับตั้งแต่รู้ข่าวความผิดพลาดมหันต์ของตัวเอง
“ไม่มีหรอก ไม่เชื่อกูแล้วมึงจะเชื่อใคร ออ...แล้วเมียมึงตอนนี้เป็นไงบ้าง พาไปอยู่กันที่ไหนล่ะ” ตะวันถาม พลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบแล้ววางลงที่เดิม รสชาติของแอลกอฮอล์เข้มข้นจนเขาครางฮือเบาๆ เมื่อกลืนมันลงไป
“พาไปเช่าคอนโดอยู่ ถ้าป๊ากับม๊ารู้เข้ากูตายแน่ๆ แต่จะให้ทำยังไงได้...ก็เภตราถูกไล่ออกจากบ้าน กูก็ต้องดูแลเขาสิ” เขาว่า ใจก็เฝ้าคิดถึงหญิงสาวที่เอ่ยถึง เขายังไม่ได้บอกเลยว่า ‘วิธีการแก้ปัญหา’ ของเขานั้นเป็นแบบไหน
“เขารู้หรือยังว่ามึงจะจัดการยังไง” ตะวันถามเหมือนรู้ความคิดของเพื่อน
“ยัง...”
“เมียมึงอยากเก็บเด็กไว้หรือเปล่า...กูว่าคุยกันก่อนดีกว่านะ”
“มึงจะบ้าเหรอ ยังเรียนไม่จบด้วยกันทั้งคู่ เขาก็เพิ่งถูกไล่ออกจากบ้าน กูไม่ได้อยากทำถ้ากูพร้อมกว่านี้...แต่มันพลาดไปแล้ว จะแก้ปัญหาก็มีวิธีนี้วิธีเดียว”
“ก็แล้วแต่พวกมึงก็แล้วกัน กูก็ช่วยได้แค่นี้แหละ ถ้ามึงห่วงเขามาก วันทำ...ก็ให้เมียกูไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะ จะได้ช่วยกันดูแล”
“ไม่เป็นไร...กูจะพาเขาไปเช่าห้องที่ใกล้โรงพยาบาลที่สุด เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้รักษาตัวได้ทัน”
“แล้วทำไมไม่พาไปทำที่คลินิกหรือโรงพยาบาลเลยวะ”
“กูไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก ก็มีแต่มึงนี่แหละที่กูปรึกษาด้วย มันไม่ใช่เรื่องตลกโปกฮานะเว้ย จะได้วิ่งไปถามคนนั้นทีคนนี้ที” เขาถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อย แต่ความขุ่นมัวในใจก็ไม่ได้บรรเทาลงเลย
“อืม...อีกสองวัน กูเอาของมาให้ แต่มึงต้องจ่ายก่อนนะเว้ย กูก็ไม่มีสำรองให้หรอก แม่งของมันแพง หายากด้วย”
“รู้แล้ว เอาเลขบัญชีมา...เดี๋ยวกูโอนเลย” ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมเปิดแอ๊ฟพลิเคชันของธนาคารเพื่อทำธุรกรรม
“เออ...เดี๋ยวจดให้” พูดพลางตะวันก็ขอปากกากับกระดาษจากบาร์เทนเดอร์ เนื่องจากเสียงเพลงที่ดังเคล้าคลอบรรยากาศ จึงทำให้ไม่สะดวกในการเอ่ยบอก เมื่อจดเลขบัญชีเสร็จเขาก็ส่งกระดาษแผ่นนั้นให้อมันต์
ชายหนุ่มชั่งใจ เขาเม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิด มองดูตัวเลขก่อนจะตัดสินใจกดโอนเงินให้เพื่อนเสร็จสรรพ
“กูต้องกลับแล้วล่ะ...เภตราอยู่ห้องคนเดียว เขาไม่เคยใช้ชีวิตข้างนอกด้วย ต่อไปนี้กูคงไปไหนมาไหนกับพวกมึงบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อนไม่ได้” ชายหนุ่มเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง แล้วยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นจิบเล็กน้อย
“อย่าให้เกินไปไอ้อาร์ต เพื่อนเราหลายคนก็มีเมียกันทั้งนั้น ไม่เห็นใครต้องนั่งโอ๋นั่งประคบประหงมกันทั้งวันทั้งคืนเลย มันก็ต้องมีชีวิต มีเวลาเป็นของตัวเองกันบ้างสิวะ”
“อืม...” อมันต์ไม่ได้อยากต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งมันก็จริง...เขามีเพื่อนมีฝูง เคยใช้ชีวิตอิสระ แต่ตอนนี้เภตราไม่ได้มีใคร และเธอต้องการเขามากที่สุด
ชายหนุ่มกล่าวลากับเพื่อนๆ ก่อนจะออกจากผับกึ่งร้านอาหารแห่งนั้น ขับรถมุ่งไปคอนโดที่เช่าไว้เป็นเรือนรักระหว่างเขากับเภตราทันที
สองวันก่อน...หลังจากเธอกลับจากมหาลัยเพียงไม่กี่ชั่วโมง หญิงสาวก็โทร.กลับมาหาเขาทั้งร้องไห้ทั้งสะอื้น เล่าว่าถูกพ่อกับแม่จับได้เรื่องตั้งครรภ์ แล้วให้เลือกระหว่างครอบครัวกับเขาและลูกในท้อง แต่เธอไม่สามารถตัดสินใจได้ ดังนั้น...บทลงโทษก็คือการถูกตัดขาดจากบุพการี “หนูไม่มีที่ไปแล้ว ไม่เหลือใครแล้ว...พี่อาร์ตอย่าทิ้งหนูกับลูกไปอีกคนนะคะ” น้ำเสียงของเธอในวันนั้น มันช่างเศร้าและหดหู่จนเขาไม่อาจลืม
วันนั้นเขารีบขับรถไปรับเธอ...และหาเช่าคอนโดใกล้ๆ มหาวิทยาลัย เพื่อให้เธอได้อาศัยอยู่ก่อน ชายหนุ่มไม่คิดว่าบิดาและมารดาของเธอจะใจดำได้นานนัก ยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวด้วย อย่างไรเสียวันหนึ่ง พวกท่านก็ต้องเป็นห่วงคิดถึงกันบ้าง