“พี่อาร์ตไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ เดี๋ยวพ่อเห็นเข้าจะเป็นเรื่องอีก” เธอว่าเมื่อแฟนหนุ่มจับมือแล้วทำท่าจะจูงมือเดินไปด้วยกัน เพราะตอนนี้ทางครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่าพวกเขาเลิกรากันแล้ว หลังจากเกิดข้อพิพาร์ทถึงขั้นต้องนัดเคลียร์ปัญหากันที่โรงพัก
เรื่องมันยาว...ยืดเยื้อมาตั้งแต่เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ใหม่ๆ ได้พบกับเขา และคบหากันในที่สุด ความรักที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยย่อมปกปิดได้ไม่นาน เมื่อพ่อกับแม่ของเธอสืบจนรู้ความจริง พวกท่านก็แจ้งความดำเนินคดีอมันต์ในข้อหาพรากผู้เยาว์ เนื่องจากตอนนั้นเธอยังอายุไม่ถึงสิบแปดปีเต็ม
แต่เมื่อทุกอย่างผ่านไป ก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ต่อให้เกิดอะไรขึ้น เขา...ก็จับมือเธอก้าวข้ามทุกขวากหนาม อยู่กันมาจนถึงทุกวันนี้
และเภตราเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนี้จนตราบสิ้นอสงไขย...
“อย่าคิดมากล่ะ...” อมันต์ยิ้มเศร้า ยกมือขึ้นวางบนศีรษะของเธอแล้วขยี้หยอกเอิน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับเธอ
เภตรายิ้มรับแล้วพยักหน้า ก่อนจะเดินจากลา ค่อยๆ กลืนห่างไปกับนักศึกษาคนอื่นๆ โดยที่อมันต์ยังคงยืนอยู่ใต้อาคารแห่งนั้น มองดูเธอจนลับหายไปจากสายตา
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่...ก่อนจะหยิบสาร์ตโฟนขึ้นมากดเบอร์หาเพื่อนสนิทคนหนึ่งในกลุ่ม
“โต้งกูมีเรื่องจะปรึกษามึงว่ะ” ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนาโดยไม่รีรอ
เพื่อสะสางปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ
เพื่อคลี่คลายให้ทั้งเภตราและเขาได้ใช้ชีวิตกันอย่างเป็นปกติดังเช่นคนอื่นๆ อีกครั้ง...
ขณะนั่งอยู่ในรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน หัวใจของเภตราไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย เธอไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไร ต้องทำตัวแบบไหนเมื่อต้องอยู่กับพ่อแม่ ตอนเช้าพอจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะเธอออกไปตั้งแต่พวกท่านยังไม่ลงมาจากห้อง
ด้วยความลนลาน...เมื่อใช้ที่ตรวจครรภ์ซึ่งซื้อมาเมื่อวานตรวจพบว่าตัวเองทำผิดมหันต์เสียแล้ว ครั้งแรกคิดว่าอาจมีความผิดพลาด แต่ครั้งที่สองครั้งที่สามถือเป็นการตอกย้ำอย่างแน่ชัดว่าทุกอย่างได้เกิดขึ้นจริงๆ
“เภตรา...ถึงบ้านแล้วทำไมไม่ลงล่ะ”
“อ้อ...จริงด้วย กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะน้าทศ ขอบคุณนะคะที่ไปรับวันนี้” เธอบอกขอบคุณคนงานชายในบ้าน ซึ่งมีหน้าที่ทั้งทำสวนดูแลความเรียบร้อยต่างๆ รวมถึงพ่วงตำแหน่งคนขับรถของบ้านด้วย โดยมีภรรยาของทศพลชื่อเนียน เป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่เช่นกัน
“ไปเถอะ น้าจะเอารถไปเก็บล่ะ เดี๋ยวต้องไปตัดหญ้าหลังบ้านอีก” พลขับว่า เมื่อเภตราลงไปแล้ว
บ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิดในวันนี้มันช่างน่าอึดอัดอึมครึมเสียเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้ เธอก็จำต้องเสแสร้งบากหน้าอยู่ที่นี่ต่อไป จนกว่าอมันต์จะหาทางแก้ปัญหาได้
เมื่อก้าวแรกเหยียบผ่านธรณีประตูเข้ามาด้านในห้องโถง...เธอก็ได้พบว่าทั้งบิดาและมารดาต่างก็นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ก่อนแล้ว เนียนซึ่งกำลังเช็ดทำความสะอาดชั้นวางของอยู่ก็รีบถอยกลับไปในครัว
“คุณพ่อ คุณแม่...สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทักทายด้วยความประหม่ากว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต ก่อนจะน้อมตัวลง หวังเดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องของตัวเอง
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” เสียงเข้มของมารดาสั่ง
เภตราชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะถูกอะไรบางอย่างจากมือของท่านขว้างมาโดนใบหน้า “ว้าย!” เธอใช้มือปัดป้อง จนสิ่งนั้นหล่นลงไปบนพื้น และเมื่อมองตามก็ต้องตกใจตัวซีดสั่น
“สารเลว!!” ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นไปตบหน้าลูกสาวคนเดียวด้วยความโกรธ
เภตราที่ไม่ทันได้ตั้งใจถึงกับเซจนเกือบล้ม มือน้อยๆ จับตรงแก้มร้อนผ่าวด้วยความเจ็บ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูเป็นทำนบแตกในทันที “นี่คือสิ่งตอบแทนที่พ่อกับแม่เลี้ยงแกมาอย่างดีงั้นเหรอเภตรา!” พัชรากำมือแน่น เดินเข้ามาสมทบแล้วดึงผมสาวน้อยในชุดนักศึกษาเหวี่ยงให้ล้มลงบนพื้น
“คุณพ่อ คุณแม่...หนูขอโทษ...” ไม่ต้องถาม ไม่ต้องขอคำอธิบาย เพราะเธอพอจะเดาออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ความเกรี้ยวกราดโกรธาที่พวกท่านแสดงออก เป็นคำตอบได้อย่างดี
“กูเลี้ยงมึงมา ให้ข้าวให้น้ำ ให้เรียนสูงๆ อยู่สุขสบายไม่เคยต้องตรากตรำ แต่ดูมึงทำตัวอีลูกเวร! มักง่าย ไม่เลือก! เรียนก็ยังเรียนไม่จบ มึงมาท้องประจานพ่อประจานแม่ แบบนี้รู้ไปถึงไหนกูไม่ต้องอายเอาหน้าแทรกแผ่นดินหรอกเหรอ!” ที่ผ่านมา...อดิศรไม่เคยขึ้นมึงขึ้นกูกับลูกสักครั้ง แต่ครานี้มันเหลืออดจริงๆ
“สิ่งที่พ่อกับแม่สั่งสอน เคยเข้าหัวเราบ้างไหมเภตรา คนที่หวังดีที่สุดในชีวิตลูก ทำไมลูกไม่เคยคิดถึงบ้าง” ฝั่งผู้เป็นแม่ ดุด่าไปพลาง ร่ำไห้ไปพลางจนต้องพาตัวเองไปนั่งตรงที่เดิม แล้วตีอกชกตัวด้วยความเสียใจเป็นนักหนา
“พัช...ใจเย็นๆ คุณไปพักผ่อนเถอะ ทางนี้ให้ผมจัดการเองดีกว่า”
“ฉันไหวคุณศร...แม่เนียน แม่เนียนอยู่ไหน!” นางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้สามีว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเอ่ยเรียกแม่บ้านเสียงดัง
เภตรานั้นยังคงหมอบฟุบสะอื้นอยู่กับพื้น ไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองแบบไหน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ผิดต่อพวกท่านมากมายจริงๆ
และมันคงไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ว...
“มี...อะไรคะคุณพัช คุณศร...” เนียนเดินเข้ามาด้วยท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองใคร
“ไปเอาผ้าของมันที่เก็บใส่กระเป๋าลงมา....” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่นและเข้มแข็งในฐานะของแม่ ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งอยู่ที่ตัวลูกสาวซึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นมาด้วยความเศร้าโศก
“ฉันให้แกเลือกเภตรา...และจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สาม ถ้าแกคิดจะเก็บเด็กไว้แล้วยังไม่ยอมเลิกกับมันก็ออกไปจากชีวิตพวกเราซะ แต่ถ้าแกยังยังมีจิตใจ มีเศษเสี้ยวความรักที่พ่อกับแม่ให้ไปกลับคืนมาบ้าง เราจะลืมทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ต้องไม่มีมันกับไอ้มารหัวขนนั่นอีกต่อไป”
“คุณแม่คะ...หนูขอโทษ แม่อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ หนูขอโทษจริงๆ” สองมือยกขึ้นไหว้พนม ร้องขอความเห็นใจจากผู้ให้กำเนิดด้วยน้ำตานองหน้า เธอรู้แก่ใจเสมอว่าพวกท่านพูดจริงทำจริง เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างนั้น และเคยได้รับโอกาสมาแล้วครั้งหนึ่ง...
แต่ตัวเลือกครั้งนี้...มันก็ยากเย็นเกินจะตัดสินใจได้
หนึ่งคือผู้ให้กำเนิด เป็นผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดู...
อีกหนึ่งคือหัวใจรักและเลือดเนื้อเชื้อไขที่กำลังก่อเกิดขึ้นมาในอีกไม่ช้า
“กระเป๋าค่ะคุณ...” เนียนเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบไม่ใหญ่นัก วางไว้ข้างๆ โซฟาที่พัชรานั่งอยู่ แล้วแอบเหลือบมองไปยังเภตราเล็กน้อย พยายามพยักหน้าให้เด็กสาวยอมรับเงื่อนไขเสีย เพราะถึงอย่างไร นางเองก็เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งเช่นกัน
“ออกไปได้แล้วเนียน” พัชราสั่ง
แม่บ้านก็น้อมรับแล้วจากไปแต่โดยดี แม้ใจจะอยากช่วยเท่าไหร่ ก็รู้ดีว่าไม่ใช่ธุระของตัวเอง ซึ่งเป็นเพียงลูกจ้างเท่านั้น
“ไม่ต้องมาคร่ำครวญจะเป็นจะตาย อีตอนทำมึงเอาสมองส่วนไหนคิด ถึงไปสมสู่กับไอ้ลูกเ**กลูกไพร่นั่นจนท้องโย้มาประจานกูได้ ถ้าไม่เห็นแก่แม่มึง กูจะไม่ให้โอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง ตัดสินใจซะ...ถ้าเลือกมันกับเด็กเวรนั่นมึงก็หิ้วกระเป๋าออกไปจากบ้านนี้ได้เลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
“พ่อคะ แม่คะ...จะไม่ถามหนูสักหน่อยเหรอคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“จนป่านนี้แล้วยังต้องถามอีกเหรอ! ต้องรอให้ลูกมึงออกมาสักครอกสองครอก ให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเอาไปนินทากันทั่วบ้านทั่วเมืองก่อนหรือไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เธอคลานเข้ามาใกล้บิดาและมารดาเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงแล้วใช้มือปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังนอง พลางส่ายหน้า
“ที่ตรวจสามอัน...มันเป็นคำตอบมากพอแล้วเภตรา ไม่ต้องพิรี้พิไร บอกมาว่าแกจะเอายังไง”
“คุณแม่คะ หนูยอมรับว่าหนูท้องกับพี่อาร์ตจริงๆ แต่...อย่าทำร้ายลูกของหนูเลยนะคะ หนูขอร้อง หนูสัญญาจะดูแลลูกเองไม่ให้พ่อกับแม่เดือดร้อนเลยค่ะ”
“พูดแบบนี้...แสดงว่าแกได้เลือกแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของพัชราเต็มไปด้วยความคับแค้นใจจนสั่นเครือ กระนั้นนางก็ยังคงใจแข็ง กำมือแน่นไม่ยอมโอนอ่อนให้กับลูก เพราะความผิดครั้งนี้มันช่างมหาศาลเหลือเกิน
“ไม่ใช่...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณแม่” เธอปฏิเสธทั้งน้ำตา หันไปมองทางพ่อก็กำลังกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ หันไปทางแม่ก็พบแต่สีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความผิดหวังรุนแรง
มันยังจะมีทางอื่นอีกไหม ที่พอจะประนีประนอมให้เรื่องนี้มันจบลงได้ด้วยสวัสดี
“ฉันกับพ่อแก มีเพื่อนเป็นหมอเป็นพยาบาลถมเถ แกไม่ต้องกลัวหรอกทุกอย่างปลอดภัย ถ้าอยากได้ลูกก็เรียนให้จบ ให้ได้ทำงานดีๆ หาคนที่มันคู่ควรกว่านี้ไม่ใช่ลูกไอ้ลูกเ**กนั่น แกมันรู้เท่าไม่ทันมันหรอก ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมฉันจะดูไม่ออก”
“แม่คะ...หนูกับพี่อาร์ตเรารักกันจริงๆ นะคะ แล้วพี่อาร์ตก็รู้เรื่องที่หนูท้องแล้วด้วย เขายอมรับได้ค่ะ เขากำลังหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่”
“ลำพังตัวมันเองยังแบมือขอเงินที่บ้านอยู่เลย จะเอาปัญญาที่ไหนมารับผิดชอบมึง อุตส่าห์ส่งให้เรียนสูงๆ ทำไมถึงโง่ไปหลงคารมมันได้” อดิศรถอนหายใจกับความหัวอ่อนของลูก ยิ่งโกรธเสียใจจนสั่นไปทั้งตัว
“คุณพ่อ คุณแม่...อย่าบังคับให้หนูเลือกเลยค่ะ หนูเลือกไม่ได้...” เธอร่ำร้องจะเป็นจะตาย ศีรษะปวดร้าวเหมือนถูกของแข็งบีบรัด ในอีกเจ็บจุกตีตื้นขึ้นมาจนถึงลำคอ กระอักกระอ่วนคล้ายจะอาเจียน
หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเช่นกัน...
“งั้นมึงก็ออกไป!” เสียงห้าวทุ้มตะโกนก้องพร้อมกับฉวยเอากระเป๋าผ้าโยนใส่ร่างเล็กที่นั่งอยู่กับพื้น
พัชราลุกยืน แล้วเดินร้องไห้วิ่งขึ้นไปด้านบนด้วยความผิดหวัง ปล่อยให้สองพ่อลูกเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“คุณแม่! คุณแม่หนูขอโทษ!” เภตราพยายามคลานตามไป แต่ก็ถูกบิดาเข้ามาขวางเอาไว้ มือหนึ่งของท่านจับแขนเธอ อีกมือหนึ่งถือกระเป๋าแล้วลากพาออกไปนอกตัวบ้าน
“อยากอยู่กับมันนักมึงก็ไป ไปอยู่กันเลยให้ชื่นมื่น แล้วไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีกอีลูกทรพี!” อดิศรตะคอกเกรี้ยวกราด ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งลากทั้งดึงลูกสาวคนเดียวพร้อมกระเป๋าใบน้อยมาทิ้งไว้บนถนน แล้วปิดประตูรั้วเดินลิ่วๆ เข้าบ้านโดยไม่มองเหลียวหลัง
“คุณพ่อ! คุณพ่อขา...อภัยให้หนูด้วยเถอะค่ะ หนูขอโทษ”
เสียงร้องไห้เหมือนใจจะขาด บาดลึก...หัวอกคนเป็นพ่อ ลูกสาวคนเดียวมีหรือจะไม่รัก เภตราเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เขาและภรรยาเฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ตั้งแต่...วันแรกที่ได้รู้ว่ามีเธอ