ขอโทษครับป้า

1796 Words
“แหม่ ตั้งแต่โสดอีกรอบเนี่ย เสื้อผ้ามันหดขึ้นเยอะเลยนะ” เสียงของญาณีเอ่ยแซวผู้เป็นเพื่อนอย่างพราวมุกที่กำลังเดินออกมาจากภายในห้องนอนของตัวเองหลังจากหายเข้าไปแต่งตัวนานสองนานภายในนั้น โดยทิ้งให้เธอกับกชมนที่อาบน้ำแต่ตัวไปก่อนหน้านี้แล้วนั่งรออยู่หน้าห้อง เหตุที่เธอต้องถึงกับหลุดปากพูดออกมาก็เพราะพราวมุกนั้นใส่เกาะอกตัวสั้นโชว์สะดือกับกระโปรงยีนส์ที่ก็สั้นจนเกือบเห็นแก้มก้น ควงคู่มากับรองเท้าส้นเข็มที่แหลมจนแทบจะทิ่มตาคนมองอย่างเธอจนบอด เป็นชุดที่ไม่ได้ลงทุนด้วยงบประมาณอะไรที่มากมายนักตามสไตล์คนรายได้อย่างพราวมุก แต่ดูร้อนแรงเกินเงินไปมากจนเธออดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ต่อให้ไม่โสดฉันก็เปรี้ยวเสมอย่ะ” พราวมุกหมุนตัวให้เพื่อนทั้งสองของเธอดูไปอีกรอบเพื่ออวดชุดอันแสนเซ็กซี่กับคำปฏิญาณตนที่เธอนั้นมักพูดเสมอ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอได้แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตน ผู้ชายคนนั้นจะต้องตามใจเธอทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัวยั่วยวนเสือและจระเข้แบบนี้ ด้วยเธอนั้นไม่คิดจะเปลี่ยนอะไรเลยในตัวเองเมื่อต้องครองคู่กับใครสักคน เธอคิดจะเป็นตัวของตัวเองแบบนี้เพื่อจะได้อยู่อย่างมีความสุขกับคนที่รักเธอหมดหัวใจ ไม่ใช่ทำตัวเป็นสาวเรียบร้อยเอาใจสามีเหมือนอย่างเพื่อนของเธอทั้งสอง ที่แม้จะไปเที่ยวผับปล่อยแก่กันทั้งทีก็ได้ใส่แค่ชุดเดรสยาวคลุมเข่าเท่านั้น “โอ๊ย อิจฉา” กชมนถึงกับต้องก้มดูการแต่งตัวของตัวเองที่เหมือนกับคุณครูระเบียบไปไล่จับเด็กที่ผับ มันช่างดูต่างจากพราวมุกโดยสิ้นเชิง แต่ก็นับว่าเป็นชุดเดรสที่สั้นที่สุดที่เธอมีอยู่ภายในตู้แล้วนะถึงมันจะยาวคลุมไปถึงเข่าก็เหอะ เพราะชุดปกติของเธอคือกางเกงขาวยาวเท่านั้นไม่ใช่ชุดเปิดชายอะไรแบบนี้หรอก “ไปๆ ออกรถได้แล้ว ป้าพร้อมจะไปปล่อยแก่แล้ว” พราวมุกเห็นว่าเพื่อนนั้นกำลังมีความทุกข์ใจเล็กๆ เกิดขึ้นกันอยู่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องในทันที เธอรีบหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมา แล้วก็รีบวิ่งออกไปที่รถของกชมนที่จอดรออยู่ตรงหน้าบ้าน “ไปกันเลย วู้ๆ” ตามด้วยคนขับรถอย่างกชมน และเจ้าภาพในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดวันนี้อย่างญาณี ทั้งสามรีบวิ่งไปขึ้นรถในทันที ด้วยท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วพวกเธอต้องรีบเพราะยังต้องขับรถกันอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงผับที่อยู่ในตัวเมือง ถึงพวกเธอจะมีเวลาอยู่ที่ผับกันทั้งคืนเพราะต่างขออนุญาตสามีกันมาแล้ว แต่ก็ไม่ควรไปช้าเพราะประเดี๋ยวโต๊ะประจำจะมีคนมาแย่งไปนั่ง เมื่อมาถึงยังผับที่ตั้งอยู่กลางเมือง พราวมุกก็เป็นฝ่ายเปิดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเพื่อนๆ เลย เธอดื่มแบบเหมือนกระหาย ดื่มเหมือนหิวข้าวมาจากบ้าน เพราะความคอแห้งจากอาการแฮงค์ที่ต้องการการถอนมาตั้งแต่บ่ายนู้น “เบาได้เบาวะเพื่อน เดี๋ยวก็เมาก่อนผับปิดหรอก” ญาณีที่ไม่ใช่นักดื่มเอ่ยเตือนเพื่อน เพราะเห็นว่าเพื่อนนั้นมีแววว่ากำลังเริ่มเมาทั้งที่เพิ่งจะมาถึงผับแค่ครึ่งชั่วโมงเอง เธอไม่อยากให้เพื่อนนั้นรีบเมาเพราะประเดี๋ยวอาจจะต้องรีบกลับแล้วเธออาจพลาดเวลาที่จะนั่งชิวแบบนี้โดยไม่ต้องมีลูกกับผัวมากวนใจ “นี่เขาเรียกว่าน้ำจิ้ม ฉันไม่มีทางเมาเพราะไอ้แก้วเล็กๆ นี่หรอก” พราวมุกตอบออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเธอจะไม่มีวันแพ้ไอ้แก้วเล็กๆ ที่กำลังยกดื่มอยู่แน่นอน ด้วยเธอดื่มมันมากนักต่อนักแล้ว ถึงจะไม่ใช่พวกคอแข็งอะไร แต่ว่าไอ้พวกแก้วเล็กๆ มันก็อ่อนมากๆ แทบไม่มีกลิ่นเหล้าเลยมีแต่กลิ่นผลไม้ “พราวๆ” กชมนที่ลุกขึ้นไปเกาะราวของขอบกันเพื่อยืนดูด้านล่างของผับนานสองนานแล้ววิ่งกลับมาที่โต๊ะของตัวเองเพื่อหยิบเครื่องดื่มแก้วใหม่ไป พร้อมกับเรียกพราวมุกเพื่อบอกเล่าสิ่งที่เธอนั้นไปเห็นมา “ว่าไงยัยรุ้ง” พราวมุกตั้งท่าหูผึงไปทางกชมนที่มักนำเรื่องดีๆ มาบอกเล่าให้กับเธอเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของผู้ชาย “ข้างล่างหนุ่มๆ เพียบ เต้นกันอย่างมันส์ น่าลงไปชะมัดเลย” กชมนตั้งท่ากระซิบกระซาบไปที่หูของพราวมุก เพื่อไม่ให้เพื่อนนักห้ามอย่างญาณีได้ยิน เพราะถ้ารายนั้นมาได้ยินเข้าก่อน คงมีแต่การห้ามเกิดขึ้น พราวมุกกับเธอคงไม่ได้ไปแจ้งเกิดข้างล่างด้วยกันอย่างแน่นอน “จริงเหรอ” ด้วยความโสดและโหยหาที่จะมีผู้ชายสักคนข้างกายมาโดยตลอดทำให้พราวมุกถึงกับตาโตเท่าไข่ห่านขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สองมือดึงเกาะอกขึ้นเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะลงไปข้างล่าง แล้วก็ด้วยความรวดเร็ว พราวมุกลุกพรวดออกไปอย่างไม่ต้องบอกใครให้ได้รับรู้ “เดี๋ยวดิ รอด้วย” กชมนที่เพิ่งจะหย่อนก้นลงมานั่งรีบตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินตามพราวมุกไป เพราะเธอก็เล็งเอาไว้หลายคนเหมือนกันตอนที่ไปยืนดูมาเมื่อตะกี้นี้ “มึงไม่ต้องไป นั่งอยู่กับกูตรงนี้ เดี๋ยวก็โดนผัวเตะตายหรอก” ญาณีดึงเพื่อนให้นั่งลง เพราะถ้ากชมนเดินไปข้างล่างเมื่อไหร่ความซวยจะเริ่มมาเยือนเมื่อนั้น สามีของกชมนจะต้องรู้เรื่องอย่างรวดเร็วแน่ๆ เพราะรายนั้นมีสายไว้สอดส่องเมียไปทั่วจังหวัด “เออวะ” เมื่อถูกเตือนสติ กชมนก็นั่งลงตามเดิมแล้วก็ดื่มพวกเหล้าแก้วเล็กๆ ที่พราวมุกทิ้งเอาไว้ให้ ไม่คิดจะเดินลงไปชั้นล่างอีก เพราะสามีของเธอมันไม่ธรรมดา ไม่ควรไปลองดีด้วย “เดี๋ยวยัยพราวก็ขึ้นมาเอง มันไม่ชอบเด็กๆ มันอยู่ไม่นานหรอก” ญาณีปลอบใจเพื่อนไปพลางก็หันไปมองพวกหนุ่มๆ ที่เดินขึ้นมาปลีกวิเวกที่ชั้นสองไปพราง ด้วยเธอเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรมากไปกว่าการนั่งมอง เพราะสามีของเธอก็ไม่ต่างจากสามีของกชมน “โห มีแต่เด็ก นี่เขาฉลองโรงเรียนปิดกันหรือไง” พราวมุกลงมาถึงด้านล่างก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างดัง เมื่อชั้นล่างของผับนั้นที่เป็นลานเต้นกว้างขนาดใหญ่มีแต่เด็กราวกับที่ผับแห่งนี้เปิดเป็นโรงเรียน “หลบหน่อยครับป้า ผมจะเข้าไปข้างใน” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของพราวมุกที่ยังถอนหายใจไม่ทันจบดี พร้อมกับยกมือขึ้นมาสะกิดให้เธอนั้นหลบทางไป “เชิญย่ะ” หญิงสาวไม่พอใจนักที่ถูกเรียกแบบนั้น แต่เพราะความตัวเล็กและเตี้ยแม้จะใส่ส้นสูงแล้วก็ตามทำให้ต้องหลับเด็กที่ตัวโตเกือบเท่าควายไปอย่างไม่มีทางเลือก เพราะถ้าขืนยืนขวางทางเอาไว้แล้วล่ะก็ เธออาจถูกชนหงายท้องตายไปแล้วก็ได้ “ขอบคุณครับป้า” เด็กชายไม่ลืมยกมือไหว้อย่างคนมีมารยาทก่อนจะเดินจากไป “ไอ้พวกเด็กปากหมา อุ๊บ ไอ้บ้าเดินยังไงให้มาชนฉันเนี่ย” พราวมุกด่าไล่หลังเด็กพวกนั้นไปด้วยที่กล้าดีมาเรียกเธอว่าป้าทั้งที่เธอก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นแค่เกือบเท่าแม่ของเด็กพวกนั้นเอง พร้อมกับถอยหลังเดินไปด้วยเพราะสถานที่มันแคบคนก็เยอะทำให้เธอนั้นยังกลับหน้าเดินไม่ได้ แล้วก็ไปชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่น่าจะสูงใหญ่พอสมควรจนต้องหยุดถอยหลัง “ขอโทษครับ” สองแขนแกร่งโอบไปที่ตัวของหญิงสาวที่เขามาชนเข้ากับเขาเพื่อไม่ให้เธอล้มลงไป ริมฝีปากหนาหยักได้รูปนั้นเอ่ยขอโทษเธอออกมาอย่างชัดเจนแสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่มีอยู่เต็มตัว “ชื่ออะไรอ่ะเราน่ะ” เมื่อได้ยินเสียงของคนที่เธอถอยหลังเข้าไปชนเขา พราวมุกก็รีบหันหน้าไปดูหน้าเขาในทันที แล้วเธอก็ถามคำถามแรกกับเขาอย่างไม่ลังเลและไม่สนว่าเขาจะเด็กเกินสเปคของเธอไปมากก็ตาม ด้วยเขานั้นหล่อมาก หล่อแบบวัวตายควายล้มแถมดูจะเป็นลูกครึ่งอีกด้วย “สกายครับ” ชายหนุ่มยังคงตอบกลับอย่างสุภาพ เพราะเขากำลังถูกผู้ใหญ่ตั้งคำถามอยู่ เขาเป็นเด็กก็ควรจะเปิดปากพูดไม่ควรจะเสียมารยาท “ขอพี่เรียกฟ้าได้ไหม” หญิงสาวพลิกตัวหันหน้ากลับไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วก็เข้าไปนัวเนียอย่างไม่สนว่าจะมีใครมองเธอไหม เหมือนกับว่าโอกาสจะได้เขามาเป็นของเธอมาถึงแล้ว เธอจะไม่ปล่อยให้คนหล่อหลุดมือไป “ครับ” เขายังคงสุภาพกับเธอที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา ไม่ได้เอ่ยขัดคออะไร “ไปเต้นกันหน่อยไหม” มือบางที่หยาบกระด้างเพราะตรางานหนักในฟาร์มโคนมแทบทุกวันจับรวมมือหนาที่แสนนิ่มราวกับมือของเทพบุตรขึ้นมา แล้วดึงเขาเข้าไปในวงของการเต้นที่มีแต่ผู้คนเบียดเสียดกันเต็มไปหมด “พอดีผมมากับเพื่อน” สกายเริ่มขัดขืนไม่ยอมจะเดินเข้าไปข้างในด้วยเขามีเพื่อนรออยู่ที่โต๊ะ เขาไม่ว่างพอจะไปส่งผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเหงาเข้าไปเต้นที่ด้านในนั้น “ก็ช่างหัวเพื่อนมันซิ มาเร็ว” พราวมุกทั้งฉุดทั้งกระชากให้หนุ่มน้อยแสนหล่อนั้นไปกับเธอ แล้วเธอก็ทำสำเร็จพาเขาเข้าไปเต้นด้วยกันด้านในที่ต้องเบียดๆ กันเต้นได้สำเร็จ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD