บทที่ 5 ตอนที่ 2

870 Words
เชียงใหม่...เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ หากว่าใครคิดที่จะไปเที่ยวเมืองเหนือ เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย อย่างช่วงปลายปีที่อากาศเย็นสบาย คนก็นิยมขึ้นดอยไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่สดชื่น ขณะเดียวกันที่ในตัวเมืองก็มีทั้งคาเฟ่น่ารัก ร้านอาหารอร่อย ที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางวัดวาอารามและโบราณสถานที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และเมื่อได้มาเยือนเชียงใหม่ สถานที่ซึ่งจะพลาดไม่ได้เลยนั่นก็คือการมาสักการะขอพรตามวัดต่างๆ เพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ตัวเอง วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดสำคัญของเชียงใหม่ที่ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ เป็นศาสนสถานอันดับต้นๆ ที่มีชื่อเสียงดึงดูดให้ผู้คนที่ได้มาเยือนเมืองเหนือแห่งนี้ ต้องได้แวะเวียนกันมาสักครั้งหนึ่ง... ในห้องเช่าขนาดยี่สิบตารางเมตร เภตรากับลูกกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม เธอติดต่อไปที่โรงเรียนของลูกและขอลาออก โดยไม่ลืมกำชับถึงข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างห้ามบอกแก่บุคคลภายนอก มาไกลขนาดนี้แล้ว...ไม่น่าเชื่อว่าจะยังได้พบกันอีก การได้เห็นเขาอีกครั้งมันเจ็บปวดจริงๆ นี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงต้องอยู่ให้ไกลเขาที่สุด ไม่ได้กลัว...ก็แค่เกลียด และไม่อยากพบอยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีกต่อไป การมีกันสองแม่ลูก ใช้ชีวิตด้วยกันแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว... “หนูมิ้น...หม่ำๆ หน่อยนะคะ” เธอตักข้าวสวยที่บดรวมกับผักนึ่งชนิดต่างๆ ป้อนใส่ปากให้ลูก แต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่อยากกินสักเท่าไหร่ จนต้องใช้กลยุทธหลอกล่อกันอยู่นาน กว่าจะได้กินแต่ละคำ “อิ่มแย้ว อิ่ม อิ่ม...” สองมือตีโต๊ะกินข้าวดังแปะๆ พลางส่ายหน้าไปมาแล้วบุ้ยปากด้วย “ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นไปอาบน้ำกันนะ ดูสิเปื้อนไปทั้งตัว” เภตรานำถ้วยไปวางไว้บนโต๊ะรับประทานอาหาร ก่อนจะอุ้มร่างเล็กขึ้นมาจากเก้าอี้กินข้าวสำหรับเด็ก จากนั้นก็พาไปห้องน้ำ และถอดผ้ากันเปื้อน รวมถึงเสื้อผ้าออกจากตัว “อาบน้ำอุ่งนะแม่ต๋า” มีการต่อรองเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น เพราะหนูมิ้นไม่ชอบอาบน้ำเย็นนั่นเอง “จ้า แม่รู้แล้วล่ะ เข้าไปนั่งในอ่างก่อนนะคะ เดี๋ยวแม่เปิดน้ำให้” จากนั้นการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เจ้าตัวเล็กก็วุ่นวายอยู่บ้าง เพราะเธอชอบเล่น ชอบแกล้งแม่ด้วยการกวักน้ำใส่ แล้วก็หัวเราะชอบอกชอบใจนักหนา และถึงแม้จะเปียกไปทั้งตัวเภตราก็ไม่ได้ดุลูก ดีใจด้วยซ้ำที่เห็นแกยิ้มได้ หัวเราะได้ ตั้งแต่เกิดเรื่องหนูมิ้นก็ดูจะยังตกใจกับเหตุการณ์นั้น บวกกับต้องกินยาด้วย ทำให้เธอตกอยู่ในอาการเซื่องซึม งอแง และไม่ยอมอยู่คนเดียวเป็นอันขาด เรียกได้ว่าตัวติดกับแม่ถึงขั้นเข้าห้องน้ำก็ต้องหอบอุ้มพาไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง กว่าจะอาบน้ำให้ลูกเสร็จ ตัวเองก็เปียกม่อล่อกม่อแล่กไปด้วย เธอจัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะอุ้มลูกออกมาทาแป้งแต่งตัว จากนั้นก็เอายาให้กิน ค่อนข้างโชคดีที่ถึงแม้แกจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่เรื่องกินยากลับว่านอนสอนง่าย ไม่อย่างนั้นแม่คงรู้สึกเจ็บปวดกว่านี้หากต้องมีการบังคับฝืนใจกัน “ขอนมด้วยค่ะ” เธอร้องขอขณะที่แม่อุ้มพาไปวางบนที่นอน “แม่รู้แล้วจ้ะ” หญิงสาวยิ้มให้ลูก อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ ก่อนจะผละออกไปหยิบขวดนมซึ่งกำลังอุ่น เพราะเธอชงตั้งไว้ก่อนหน้านี้ได้สักพักแล้ว “นอนตักแม่ต๋า” หยิบขวดนมไปแล้ว พลางออดอ้อนด้วยความเคยชิน เพราะหากไม่ได้นอนตักอุ่นๆ ไม่มีแม่คอยกล่อม ก็รู้สึกไม่อยากหลับเลย ต่อให้ง่วงแค่ไหนก็หลับสนิทไม่ได้สักที “มานี่มา...” ลูกคือที่สุดเสมอ เธอไม่เคยขัดใจหนูมิ้นเลยสักครั้ง เพราะมันคือความสุข หนูมิ้นคือทุกๆ อย่างในชีวิต ทุกช่วงเวลา ทุกนาทีมีคุณค่ามหาศาล เธอจะเก็บความทรงจำระหว่างกันเอาไว้ให้มากที่สุด เผื่อว่าเมื่อลูกโตขึ้นและไปมีชีวิตของตัวเอง คนเป็นแม่...จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียดายวันวาน.... หนูมิ้นหลับปุ๋ยอย่างง่ายดายบนตักของเธอ สองมือคอยตบสะโพกลูกน้อยเบาๆ ยังคงฮัมเพลงกล่อมไม่หยุด และปล่อยให้ลูกนอนอยู่อย่างนั้นแม้จะรู้สึกปวดเมื่อยจนเหน็บชาไปหมดก็ตาม ซ้ำอาการง่วงก็ค่อยๆ ครอบงำเขามาทีละน้อย เธอจึงเอนตัวพิงกำแพงแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น...ก็ค่อยว่ากัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD