มาตาวีมองจนวรกายสูงสง่าเดินลับจากสายตาไปอย่างเคียดแค้นและชิงชังเป็นที่สุด ผู้ชายคนนี้กล้าบีบบังคับเธอด้วยวิธีนี้ได้อย่างไร เด็กที่กำลังจะเกิดมาอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เป็นลูกของเขา แต่ทำไมเขาต้องการลูกแต่ไม่ต้องการแม่ของลูกอย่างเธอ เพราะการะเกดคนเดียว เจ้าชายคามิลถึงไม่รักเธอ
“แกจะเป็นมารความสุขของฉันไปถึงไหนนังลูกเกด”
เสียงแหลมสบถออกมาอย่างเกลียดชัง อยากให้การะเกดหายไปจากโลกนี้เหลือเกิน หากเป็นจริงคงจะดีใจไม่น้อย แต่สิ่งที่หวังคงเป็นได้แค่ความฝัน และคงไม่มีวันเป็นจริง
“คฤหาสน์หนึ่งหลัง รถหนึ่งคัน เงินสดห้าสิบล้านแลกกับอิสรภาพของคุณเหรอคามิล มันจะไม่น้อยไปหน่อยเหรอกับอิสรภาพของคุณ ในเมื่อคุณอยากได้อิสรภาพนัก งั้นฉันจะให้คุณก็ได้ ฉันขอเงินเพิ่มอีกสักห้าสิบล้านก็แล้วกัน เพื่อแลกกับตัวคุณแล้วก็ไอ้เด็กเวรที่อยู่ในท้องของฉัน”
แล้วเสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ใบหน้าสวยแสยะยิ้มเมื่อคำนวณเงินที่จะได้รับจากเจ้าชายอาหรับรูปงามพระองค์นี้ ในเมื่อไม่ได้เป็นภรรยาของเขา เธอก็ต้องได้ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่เธอเสียไป ที่สำคัญเด็กในท้องนี้ก็เป็นลูกของเธอ ยังไงสักวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมาหาเธออย่างแน่นอน
เจ้าชายคามิลกลับมาจากคฤหาสน์หลังงามที่ซื้อให้มาตาวี พระองค์ก็ทรงขับรถกลับบริษัททันที พระทัยร่ำร้องถึงหญิงที่พระองค์รักอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้เธออยู่ที่ไหน ให้นักสืบตามหาก็ไม่พบ
หลายเดือนที่ผ่านมาการะเกดหนีพระองค์ไปอยู่แห่งใดกัน ทำไมพระองค์ถึงตามหาไม่เจอเสียที เจ้าชายหนุ่มเดินออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องทำงานของตัวเองอย่างเหนื่อยล้า อยากได้ยินรอยยิ้มหวานกับน้ำเสียงอ่อนโยนของเธอเหลือเกิน อยากได้กำลังใจและคำปลอบโยนยามที่พระองค์อ่อนล้าจากผู้หญิงที่พระองค์รัก เพียงแค่นี้จริงๆ ที่พระองค์ต้องการ
“เจ้าชายเพคะ คุณนักสืบมาส่งเอกสารให้เพคะ” เลขานุการสาวเอ่ยบอกเจ้าชายหนุ่มทันทีที่เห็นวรกายสูงสง่าเดินออกมาจากลิฟต์ สีพระพักตร์ดูน่ากลัวอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีข่าวเลิกรากับแฟนสาวและมีอีกหนึ่งสาวเข้ามายุ่งเกี่ยว ดูเหมือนว่าผู้เป็นเจ้านายจะดูเย็นชาและส่งรังสีอำมหิตออกมาให้เธอและพนักงานคนอื่นหวาดกลัวกันเสมอ
“นี่เพคะเจ้าชาย เอกสารที่คุณนักสืบส่งมาเมื่อเช้า”
“ขอบใจมากคุณราณี” เจ้าชายคามิลหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเลขานุการพร้อมกับยื่นมือไปรับซองเอกสารสีน้ำตาลเข้ม เดินตรงไปยังห้องทำงาน
เปิดประตูด้วยท่าทางรีบร้อน จนเลขานุการที่ยืนมองอยู่ถึงกับสงสัยกับท่าทางประหลาดของเจ้าชายหนุ่ม
“เดี๋ยวคุณราณีโทร. ให้อัสม์กับซาริมมาพบผมด้วย”
“เพคะ”
เจ้าชายหนุ่มเดินเข้าห้องทำงาน หัตถ์หนารีบเปิดซองเอกสารขึ้นดู ก็พบว่ามันเป็นรูปถ่ายของการะเกดและสถานที่ที่เธออยู่ สายพระเนตรคมจ้องมองบ้านเลขที่และอำเภอที่หญิงสาวอันเป็นที่รักใช้เป็นที่หลบซ่อนด้วยหัวใจที่ตื่นเต้น ในที่สุดก็หาเจอเสียที
“ในที่สุดผมก็หาคุณเจอแล้วลูกเกด”
เจ้าชายหนุ่มกำลังสนใจเอกสารในหัตถ์อย่างสนใจ เสียงประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดและปิดพร้อมกับสององครักษ์หนุ่มเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังด้านท่าทีสงบ
“เราต้องการให้พวกเจ้าไปคอยดูแลคุณลูกเกดที่เชียงใหม่”
“ควารีมเจอคุณลูกเกดแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ควารีมหรอก นักสืบส่งเอกสารมาให้เราต่างหาก”
“เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วควารีมก็เพิ่งโทรศัพท์มาแจ้งกระหม่อมเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ ว่าเจอคุณลูกเกดแล้วที่เชียงใหม่” องครักษ์ซาริมรายงานเจ้าชายคามิลตามที่เพื่อนร่วมงานแจ้งเขามาเมื่อไม่นานมานี้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองพระพักตร์คมเข้มอย่างเป็นห่วง หลายเดือนมานี้ดูเหมือนว่าเจ้าชายจะซูบลงไปเยอะ เพราะตรอมพระทัยที่คุณการะเกดขอเลิก แล้วยังมาเจอคุณมาตาวีตามราวีอีก
“แล้วควารีมบอกอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า”
“คุณลูกเกดเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของเชียงใหม่พ่ะย่ะค่ะ ควารีมบอกว่าคุณลูกเกดเป็นอาจารย์มาได้สี่เดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้าตามไปสมทบกับควารีม คอยตามดูแลรักษาความปลอดภัยให้เธออยู่ห่างๆ เราจัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้วเราจะรีบตามไป” ไม่ว่าอย่างไรพระองค์จะไม่ยอมให้เกิดปัญหาหรืออันตรายแก่หญิงที่พระองค์รักเด็ดขาด
“พ่ะย่ะค่ะ/พ่ะย่ะค่ะ”
/////////
การะเกดลงจากรถเก๋งคันงาม จากนั้นก็เดินไปเปิดกระโปรงท้ายรถเพื่อหยิบข้าวของที่เธอและปานไพลินไปซื้อหลังจากเลิกสอน ซึ่งเมื่อสี่เดือนก่อนนี้เองที่เธอไปสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของตัวเมืองเชียงใหม่ โชคดีที่เพื่อนสนิทของเธอเป็นหลานสาวของเจ้าของมหาวิทยาลัยชื่อดังของเชียงใหม่ เธอจึงได้รับสิทธิพิเศษนิดหน่อย แม้ตอนนี้จะเป็นแค่ผู้ช่วยอาจารย์ แต่อีกสองปีข้างหน้ารับรองว่าเธอต้องเป็นอาจารย์ได้แน่นอน อีกทั้งตอนนี้เธอก็เตรียมสมัครเรียนต่อปริญญาโทพร้อมกับปานไพลินที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
“ลูกเกดว่าเราซื้อของมากไปหรือเปล่าปาน”
“ไม่เยอะหรอกลูกเกด อีกเดี๋ยวคุณยะกับคุณภัทรจะมากินข้าวกับพวกเราด้วย” ปานไพลินอธิบายเหตุผล เนื่องจากเธอนัดอาจารย์หนุ่มที่มหาวิทยาลัยมาทานข้าวเย็นด้วย ดังนั้นอาหารมื้อนี้ต้องพิเศษและอร่อยที่สุด เพราะมีแม่ครัวฝีมือเยี่ยมอย่างการะเกด
การะเกดเงยหน้ามองเพื่อนสนิทอย่างประหลาดใจ ปานไพลินไปนัดสองหนุ่มตั้งแต่เมื่อไร ตอนแรกก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าทำไมวันนี้ของที่ไปซื้อถึงได้มากมายขนาดนี้ ที่แท้ก็นัดหนุ่มๆ มาทานข้าวที่บ้านนี่เอง
“ปานไปนัดคุณยะกับคุณภัทรตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็ตอนเที่ยงไง”
“ทำไมลูกเกดถึงไม่ได้ยินล่ะ”
“ก็ตอนนั้นลูกเกดมัวแต่คุยกับลูกศิษย์อยู่น่ะสิ”
ปานไพลินบอกด้วยรอยยิ้ม สองมือหยิบถุงพลาสติกสามสี่ใบก่อนเดินเข้าไปในบ้าน อีกไม่กี่ชั่วโมงเธอก็จะได้เจอชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักอีกแล้ว หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยมองผู้ชายคนไหน เพราะว่าหัวใจของเธอมีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
การะเกดมองท่าทางมีความสุขของเพื่อนอย่างสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ปานไพลินอารมณ์ดี
หญิงสาวรีบหยิบของที่เหลือจากท้ายรถ จากนั้นก็รีบเดินตามร่างบอบบางเข้าไปในบ้านติดๆ แต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ ‘เอาไว้ถามคืนนี้ก็แล้วกัน’
“เย็นนี้เราจะทำอะไรกินกันดีลูกเกด”
“ปานอยากกินอะไรล่ะ ลูกเกดจะทำให้ปานกินเอง”
“เดี๋ยวนะ...ปานนึกก่อนว่าคุณยะชอบกินอะไร”
ปานไพลินนึกไปถึงอาหารที่ขัตติยะชอบ คราวก่อนคุณลุงชวนเธอไปทานข้าวเย็นที่บ้าน แม่บ้านจัดอาหารขึ้นโต๊ะตั้งหลายอย่าง เธอเองก็ลืมสังเกตไปเสียสนิทว่าญาติหนุ่มชอบอาหารแบบไหน
การะเกดขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบสายตามองอาการครุ่นคิดของเพื่อนอย่างแปลกใจ ก่อนจะเปิดยิ้มกว้างเมื่อได้รู้คำตอบว่าเพราะเหตุใดวันนี้ปานไพลินถึงได้อารมณ์ดีนัก
“ปานชอบคุณยะเหรอ”
“อืม...เฮ้ย...ไม่ใช่นะ” ปานไพลินถึงกับหน้าแดงกับคำถามของการะเกด
“จริงหรือเนี่ย?”
การะเกดทำเสียงสูง กลอกลูกตาไปมาอย่างล้อเลียน เมื่อเห็นสีหน้าแดงซ่านบนแก้มนวล ตอนนี้เธอหายสงสัยแล้วว่าเพราะอะไรปานไพลินถึงไม่เคยคบผู้ชายคนไหนเลย ที่แท้ก็เพราะญาติผู้พี่คนนี้นี่เอง
////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...