อมันต์กวาดสายตาอ่านรายละเอียดในเอกสารที่เพิ่งได้รับอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความที่เป็นคู่กรณีในตอนเกิดอุบัติเหตุครั้งก่อน ทำให้เขาขอความช่วยเหลือจากตำรวจเจ้าของคดีให้สืบค้นที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของเภตรามาจนได้ ปรากฏว่าหญิงสาวได้ย้ายทะเบียนบ้านจากบ้านของตัวเองไปอยู่ที่เชียงใหม่แล้วด้วย แต่พอตามไปยังบ้านหลังดังกล่าว ก็ได้ทราบว่า เธอเพียงขออาศัยย้ายชื่อตัวเองกับลูกเข้าไปอยู่ เท่านั้น เพราะหญิงสาวเคยมาเช่าอพาร์ทเมนท์ของเจ้าของทะเบียนบ้าน บวกกับความสงสารที่เธอไม่มีที่อยู่ในการแจ้งเกิดให้ลูกตอนคลอด จึงยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
แต่หลังจากคลอดลูกเธอก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น เพื่อความสะดวกในด้านต่างๆ เพราะที่เก่าค่อนข้างห่างไกลจากในตัวเมือง
“...” เพียงไล่อ่านมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาทันที เภตราต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน ถึงผ่านเรื่องเลวร้ายและความลำบากขนาดนั้นมาได้ มันทำให้เขาเจ็บปวดกับสิ่งที่เคยได้กระทำไว้กับเธอมากมาย
และก็สายเกินไปแล้วที่จะชดเชยได้ด้วยสิ่งใด คงได้แต่พยายามรับผิดชอบชีวิตของเธอกับลูกนับจากนี้ตลอดไปเท่านั้น เผื่อมันจะช่วยให้หญิงสาวคลายความลำบากและความเยียวยารู้สึกเลวร้ายที่ผ่านมาลงไปได้บ้าง
ชายหนุ่มจดจ้องสายตาอยู่ที่เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ใหม่ ซึ่งตำรวจได้มาจากเจ้าของบ้านเพราะยังคงติดต่อกับเภตราอยู่ตลอด เขาครุ่นคิดว่าควรจะไปเจอเธอกับลูกโดยตรง หรือจะโทร.หาบอกกล่าวก่อนดีกว่า เพื่อประโลมไม่ให้ตกใจ และแสดงถึงความต้องการอยากพบอยากเจอ ไม่ใช่อยากจะคุกคาม...
และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ ว่าไปหาเธอ...แล้วค่อยโทร.หาตอนอยู่ที่นั่นแล้วเป็นการดีที่สุด
เข้าเรียนโรงเรียนใหม่วันแรก เป็นเรื่องตื่นตาตื่นใจสำหรับหนูมิ้น เพราะห้องเรียนที่นี่ไม่เหมือนที่เธอเคยเรียน มีทั้งของเล่นในห้อง มีห้องน้ำในตัว และโถส้วมเล็กๆ สำหรับเด็ก คุณครูยังมีตุ๊กตา สมุดภาพที่มีรูปเจ้าหญิงสวยๆ มากมายเลย มีทีวีให้ดูการ์ตูนระหว่างพักกลางวันด้วย
หนูมิ้นชอบมาก ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนใหม่และคุณครูได้เป็นอย่างดี ทั้งเต้นระบำ และเล่นเกมส์ต่างๆ ตลอดช่วงเช้า
“ขอโทษครับครูส้ม...คอปเตอร์มาแล้วครับ”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งทำให้เด็กนักเรียนทั้งห้องหันไปมอง ข้างๆ ผู้ชายตัวโตมีเด็กผู้ชายตัวเล็กยืนยิ้มและยกมือไหว้สวัสดีคุณครูส้ม
“เชิญเข้ามาเลยจ้าน้องคอปเตอร์...ว่าแต่คุณหมอว่าอย่างไรบ้างคะ” ครูส้มถามผู้ปกครอง ในขณะที่เด็กชายวิ่งเข้ามาในห้องแล้วเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บที่ชั้นวางของตัวเอง ก่อนจะเข้ามารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“มีไข้นิดหน่อยครับครู...แค่เป็นหวัดธรรมดา กินยาสักสองสามวันก็หายครับ”
“งั้นครูจะช่วยดูแลเองค่ะ คุณพ่อไปทำงานได้ตามสบาย ไม่ต้องเป็นห่วงน้องนะคะ” ครูสาวกล่าว เมื่อเห็นท่าทีกังวลของคุณพ่อ
“ขอบคุณมากครับ...แกกินข้าวมาจากข้างนอกแล้ว มียาอยู่ในกระเป๋า อีกสามสิบนาทียังไงรบกวนคุณครูเอาให้น้องกินด้วย หมอเขียนฉลากไว้แล้วว่าตัวไหนกินอย่างไร”
ครูส้มและพ่อของเด็กชายยืนคุยและร่ำลากันอยู่อีกครู่หนึ่ง แล้วร่างในชุดเดรสยาวสีฟ้าก็เดินกลับมาหาเด็กๆ
“อ้าว...ได้เวลานอนพักกลางวันพอดี เด็กๆ เอาที่นอนในตู้ของตัวเองมาปู แล้วหยิบหมอนหยิบมาห่มมาด้วยนะคะ” เด็กคนอื่นๆ เดินไปเปิดตู้เก็บของที่มีชื่อของแต่ละคนติดอยู่หยิบเอาสัมภาระตามที่ครูส้มสั่งมาวางบนพื้น แล้วต่างพยายามปูที่นอนให้เรียบร้อยที่สุด บางคนก็ไปช่วยเพื่อน บางคนล้มกลิ้งจนครูส้มต้องเข้าไปดูแล
“ครูครับแต่ผมต้องกินยาด้วยนะครับ” คอปเตอร์ยกมือขึ้น
“จ้า...ครูจับเวลาไว้แล้วล่ะ เออนี่...คอปเตอร์ยังไม่รู้จักเพื่อนใหม่เลยนี่”
“ครับ” เด็กชายรับคำแล้วหันมองไปรอบๆ ก็เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงถักเปียสองข้างคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้า กำลังสาละวนอยู่กับการลากที่นอนไปมาเพื่อจัดให้เป็นระเบียบเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
“หนูมิ้น...มานี่หน่อยลูก มารู้จักกับคอปเตอร์นะคะ เป็นเพื่อนอีกคนในห้อง แต่วันนี้เขาไม่สบายก็เลยลาไปหาหมอครึ่งวัน”
“ค่ะ...สวัสดีคอปเตอร์ มานอนกับเราไหม” หนูมิ้นที่อยู่ใกล้ๆ หันมา แล้วถามอย่างไสซื่อ แต่ครูส้มแทบสำลักกับความไร้เดียงสาอันหมิ่นเหม่
“นอนด้วยกันไม่ได้จ้ะเด็กๆ แต่ปูที่นอนใกล้ๆ กันได้ หนูมิ้นเพิ่งมาวันแรกคอปเตอร์อย่าแกล้งเพื่อนนะ” ครูส้มยิ้มให้หนูน้อยทั้งสอง
หนูมิ้นหันกลับไปพยายามปูที่นอนของเธอต่อ
ส่วนคอปเตอร์ก็เดินไปหยิบที่ผ่าห่มหมอนและที่นอนของตัวเองเดินต้วมเตี้ยมมาวางข้างๆ หนูมิ้นบ้าง ซึ่งตอนนี้เด็กหญิงปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุกล่วง และกลิ้งเกลือกอยู่บนที่นอนเรียบร้อยแล้ว
“เรานอนไม่ดิ้นหรอก...ไม่กรนด้วย” คอปเตอร์ปูผ้าเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วหันไปบอกหนูมิ้น
“โอเค...คอปเตอร์นี่เพื่อนสนิทหนูมิ้น ชื่อหนูต่าย หนูต่ายจ้ะนี่คอปเตอร์ เขาจะนอนข้างๆ เรา” พูดแล้วก็ยกหนูต่ายขึ้นมานั่งตรงพุงน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มเมื่อแนะนำให้รู้จักเพื่อนใหม่
ซึ่งก่อนหน้านี้...หนูต่ายก็รู้จักกับทุกคนในห้องแล้วด้วย
“สวัสดีหนูต่าย” คอปเตอร์โบกมือทักทาย เป็นเรื่องปกติที่นี่ เด็กผู้หญิงเกือบทุกคนมักมีเพื่อนในจินตนาการหรือไม่ก็ตุ๊กตาตัวโปรด เหมือนกับเขาที่มีหุ่นยนต์...
"เธอๆ แม่ไม่พามาโรงเรียนเหรอ" หนูมิ้นสงสัย เพราะคนที่มาส่งคอปเตอร์เป็นผู้ชาย
"เรา...ไม่มีแม่หรอก แต่พ่อมาส่งเราทุกวันนะ" เด็กชายยิ้มเศร้าขณะตอบคำถามเพื่อนใหม่
"อืม..." หนูมิ้นรู้สึกงง เม้มริมฝีปากแล้วใช้นิ้วจิ้มที่ขมับอย่างใช้ความคิด
"ทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่าเธอก็ไม่มีแม่เหมือนกัน"
"หนูมิ้นมีแม่...แต่พ่อหนูมิ้นไม่รู้จัก"
"เหรอ...เธอไม่เคยมีพ่อเหรอ"
"ไม่เคย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราให้แม่หาให้ก็ได้" หนูน้อยตอบอย่างภูมิใจ
"หาที่ไหนอ่ะ เราจะได้ให้พ่อไปหาแม่ให้บ้าง" คอปเตอร์ถามอย่างใคร่รู้
"ยังไม่รู้เลย แต่แม่รักหนูมิ้นมาก ถ้าหนูมิ้นอยากได้อะไรแม่ก็ต้องหาให้" เธอยิ้มอย่างมีความสุข และคิดว่าเดี๋ยวเย็นนี้จะให้แม่ไปหาพ่อมาให้ แต่ถ้าต้องซื้อ ราคาจะแพงไหมนะ ไม่เป็นไรหนูมิ้นค่อยช่วยแม่เก็บตังไปซื้อพ่อก็ได้
เพื่อนใหม่สองคนแลกเปลี่ยนบทสนทนากันด้วยความร่าเริง จนกระทั่งครูส้มบอกให้เด็กๆ เงียบเสียงและเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการหลับพักผ่อนกลางวัน...