“โอ๊ย!....” เสียงอุทานพร้อมเสียงวัตถุบางอย่างตกกระแทกพื้น แถมยังเป็นสาเหตุให้สายตาหลายสิบคู่บริเวณหน้าลิฟต์หันไปมองเป็นจุดเดียวกัน
“ก้นฉัน! ระบมแน่ ๆ” บ่นออกมาไม่เบานักเนื่องจากเข้าใจว่าตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก คงไม่มีใครขยันมาทำงานตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้แน่
“เด็กนี่ใคร? เข้ามาในบริษัทเราได้ยังไง” เสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้ร่างบางที่นั่งบ่นอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมอง พลันเมื่อสายตาเหลือบเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบตัวก็ต้องเบิกตาค้าง อ้าปากกว้างด้วยความตกใจปนแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ จะปรากฏตัวพร้อมเพรียงกันในเวลาเช้า ๆ อย่างนี้
“เอ่อ...ไม่ทราบค่ะท่าน ดิฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” หญิงสาวร่างอวบที่ยืนประสานมือ ก้มหน้าอยู่ด้านข้างรีบกล่าวตอบเจ้าของคำถามก่อนหน้า
“นี่! เธอเป็นใคร เข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง แล้วใครอนุญาตให้เธอใช้ลิฟต์ของผู้บริหาร” สาวร่างอวบคนเดิม หันมากระซิบถามร่างบางที่ยังไม่กล้าขยับตัว
“เอ่อ...” กำลังจะเอ่ยปากตอบคำถาม แต่เสียงฮือฮาที่อยู่รอบตัวก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน กลุ่มคนที่ยืนรอบตัวเธอเมื่อครู่ ค่อย ๆ ขยับออกไปยืนด้านข้าง แยกออกเป็นสองฝั่งเพื่อหลีกทางให้กับบุรุษร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมคณะผู้ติดตามกลุ่มใหญ่
เขาคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าชายสูงอายุซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประธานบริหารสาขาประจำประเทศไทย
“เจอกันที่ห้องประชุม!” เสียงเข้มกังวานเอ่ยออกมาจากบุรุษร่างสูงที่เดินนำหน้าคณะผู้ติดตามทั้งหลาย ส่งผลให้ท่านประธานประจำสาขาประเทศไทยต้องเหงื่อตก เพราะไม่เพียงน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจเท่านั้น สายตาคมที่มองจ้องมาอย่างคาดโทษไม่อาจปกปิดได้เลยว่างานนี้ คงต้องมีคำอธิบายกันยาวทีเดียว
เจ้าของเสียงเข้มดุกังวานทิ้งถ้อยคำชวนขนลุกไว้เพียงเท่านั้นก็หันหลังออกเดินตามคนสนิทไป โดยไม่สนใจจะเอ่ยทักทายใครที่ยืนอยู่บริเวณนั้นให้เสียเวลา
“เรียกทุกคนที่เกี่ยวข้อง เข้าห้องประชุมเล็กด่วนเลยคุณนิด” น้ำเสียงร้อนรนสั่นเทา หันมาสั่งเลขาที่ยืนรอรับคำสั่งข้างตัวเสร็จ คุณวินิจ เหมวิภาค ประธานบริหารสาขาประจำประเทศไทย ก็รีบเดินตามกลุ่มคนที่เดินนำหน้าไปด้วยความรีบร้อน
เนื่องจากไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า นายใหญ่แห่งอาณาจักรมาเวลราจ จะเดินทางมาถึงก่อนเวลาที่แจ้งมาในอีเมล นี่ขนาดเขานัดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาเตรียมความพร้อมก่อนเวลา แต่ก็ยังช้ากว่าอีกฝ่ายอยู่ดี
หลังจากลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบตัว พากันเดินตามกลุ่มชายร่างยักษ์นั่นไปด้วยความเร่งรีบ ร่างบางที่นั่งกองเป็นเศษอะไรสักอย่างอยู่กับพื้นพร้อมเปลือกตาเบิกกว้างกะพริบขึ้นลงปริบ ๆ อย่างงงวย ริมฝีปากอ้าค้างเม้มเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“นี่มันวันอะไรเนี่ย ผู้คนวุ่นวายกันแต่เช้า กลับไปนอนต่อดีกว่า” พยุงกายลุกขึ้น แล้วก้าวเดินกลับเข้าไปในลิฟต์ที่ส่งสัญญาณเปิดประตู เพื่อลงไปยังห้องทำงานซึ่งเธออาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนมาสามวันสามคืนเต็ม ๆ
สองขาเรียวก้าวเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนัก ภายในมีโต๊ะทำงานอยู่ตามมุมห้องทั้งสี่มุม มีฉากกั้นเป็นสัดส่วนชัดเจน
โต๊ะทำงานแต่ละตัว มีกระดาษและเอกสารมากมายวางสุมกันอยู่ไม่ต่างจากกองขยะ
ร่างอ่อนล้าของหญิงสาวเจ้าของห้อง ณ ขณะนี้ เดินไปหยุดยืนหลังโต๊ะทำงานหลังสุดของมุมห้อง ย่อตัวลงมุดเข้าไปใต้โต๊ะซึ่งตอนนี้มีเครื่องนอน หมอน ผ้าห่มผืนหนาที่ตนเพิ่งลุกจากไปเมื่อไม่นานมานี้ ศีรษะทุยสวยเอนลงบนหมอนใบเล็กที่ผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน สองมือดึงผ้าห่มขึ้นคลุมปิดกระทั่งศีรษะ ดวงตาหม่นค่อย ๆ ปิดลงพร้อมเสียงหายใจสม่ำเสมอดังออกมาแผ่วเบาและสม่ำเสมอในที่สุด
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างอันดับหนึ่งของโลก สาขาประเทศไทย บรรยากาศในขณะนี้ไม่ต่างจากห้องเตรียมการประหารนักโทษคดีอุกฉกรรจ์เลยสักนิด ถึงแม้ผู้ที่นั่งรวมตัวอยู่ในห้องนี้จะเป็นถึงระดับผู้ถือหุ้นและคณะผู้บริหาร
แต่เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของผู้ที่นั่งอยู่หน้าห้องประชุมใหญ่ในขณะนี้แล้ว ทำให้พวกเขาเหล่านี้แทบจะกลายเป็นเพียงมดตัวเล็ก ๆ ไปถนัดตา
สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังพนักเก้าอี้ทรงสูงสีดำขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่หน้าห้อง ต่างกำลังเฝ้ารอกันอย่างจดจ่อ เนื่องจากเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่พวกตนกำลังจ้องอยู่ขณะนี้ยังไม่มีทีท่าจะขยับ หรือกล่าวสิ่งใดออกมาหลังจากเข้ามานั่งประจำที่ประธานใหญ่ได้ร่วมยี่สิบนาทีแล้ว
“สวัสดี...” เสียงทักทายแรกหลังจากเจ้าของแผ่นหลังกว้างหมุนเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้ากับผู้เข้าร่วมประชุม ทำทุกคนผ่อนลมหายใจโล่งอก เมื่อน้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดใด ๆ
“ทุกท่านคงทราบแล้ว ว่าผมมาที่นี่เพราะอะไร ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มได้เลย” บอกอนุญาตให้แต่ละฝ่ายเริ่มรายงานผลงานในส่วนที่ตนรับผิดชอบ
บรรยากาศการประชุมค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาภายในเวลาหนึ่งปีนั้น ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐบาล หรือภาคเอกชน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ในความดูแลของบริษัทกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่มีปัญหาอะไรสร้างความหนักใจให้กับผู้บริหารใหญ่ ที่กำลังนั่งตั้งใจฟังด้วยใบหน้านิ่งเฉย พลางพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ เมื่อรายงานที่ได้ยินมีความคืบหน้าและผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ
“เดี๋ยว...นั่นเป็นโครงการใหม่ที่กำลังจะเริ่มใช่ไหมคุณวินิจ”