ครั้งก่อนก็ขู่จะฆ่าตัวตายไปพร้อมลูก ครั้งนี้ก็จะเล่นงานเขากับครอบครัวให้ย่อยยับ...ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้ใช่เภตราคนที่เขารักจริงๆ หรือเปล่า เธอคือสาวน้อยผู้เคยไสซื่อ เรียบร้อย น่ารัก แสนจะอ่อนโยนและใจดีคนนั้น จริงๆ ใช่ไหม...
อมันต์รู้สึกว่าตัวเองผิดอย่างไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ ที่เขาทำให้สาวน้อยคนหนึ่งสูญเสียช่วงวัยหนึ่งของชีวิตอย่างไม่มีวันเรียกคืนอะไรได้ และเธอก็เปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน ที่น่าเสียใจไปมากกว่านั้นคือหญิงสาวต้องอยู่ตัวคนเดียวลำพังตั้งแต่ท้อง จนคลอด และเลี้ยงลูกตัวคนเดียวอีก
เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่สาหัสมาก กว่าที่เธอจะผ่านมันไปได้แต่ละวัน แต่ต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เภตรากับลูกตกระกำลำบากเหมือนอย่างเช่นที่เป็นอยู่อีกต่อไปแล้ว
ชายหนุ่มกลับมาจากเชียงใหม่ด้วยเที่ยวบินแรกอย่างรีบร้อน เขาไม่อยากคุยกับภรรยาเรื่องนี้ทางโทรศัพท์ จึงอยากพูดกันต่อหน้าไปเลย และไม่ว่าเธอจะคิดเห็นอย่างไร ก็คงต้องยินดีรับฟัง หลังจากนั้นค่อยปรึกษากันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
รถแล่นเข้ามาในเขตรั้วบ้านด้วยความเร็วคงที่ ก่อนจะจอดนิ่งสนิทแล้วร่างใหญ่ก็รีบร้อนหยิบเอกสารซึ่งวางอยู่บ้างเบาะคนขับ เปิดประตูรถแล้วเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้พ่อบ้านเข้ามารับช่วงต่อนำรถไปยังที่จอดรถแทน
เช้าป่านนี้...คิดว่าสุคนธรสคงยังอยู่ในห้องนอน เธอไม่ได้เป็นคนตื่นสาย แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงจึงค่อนข้างละเอียดอ่อนในการดูแลตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า
อมันต์รีบขึ้นบันไดไปยังด้านบนของตัวบ้าน แล้วเปิดประตูห้องนอน ซึ่งก็พบว่าภรรยาของเขากำลังนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอแต่งตัวสวย...และหันมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
“กลับมาแล้วเหรอคะ...เป็นยังไงบ้างธุระที่คุณแม่ให้ไปทำ” เธอถาม เพราะแม่สามีเป็นคนโทร.มาบอกเรื่องนี้เอง ถามว่าคิดมากหรือเปล่า แน่นอนว่าใช่ ในเมื่อที่ที่เขาไปคือ ‘เชียงใหม่’ เธอจึงคอยดูสถานการณ์อยู่เช่นกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ผมจะคุยกับคุณเรื่องนี้แหละ...แต่เราไปทานมื้อเช้ากันก่อนไหม นั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารดีกว่า” เขาว่า เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดเกินไป และเพื่อให้ตัวเองได้เตรียมตัวด้วย
“ดีค่ะคุณ...ฉันก็มีเรื่องสำคัญจะบอกเหมือนกัน” เธอยิ้มอย่างมีความสุข และมองเขาด้วยอาการเขินอายเล็กน้อย
“หืม”
“มัน...สำคัญมากค่ะ” หญิงสาวย้ำ
“งั้นคุณบอกผมมาเลยดีกว่า...ผมชักจะอดใจรอไม่ไหวแล้วสิ” อมันต์พูดเอาใจเธอ เพราะอยากให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเธอก็สำคัญกับเขาเช่นกัน ก่อนที่จะเปิดใจคุยเรื่องของหนูมิ้น
“ฉันท้องค่ะ” เธอตอบด้วยสายตาที่ทอประกายอย่างคนมีความสุขที่สุด
ใช่...เพราะมันไม่ง่ายเลย ที่จะยืนตรงนี้ และพูดออกไปแบบนั้นต่อหน้าเขา...
“ท้อง...”
“ไม่น่าเชื่อใช่ไหมคะ...เพราะหมอเคยบอกว่าฉันอาจจะมีลูกไม่ได้อีก แต่ก็แค่...อาจจะ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว”
“คุณ...ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะเคท” เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากระบายความตึงเครียด ไม่ใช่ไม่อยากยอมรับ แต่ยังไม่ได้ทำใจสำหรับเรื่องนี้ต่างหาก
ดูเหมือน...ความยุ่งยากจะยิ่งท่วมท้นเข้าไปทุกที
“คุณไม่ดีใจเหรอคะ” หญิงสาวถาม สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของเขา
“ดีใจสิ...เราลงไปข้างล่างกันเถอะ”
“ค่ะ อะไรอยู่ในมือคะ ถือติดตัวมาแบบนี้แสดงว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่เลย ขอฉันดูหน่อยนะ” พูดพลางเธอก็เดินไปดึงเอกสารในซองสีน้ำตาลมาจากมือเขา โดยที่ชายหนุ่มก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
“เคท...ผมว่า...” อยากจะดึงกลับคืนมา แต่มันก็คงยิ่งทำให้เธอสงสัย เขาไม่พร้อมจะคุยเรื่องนี้กับเธอตอนนี้ ตอนที่เธอเพิ่งบอกกับเขาว่ากำลังตั้งครรภ์...
“การวิเคราะห์ดีเอ็นเอ...” เธอเปิดซองแล้วดึงกระดาษแผ่นสีขาวขึ้นมาอ่าน เพียงหัวข้อก็ทำให้หัวใจหล่นไปอยู่ปลายเท้าเสียแล้ว
อมันต์ยกมือกุมขมับแล้วเม้มริมฝีปาก เขาไปหันทางอื่นด้วยท่าทีเคร่งเครียดไม่ต่างจากเธอ
หญิงสาวไล่อ่านรายละเอียดต่างๆ จนมาถึงบทสรุปว่า ดัชนีความเป็นบิดาที่ได้รวมกัน บอกถึงค่าเป็นตัวเลข และสำคัญไปกว่านั้นคือ ความน่าจะเป็นของบิดา บอกว่า...เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็น’ ซึ่งมีจุดทศนิยมและเลขเก้าต่อท้ายเป็นการตอกย้ำอีกห้าตัว
เธอมองเขา...ในขณะที่ทั้งกระดาษแผ่นนั้นและซองสีน้ำตาลหลุดจากมือร่วงลงสู่พื้นๆ พร้อมๆ กับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างยับยั้งไม่ได้