“แหม่ ตั้งแต่โสดอีกรอบเนี่ย เสื้อผ้ามันหดขึ้นเยอะเลยนะ”
เสียงของญาณีเอ่ยแซวผู้เป็นเพื่อนอย่างพราวมุกที่กำลังเดินออกมาจากภายในห้องนอนของตัวเองหลังจากหายเข้าไปแต่งตัวนานสองนานภายในนั้น โดยทิ้งให้เธอกับกชมนที่อาบน้ำแต่ตัวไปก่อนหน้านี้แล้วนั่งรออยู่หน้าห้อง
เหตุที่เธอต้องถึงกับหลุดปากพูดออกมาก็เพราะพราวมุกนั้นใส่เกาะอกตัวสั้นโชว์สะดือกับกระโปรงยีนส์ที่ก็สั้นจนเกือบเห็นแก้มก้น ควงคู่มากับรองเท้าส้นเข็มที่แหลมจนแทบจะทิ่มตาคนมองอย่างเธอจนบอด
เป็นชุดที่ไม่ได้ลงทุนด้วยงบประมาณอะไรที่มากมายนักตามสไตล์คนรายได้อย่างพราวมุก แต่ดูร้อนแรงเกินเงินไปมากจนเธออดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ต่อให้ไม่โสดฉันก็เปรี้ยวเสมอย่ะ”
พราวมุกหมุนตัวให้เพื่อนทั้งสองของเธอดูไปอีกรอบเพื่ออวดชุดอันแสนเซ็กซี่กับคำปฏิญาณตนที่เธอนั้นมักพูดเสมอ
เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอได้แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน ผู้ชายคนนั้นจะต้องตามใจเธอทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัวยั่วยวนเสือและจระเข้แบบนี้
ด้วยเธอนั้นไม่คิดจะเปลี่ยนอะไรเลยในตัวเองเมื่อต้องครองคู่กับใครสักคน เธอคิดจะเป็นตัวของตัวเองแบบนี้เพื่อจะได้อยู่อย่างมีความสุขกับคนที่รักเธอหมดหัวใจ
ไม่ใช่ทำตัวเป็นสาวเรียบร้อยเอาใจสามีเหมือนอย่างเพื่อนของเธอทั้งสอง ที่แม้จะไปเที่ยวผับปล่อยแก่กันทั้งทีก็ได้ใส่แค่ชุดเดรสยาวคลุมเข่าเท่านั้น
“โอ๊ย อิจฉา”
กชมนถึงกับต้องก้มดูการแต่งตัวของตัวเองที่เหมือนกับคุณครูระเบียบไปไล่จับเด็กที่ผับ มันช่างดูต่างจากพราวมุกโดยสิ้นเชิง
แต่ก็นับว่าเป็นชุดเดรสที่สั้นที่สุดที่เธอมีอยู่ภายในตู้แล้วนะถึงมันจะยาวคลุมไปถึงเข่าก็เหอะ เพราะชุดปกติของเธอคือกางเกงขาวยาวเท่านั้นไม่ใช่ชุดเปิดชายอะไรแบบนี้หรอก
“ไปๆ ออกรถได้แล้ว ป้าพร้อมจะไปปล่อยแก่แล้ว”
พราวมุกเห็นว่าเพื่อนนั้นกำลังมีความทุกข์ใจเล็กๆ เกิดขึ้นกันอยู่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องในทันที
เธอรีบหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมา แล้วก็รีบวิ่งออกไปที่รถของกชมนที่จอดรออยู่ตรงหน้าบ้าน
“ไปกันเลย วู้ๆ”
ตามด้วยคนขับรถอย่างกชมน และเจ้าภาพในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดวันนี้อย่างญาณี
ทั้งสามรีบวิ่งไปขึ้นรถในทันที ด้วยท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วพวกเธอต้องรีบเพราะยังต้องขับรถกันอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงผับที่อยู่ในตัวเมือง
ถึงพวกเธอจะมีเวลาอยู่ที่ผับกันทั้งคืนเพราะต่างขออนุญาตสามีกันมาแล้ว แต่ก็ไม่ควรไปช้าเพราะประเดี๋ยวโต๊ะประจำจะมีคนมาแย่งไปนั่ง
เมื่อมาถึงยังผับที่ตั้งอยู่กลางเมือง พราวมุกก็เป็นฝ่ายเปิดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเพื่อนๆ เลย
เธอดื่มแบบเหมือนกระหาย ดื่มเหมือนหิวข้าวมาจากบ้าน เพราะความคอแห้งจากอาการแฮงค์ที่ต้องการการถอนมาตั้งแต่บ่ายนู้น
“เบาได้เบาวะเพื่อน เดี๋ยวก็เมาก่อนผับปิดหรอก”
ญาณีที่ไม่ใช่นักดื่มเอ่ยเตือนเพื่อน เพราะเห็นว่าเพื่อนนั้นมีแววว่ากำลังเริ่มเมาทั้งที่เพิ่งจะมาถึงผับแค่ครึ่งชั่วโมงเอง
เธอไม่อยากให้เพื่อนนั้นรีบเมาเพราะประเดี๋ยวอาจจะต้องรีบกลับแล้วเธออาจพลาดเวลาที่จะนั่งชิวแบบนี้โดยไม่ต้องมีลูกกับผัวมากวนใจ
“นี่เขาเรียกว่าน้ำจิ้ม ฉันไม่มีทางเมาเพราะไอ้แก้วเล็กๆ นี่หรอก”
พราวมุกตอบออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเธอจะไม่มีวันแพ้ไอ้แก้วเล็กๆ ที่กำลังยกดื่มอยู่แน่นอน ด้วยเธอดื่มมันมากนักต่อนักแล้ว
ถึงจะไม่ใช่พวกคอแข็งอะไร แต่ว่าไอ้พวกแก้วเล็กๆ มันก็อ่อนมากๆ แทบไม่มีกลิ่นเหล้าเลยมีแต่กลิ่นผลไม้
“พราวๆ”
กชมนที่ลุกขึ้นไปเกาะราวของขอบกันเพื่อยืนดูด้านล่างของผับนานสองนานแล้ววิ่งกลับมาที่โต๊ะของตัวเองเพื่อหยิบเครื่องดื่มแก้วใหม่ไป พร้อมกับเรียกพราวมุกเพื่อบอกเล่าสิ่งที่เธอนั้นไปเห็นมา
“ว่าไงยัยรุ้ง”
พราวมุกตั้งท่าหูผึงไปทางกชมนที่มักนำเรื่องดีๆ มาบอกเล่าให้กับเธอเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของผู้ชาย
“ข้างล่างหนุ่มๆ เพียบ เต้นกันอย่างมันส์ น่าลงไปชะมัดเลย”
กชมนตั้งท่ากระซิบกระซาบไปที่หูของพราวมุก เพื่อไม่ให้เพื่อนนักห้ามอย่างญาณีได้ยิน
เพราะถ้ารายนั้นมาได้ยินเข้าก่อน คงมีแต่การห้ามเกิดขึ้น พราวมุกกับเธอคงไม่ได้ไปแจ้งเกิดข้างล่างด้วยกันอย่างแน่นอน
“จริงเหรอ”
ด้วยความโสดและโหยหาที่จะมีผู้ชายสักคนข้างกายมาโดยตลอดทำให้พราวมุกถึงกับตาโตเท่าไข่ห่านขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
สองมือดึงเกาะอกขึ้นเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะลงไปข้างล่าง
แล้วก็ด้วยความรวดเร็ว พราวมุกลุกพรวดออกไปอย่างไม่ต้องบอกใครให้ได้รับรู้
“เดี๋ยวดิ รอด้วย”
กชมนที่เพิ่งจะหย่อนก้นลงมานั่งรีบตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินตามพราวมุกไป
เพราะเธอก็เล็งเอาไว้หลายคนเหมือนกันตอนที่ไปยืนดูมาเมื่อตะกี้นี้
“มึงไม่ต้องไป นั่งอยู่กับกูตรงนี้ เดี๋ยวก็โดนผัวเตะตายหรอก”
ญาณีดึงเพื่อนให้นั่งลง เพราะถ้ากชมนเดินไปข้างล่างเมื่อไหร่ความซวยจะเริ่มมาเยือนเมื่อนั้น
สามีของกชมนจะต้องรู้เรื่องอย่างรวดเร็วแน่ๆ เพราะรายนั้นมีสายไว้สอดส่องเมียไปทั่วจังหวัด
“เออวะ”
เมื่อถูกเตือนสติ กชมนก็นั่งลงตามเดิมแล้วก็ดื่มพวกเหล้าแก้วเล็กๆ ที่พราวมุกทิ้งเอาไว้ให้
ไม่คิดจะเดินลงไปชั้นล่างอีก เพราะสามีของเธอมันไม่ธรรมดา ไม่ควรไปลองดีด้วย
“เดี๋ยวยัยพราวก็ขึ้นมาเอง มันไม่ชอบเด็กๆ มันอยู่ไม่นานหรอก”
ญาณีปลอบใจเพื่อนไปพลางก็หันไปมองพวกหนุ่มๆ ที่เดินขึ้นมาปลีกวิเวกที่ชั้นสองไปพราง
ด้วยเธอเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรมากไปกว่าการนั่งมอง เพราะสามีของเธอก็ไม่ต่างจากสามีของกชมน
“โห มีแต่เด็ก นี่เขาฉลองโรงเรียนปิดกันหรือไง”
พราวมุกลงมาถึงด้านล่างก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างดัง
เมื่อชั้นล่างของผับนั้นที่เป็นลานเต้นกว้างขนาดใหญ่มีแต่เด็กราวกับที่ผับแห่งนี้เปิดเป็นโรงเรียน
“หลบหน่อยครับป้า ผมจะเข้าไปข้างใน”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของพราวมุกที่ยังถอนหายใจไม่ทันจบดี
พร้อมกับยกมือขึ้นมาสะกิดให้เธอนั้นหลบทางไป
“เชิญย่ะ”
หญิงสาวไม่พอใจนักที่ถูกเรียกแบบนั้น แต่เพราะความตัวเล็กและเตี้ยแม้จะใส่ส้นสูงแล้วก็ตามทำให้ต้องหลับเด็กที่ตัวโตเกือบเท่าควายไปอย่างไม่มีทางเลือก
เพราะถ้าขืนยืนขวางทางเอาไว้แล้วล่ะก็ เธออาจถูกชนหงายท้องตายไปแล้วก็ได้
“ขอบคุณครับป้า”
เด็กชายไม่ลืมยกมือไหว้อย่างคนมีมารยาทก่อนจะเดินจากไป
“ไอ้พวกเด็กปากหมา อุ๊บ ไอ้บ้าเดินยังไงให้มาชนฉันเนี่ย”
พราวมุกด่าไล่หลังเด็กพวกนั้นไปด้วยที่กล้าดีมาเรียกเธอว่าป้าทั้งที่เธอก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นแค่เกือบเท่าแม่ของเด็กพวกนั้นเอง
พร้อมกับถอยหลังเดินไปด้วยเพราะสถานที่มันแคบคนก็เยอะทำให้เธอนั้นยังกลับหน้าเดินไม่ได้
แล้วก็ไปชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่น่าจะสูงใหญ่พอสมควรจนต้องหยุดถอยหลัง
“ขอโทษครับ”
สองแขนแกร่งโอบไปที่ตัวของหญิงสาวที่เขามาชนเข้ากับเขาเพื่อไม่ให้เธอล้มลงไป
ริมฝีปากหนาหยักได้รูปนั้นเอ่ยขอโทษเธอออกมาอย่างชัดเจนแสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่มีอยู่เต็มตัว
“ชื่ออะไรอ่ะเราน่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงของคนที่เธอถอยหลังเข้าไปชนเขา พราวมุกก็รีบหันหน้าไปดูหน้าเขาในทันที
แล้วเธอก็ถามคำถามแรกกับเขาอย่างไม่ลังเลและไม่สนว่าเขาจะเด็กเกินสเปคของเธอไปมากก็ตาม ด้วยเขานั้นหล่อมาก หล่อแบบวัวตายควายล้มแถมดูจะเป็นลูกครึ่งอีกด้วย
“สกายครับ”
ชายหนุ่มยังคงตอบกลับอย่างสุภาพ เพราะเขากำลังถูกผู้ใหญ่ตั้งคำถามอยู่ เขาเป็นเด็กก็ควรจะเปิดปากพูดไม่ควรจะเสียมารยาท
“ขอพี่เรียกฟ้าได้ไหม”
หญิงสาวพลิกตัวหันหน้ากลับไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วก็เข้าไปนัวเนียอย่างไม่สนว่าจะมีใครมองเธอไหม
เหมือนกับว่าโอกาสจะได้เขามาเป็นของเธอมาถึงแล้ว เธอจะไม่ปล่อยให้คนหล่อหลุดมือไป
“ครับ”
เขายังคงสุภาพกับเธอที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา ไม่ได้เอ่ยขัดคออะไร
“ไปเต้นกันหน่อยไหม”
มือบางที่หยาบกระด้างเพราะตรางานหนักในฟาร์มโคนมแทบทุกวันจับรวมมือหนาที่แสนนิ่มราวกับมือของเทพบุตรขึ้นมา
แล้วดึงเขาเข้าไปในวงของการเต้นที่มีแต่ผู้คนเบียดเสียดกันเต็มไปหมด
“พอดีผมมากับเพื่อน”
สกายเริ่มขัดขืนไม่ยอมจะเดินเข้าไปข้างในด้วยเขามีเพื่อนรออยู่ที่โต๊ะ
เขาไม่ว่างพอจะไปส่งผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเหงาเข้าไปเต้นที่ด้านในนั้น
“ก็ช่างหัวเพื่อนมันซิ มาเร็ว”
พราวมุกทั้งฉุดทั้งกระชากให้หนุ่มน้อยแสนหล่อนั้นไปกับเธอ
แล้วเธอก็ทำสำเร็จพาเขาเข้าไปเต้นด้วยกันด้านในที่ต้องเบียดๆ กันเต้นได้สำเร็จ