ฮูหยินผู้เฒ่า
เรือนซ่ง อยู่ห่างจากตลาดเมืองฉินราวๆ ห้าลี้ เด็กๆ ขึ้นรถม้ากลับเรือน เป็นรถคันใหญ่ที่มีไว้ใช้สอยในเรือนนานแล้ว และม้าคู่นั้นมีอายุพอสมควร หากยังแข็งแรง และช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี
หรันอันเจียวมองเด็กชายที่จูงมือนางเข้ามาในเรือนหลังนั้น มันไม่ได้โอ่โถงนักหรอก แต่ทำให้รู้ว่า มีความอบอุ่น แต่ก็รกอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะมีเด็กเล็กนั่นเอง อีกทั้งซ่งเฟิงหัวทำความสะอาดเอง เขาไม่ได้ให้สาวใช้ หรือสตรีนางในเข้ามายุ่มย่ามในเรือน เนื่องจากมีทั้งตำราการแพทย์ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้รักษาคน และสัตว์ ทั้งคลังสมุนไพรที่เขาดูแลอย่างดี พวกบ่าวจะกันที่เรือนฮูหยินหม้าย (มารดาเขา) และก็โรงหมอที่เปิดรักษาผู้ป่วยทั่วไป รวมถึงคลังยากับสมุนไพรที่บางครั้งต้องจ้างคนมาช่วยทำงาน
“ท่านแม่ คืนนี้เราจะกินข้าวเย็นอะไรดีขอรับ”
ซ่งโม่โฉวถามหรันอันเจียว และตบเก้าอี้ให้นางนั่งลง เพื่อเขาจะได้เห็นหน้าชัดๆ และปรนนิบัตินางอย่างที่ท่านพ่อเคยสอนไว้
“นั่งตรงนี้ ลูกชายของท่านจะไปยกน้ำชามาให้”
หญิงสาวไม่ได้ตอบคำใด นางแค่ยิ้มให้เขา ส่วนคนตัวสูงหน้าตาดุอยู่สักหน่อย ดูเหมือนจะเอาใจลูกชาย ไม่ตำหนิ ไม่ห้าม และยังบอกให้ซ่งซินหยาน ไปดูความเรียบร้อยของห้องเล็กๆ ติดห้องครัว
“ใครจะนอน ก็ให้เขาทำความสะเองไม่ถูกต้องหรือท่านพ่อ ข้าเหนื่อยจากการเดินทางทั้งวัน และหิวด้วย”
เด็กหญิงหน้างอ และส่งสายตามองหรันอันเจียวด้วยความไม่พอใจ ด้วยกลัวสตรีผู้นี้จะมาเป็นมารดาของตน !
“ยามนี้ลูกหยาน เป็นเจ้าของบ้าน ต้องดูแลอารุ่ยเสียก่อน เมื่อนางปรับตัวได้ เจ้าคงสบายขึ้น”
ซ่งซินหยานไม่อยากก้าวไปทำตามที่บิดาบอก แต่นางรู้หากเขาสั่ง อย่างไรก็เพิกเฉยไม่ได้ ทว่าเหตุใดหนอ ร้อยวันพันปี บิดาไม่เคยอยากได้สตรีนางใดมาช่วยงานในเรือน ทั้งที่มีคนเสนอตัวมากมาย หากจู่ ๆ กับเสียงเงิน 5 ตำลึงเลือกหรันอันเจียวผู้อัปลักษณ์ ให้มาอยู่ที่นี่
“ข้าทำให้ก็ได้ แต่บอกท่านพ่อไว้เลย เจี่ยรุ่ย... ไม่ใช่มารดาข้า นางเป็นได้แค่ส่วนเกินที่มาอาศัยเรือนหลังนี้”
เด็กหญิงพูดแรง ฝ่ายคนเป็นพ่อกำลังจะอบรมเรื่องมารยาท ทว่าเสียงที่ดังมาจากเรือนที่อยู่ใกล้ๆ กันร้องหานางเสียก่อน
“หยานเอ๋อร์... โฉวเอ๋อร์... พวกเจ้ากลับเรือนแล้วหรือ เหตุใดย่ายังไม่เห็นหน้าอีก มาเร็ว ย่าให้เสี่ยวหลิง ทำแป้งทอดคลุกน้ำตาลรอพวกเจ้าตั้งนานแล้ว”
หรันอันเจียวสนใจเสียงดังกล่าว และซ่งเฟิงหัวบอกว่า
“นางคือท่านแม่ของข้าเอง... ปีนี้อายุเกือบเจ็ดสิบ อย่างไรก็เอาใจนางสักหน่อย”
ได้ฟังเขาพูดเช่นนั้น หรันอันเจียวก็ครั่นคร้ามใจ นิยายเรื่องไหนๆ มักมีบทศึกปะทะคารมระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ และยามนี้นางถูกซ่งเฟิงหัวซื้อมาจากตลาดสด ไม่แน่ว่าข่าวเสียหายนี้ คงไปถึงหูฮูหยินผู้เฒ่า ที่อยู่เรือนติดๆ กันแล้ว!
เสวียนจิ้งตกใจ เมื่อเห็นหลานสาวคนโตร้องห่มร้องไห้เข้ามาหาตน
“ท่านย่า หยานหยานไม่ยอม ท่านพ่อพาใครก็ไม่รู้เข้าเรือน”
หัวใจหญิงสูงวัยเต้นรุนแรง ซึ่งนางไม่รู้สิ่งใดนัก แต่ก่อนหน้านี้ราวๆ ชั่วเวลาชาพองตัว สาวใช้ที่จ้างมาดูแลนาง ซึ่งก็คือไห่หลิงวิ่งหน้าตั้งมาเล่าเรื่องต่างๆ ว่า ลูกชายคนที่สามซื้อหญิงโสเภณีจากตลาด ในราคา 5 ตำลึง
เสวียนจิ้งนิ่งงันในทันที ปกติลูกชายคนที่สามไม่เคยเกเร ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เขาศึกษาเพียงการแพทย์ ชอบรักษาผู้คน กล่าวได้ว่าเป็นหมอเทวดา แต่มีความรู้แตกฉาน หลายครั้งหลายคน ให้การรักษาขุนนางในท้องที่ รวมถึงถูกเชิญตัวไปเมืองใหญ่ๆ บ่อยครั้ง ผิดแต่เขาไม่ชอบรับราชการ จึงเป็นหมอเถื่อนผู้หนึ่งในสายตาของสำนักแพทย์
จู่ๆ วันนี้กลับทำเรื่องชวนให้ขายหน้าด้วยการซื้อโสเภณีกลับเรือน นางจึงสับสนไปหมด
“คนที่เจ้าว่า เป็นโสเภณีใช่หรือไม่”
เด็กหญิงมองหน้าท่านย่า นางไม่กล้ากล่าวคำนั้น
“นางเขียนป้ายขายตัวเจ้าค่ะ... และทั้งโฉวเกอ และท่านพ่อต่างหลงเสน่ห์จิ้งจอกตัวนั้น”
คนเป็นย่าได้ยินพลันร้อนใจจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ ลูกชายคนนี้โสดมาหลายปี ทว่าเหตุใดหนอถึงคว้าสตรีไร้หัวนอนปลายเท้ากลับเรือนซ่ง
“ท่านย่าต้องไล่นางออกไป”
เสวียนจิ้งถอนหายใจแรงๆ และลูบผมหลานสาวเพื่อปลอบขวัญ ทั้งทำให้นางสงบ
“บิดาเจ้า ไม่ใช่คนไร้เหตุผล หากพานางกลับเรือน ย่อมคิดดีแล้ว”
“ฮึ เขาก็แค่ต้องการเอาใจโฉวเกอ เพราะวันก่อนตีน้องไปหลายที และยังให้อดข้าวเย็นสองมื้อ”
หญิงวัยกลางคนถอนหายใจหลายหนกว่าเดิม และเอ่ยว่า “ย่าแก่แล้ว พูดสิ่งใดคงไม่มีใครเชื่อ อีกอย่างสตรีผู้นั้น คงอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก ให้นางพักสักคืนสองคืน เดี๋ยวคงออกไปจากเรือนซ่งเอง โดยที่เจ้าไม่ต้องเสียแรงขับไล่”
เด็กหญิงมองหน้าย่า และนางกำลังมีความคิดร้ายๆ ในหัว
“ท่านย่ามีวิธี ให้นางออกจากเรือนแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“โอ้ เจ้าเห็นย่าเป็นคนร้ายกาจเพียงนั้น”
ซ่งซินหยานส่ายหน้าช้าๆ และตอบนาง
“มิได้ ท่านย่า ใจดีกับข้าเสมอ แต่...ข้ารู้ว่า คนที่จะมาเป็นสะใภ้สาม หากท่านย่าไม่พอใจ บิดาก็ไม่อาจร่วมเตียงกับนางได้”
เสวียนจิ้งมองหน้าหลานสาวคนโต ยามนี้รู้สึกว่านางใช้คำพูดคำจาเกินวัยไปสักหน่อย ที่เป็นเช่นนี้คงได้มาจากเหล่าลูกสะใภ้คนอื่นๆ ของเสวียนจง ไม่คงเป็นสาวๆ ที่มาติดพันซ่งเฟิงหัว ที่คอยเสี้ยมสอน ให้แก่แดดเกินวัย
“หยานเอ๋อร์ใจกว้างสักหน่อย ให้นางได้พักผ่อนคืนนี้เสียก่อน หากนางเป็นปีศาจจิ้งจอกแสนร้ายกาจ อีกไม่นานหางก็คงโผล่ และบิดาเจ้าเป็นคนฉลาด ไฉนจะเลี้ยงสัตว์เดรัจฉานไว้ในเรือนเล่า”
หญิงสูงวัยกล่าวจบ นางจึงชะเง้อมองออกไปนอกประตู พร้อมกันนั้นก็ส่งเสียงเรียกสาวใช้ให้รีบมาหา เพื่อจะได้วางแผนต่างๆ สำหรับจัดการสตรีที่ลูกชายคนที่สามหอบหิ้วกลับมายังเรือนซ่ง โดยไม่นึกถึงหน้าตา และชื่อเสียงนาง ที่ในอดีตเป็นถึงภรรยาเจ้าเมืองใหญ่