ด้ายแดงร้อยใจ
ปัจจุบัน
เมืองฉิน
ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ จุดที่นางยืนอยู่ แรกเริ่มก็ตั้งใจเปิดการแสดงปาหี่ด้วยการปามีดให้ทุกคนชม ทว่าตลาดดังกล่าว เน้นการซื้อขายของต่างๆ อีกทั้งทางการเมืองฉิน มีการเรียกเก็บภาษีจากผู้มาต่างถิ่นแพงเสียด้วย นางจึงคิดว่าคงได้ไม่คุ้มเสีย
ดังนั้น สิ่งที่ตัดสินใจทำคือ เขียนป้ายขายตน หวังเรียกความสนใจของผู้คน
ความคิดนี้บ้าระห่ำจริงๆ ทว่านางอยากได้เงินสักก้อน มอบแก่ท่านป้ากับท่านลุง ที่ช่วยพานางเดินทางมาจนถึงเมืองฉิน พร้อมให้ข้าวให้น้ำหลายมื้อ ยามนี้ท่านป้าล้มป่วย จึงต้องการเงินซื้อยา ผิดแต่ทั้งสามชีวิต แม้แต่เงินสักอีแปะก็ยังไม่เหลือ
เมื่อหรันอันเจียวเห็นว่าตลาดคึกคัก มีคนขายทั้งวัว ลูกหมู สุนัขป่า ลิง ดังนั้นนางจึงขอให้ท่านลุงเขียนป้ายให้ แล้วป่าวประกาศขายตนเอง
แรกเริ่มมีหนุ่มๆ หลายคนเข้ามาสนใจ ทว่าพอรู้ว่า นางมีแผลเป็นที่แก้มข้างซ้าย ทั้งยังกล้าประกาศขายตนต่อหน้าธารกำนัล หากพวกเขาพาเข้าเรือนก็อาจเป็นตัวอัปมงคล นำพาความโชคร้าย
นอกจากนั้นหรันอันเจียว ยังมีคำถามหนึ่งข้อ หากตอบได้ตรงใจนาง ถึงจะเรียกว่าการซื้อขายสำเร็จ
และก่อนเขียนป้ายขายตนเองที่ตลาดกลางเมืองฉิน หรันอันเจียวรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย วิญญาณนางคล้ายจะหลุดออกจากร่าง อาการดังกล่าว เป็นๆ หายๆ มันเกิดขึ้น นับตั้งนางถูกตู้หลัวเซียวกรีดหน้า!
ครั้งนั้น หญิงสาวแทบเสียสติ หากสุดท้ายก็เป็นคุณชายรองเข้ามาช่วยเหลือ เหตุการณ์ต่อจากนั้นคล้ายถูกลบหายไป นางพลัดตกเขา ซึ่งบาดเจ็บทั้งร่างกาย แขนข้างหนึ่งก็หัก กระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากคณะละครเร่ นางใช้ชีวิตอยู่กับคนกลุ่มใหญ่หลายเดือน เมื่อพวกเขาต้องเดินทางไปเมืองหลวง นางจำใจโบกมือลา
การอยู่ที่คณะการแสดง ทำให้หรันอันเจียวรู้จักการปกปิดแผลที่ข้างแก้ม กระนั้นก็ยังเห็นเป็นรอยลึก วันเวลาผ่านไป หรันอันเจียวยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งนางใช้แป้งปกปิดแผลทุกวันก็จริง ทว่าสิ่งที่เยียวยานางได้คือการยิ้มให้กับโลก
“นับแต่นี้ อารุ่ย จะส่องแสงสว่างให้ตนพบความสุขในทุกๆ วัน” นางบอกตัวเอง และชื่อ ‘รุ่ย’ คือสิ่งยึดเหนี่ยวนางกับโลกที่จากมา
กระนั้น หรันอันเจียวใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย นางมักหวาดผวาต่อบุรุษ ไม่ชอบสบตาคนแปลกหน้า ซึ่งทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อวิญญาณที่มาสวมร่างปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้
และหญิงสาวมาถึงเมืองฉินตอนเช้ามืด ตอนนี้ตกบ่ายแล้ว นางหิวจนท้องร้องโครกคราก และอ่อนเพลียจากการเดินทาง จึงหน้ามืดสลบไป
กระทั่งลืมตื่น ความทรงจำใหม่ๆ ถูกเติมเข้ามา นางรับรู้ว่า หรันอันเจียวคนใหม่ เดินทางมาจากที่ไกลแสนไกล จุดประสงค์ที่มาอยู่ในร่างนี้เพื่อช่วยให้เจ้าของร่างได้มีลมหายใจสืบต่อไป และคงเป็นวาสนาของสตรีจากยุค ปี ค.ศ.20xx กับเจ้าของร่าง ที่เคยเกื้อกูลกันมา
ทว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นการคาดเดาที่ไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อนางได้เห็นบุรุษผู้นั้น ที่มาพร้อมเด็กชายวัยสี่ย่างห้าขวบ และเด็กหญิงร่างผอมสูง หรันอันเจียวจึงแจ้งใจว่า สวรรค์ลิขิตให้นางมาอยู่ตลาดเมืองฉิน ทำเรื่องไร้ยางอาย ให้ผู้คนมองอย่างเหยียดหยามด้วยการขายตนเอง เป็นเงินห้าตำลึงเงิน ก็เพื่อจะได้พบกับซ่งเฟิงหัว
ยามนี้ด้ายแดงได้เริ่มทำหน้าที่ของมันแล้ว เพียงแต่นางกับเขาจะร้อยใจเชื่อมมัดกันไว้ จวบจนชั่วฟ้าดินสลายได้หรือไม่
“พี่สาว เป็นแม่เลี้ยงให้โฉวเกอ สักหนึ่งวันได้ไหมขอรับ”
เสียงเด็กชายที่มายืนอยู่ตรงหน้า ถามขึ้น และเขามองนางตาแป๋ว
“ข้าขายตัวแก่ผู้ที่ต้องการ หากเจ้ามีเงิน เราก็สามารถทำสัญญากันได้”
“มีหนึ่งตำลึงเงิน และบิดาจะจ่ายเพิ่มขอรับ... ไปเป็นมารดาให้ข้าเถอะนะ ที่บ้านต้องการผู้หญิงสาวๆ เพิ่ม ถ้างามด้วยก็ดี อิๆ ๆ ”
ซ่งโม่โฉวบอก แล้วยิ้มหวานให้นาง
ยามนั้นคนเป็นบิดาสืบเท้าเข้ามาใกล้ๆ สีหน้าเขาขรึมเข้ม และไออุ่นจากคนตัวโตแผ่ซ่านมาถึงหรันอันเจียว
หรันอันเจียวใจเต้นแรง อีกฝ่ายคือคนที่นางต้องไขว่คว้าเขาไว้ให้ได้ ทว่านางไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกออกไปให้เขาล่วงรู้
“ลูกโฉว อยากให้เจ้ากลับเรือนไปพร้อมเราทั้งสามคน”
“เมื่อท่านจ่ายห้าตำลึงเงิน ข้าก็พร้อมตามพวกท่านไป แต่นอกจากเงิน ท่านต้องตอบคำถามข้าให้ได้เสียก่อน”
“คำถามอันใด?”
หรันอันเจียวมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้า และเอ่ยช้าชัด
“คุณชายคิดว่า สิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถปกปิดผู้อื่นได้ คือสิ่งใดบ้าง”
ซ่งเฟิงหัวมองนางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขาคิดว่าการที่นางเขียนป้ายขายตน ไม่ใช่เพียงแค่อยากได้เงิน แต่กำลังมองหาบุรุษที่สามารถเป็นหลักยึดให้แก่นาง
ชายหนุ่มขยับริมฝีปาก แล้วถามกลับ
“คำตอบข้า เกี่ยวกับการค้าครั้งนี้ถูกต้องหรือไม่”
หรันอันเจียวพยักหน้าให้เขา
“ดี เช่นนั้นข้าคงตอบว่า ความจน... ความรัก แล้วก็ ความจริง สามสิ่งนี้ ยากที่จะโกหกผู้อื่น”
คำที่เขากล่าว ทำให้หรันอันเจียวยิ้ม และนางเชื่อเหลือเกินว่า การเป็นแม่หลอกๆ ให้ซ่งโม่โฉว คือก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตสตรีผู้นี้ ให้ไม่ต้องเป็นคนเร่ร่อนอีกต่อไป
จากนั้น หรันอันเจียวแบมือ และบอกคนตัวโต
“เมื่อจ่ายเงินให้ข้าแล้ว ท่านจะได้หนังสือสัญญาถือไว้หนึ่งฉบับ”
ซ่งเฟิงหัวยิ้มบางๆ ก่อนตอบนาง
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ชอบผูกมัดผู้ใด อีกอย่าง ข้าซื้อเจ้าก็เพื่อลูกโฉว ส่วนเรื่องอื่นๆ ไว้ถึงเรือน เราต้องตกลงให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา”
“คุณชายเป็นคนรอบคอบ”
“เรียกข้าว่า หัวเกอเถิด ข้าไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่ไหน”
หรันอันเจียวยิ้มอีกหน และเอ่ยอ้อมแอ้มว่า
“ขะ ข้า คือ อารุ่ย ชื่อกับแซ่ที่แท้จริงลืมไปแล้ว ตั้งแต่รอดตายมาได้ ข้าก็เป็นอารุ่ย คนอัปลักษณ์” นางว่าอย่างถ่อมตน
และเป็นตอนนั้นที่ซ่งโม่โฉว ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“ต่อจากนี้ พี่สาวก็เป็นท่านแม่ของข้าแล้วใช่ไหม เย้... เป็นแม่ของโฉวเกอนะขอรับ เดี๋ยวจะแบ่งของให้กินเยอะๆ”
เด็กชายยิ้มให้หญิงสาว และล้วงเข้าไปในอกเสื้อ เขาได้น้ำตาลกรวดเม็ดโต เมื่อกำลังจะส่งให้หรันอันเจียว ท้องนางก็ส่งเสียงร้องดังโครกคราก
“ก่อนกลับบ้าน พ่อจะซื้อซาลาเปาปลาเค็มให้พวกเจ้าทุกคน รวมถึงเอ่อ... อารุ่ยด้วย”
ดวงตากลมโตมองชายหนุ่ม ภาพเขาประทับอยู่ในใจ
หรันอันเจียว
“ขอบคุณหัวเกอ...” นางบอกเขา
ซึ่งไม่ทันที่ทุกคนจะขยับไปไหน ซ่งซินหยานก็ส่งเสียงสูงๆ ว่า
“บิดาข้า นอนคนเดียวมานาน ที่เรือนของเราก็คับแคบ เช่นนั้นเจี่ยรุ่ย*(พี่สาวรุ่ย) คงต้องนอนโรงเก็บฟื้น เช่นนี้ถูกต้องหรือไม่”
หรันอันเจียวไม่ถือสาอันใดอยู่แล้ว นางแค่อยากมีบุรุษสักคนปกป้อง และไม่ต้องนอนในบ้านร้าง หรือตามผู้อื่นไปทั่วแคว้นจ้าวอย่างที่ผ่านมา
ฝ่ายซ่งโม่โฉวยกมือขึ้นทั้งสองข้าง และเสนอความคิดว่า
“นางเป็นท่านแม่ข้า ต้องนอนกับข้าซี... ถูกไหมขอรับท่านพ่อ”
ยามนั้นคนเป็นพ่อไม่ได้แสดงท่าทางลำบากใจอันใด เขารู้สึกสนุกเสียด้วยซ้ำ
“คืนนี้ให้นางนอนข้างห้องครัวไปก่อน ห้องเก็บฟื้นชื้น และอากาศเย็นเกินไป”
เมื่อซ่งเฟิงหัวตอบเช่นนั้น เด็กชายเลยหัวเราะชอบใจ ก่อนบอกหรันอันเจียวว่า
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ถ้ากลัวผี โฉวเกอจะไปนอนเป็นเพื่อนนะขอรับ”
หรันอันเจียวยิ้มให้เด็กชาย พอทุกคนก้าวออกไปจากจุดนั้น มือน้อยๆ จึงจับมือนาง และแกว่งไปมา
“คืนนี้ โฉวเกอจะไม่ต้องฝันถึงท่านแม่อีกแล้ว... ดีใจที่สุด ท่านแม่รุ่ยคนสวย...เป็นเทพธิดามาเกิดใช่หรือไม่”
สำหรับซ่งโม่โฉว เขาเห็นว่า หรันอันเจียวงดงามจริงๆ แม้จะมีรอยแผลลึกคล้ายลักยิ้มขนาดใหญ่ฝังอยู่บริเวณแก้มข้างซ้าย แต่เขาไม่สนใจ ด้วยหรันอันเจียว ดูเป็นคนใจดี และแวบหนึ่งเขาเห็นบิดามักมองนางด้วยสายตาซุกซนอยู่สักหน่อย สายตาเดียวกันนี้ เหมือนยามที่เขา มองเด็กผู้หญิงที่แอบชอบ และมักจะหาเรื่องแกล้งหรือล้อเลียนแม่นางน้อย!!