บทที่ 5 ไม่ได้เป็น....อย่างที่คิด1

1532 Words
“ถ้าอยากลงจากรถเร็ว ๆ ก็รีบบอกทางจอห์นซะ” เสียงเข้มกังวานที่ดังอยู่เหนือศีรษะทุย เรียกให้ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองสบ แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อพบกับแววตาดุมองอยู่ก่อนแล้ว “ค่ะ ขับตรงไปเรื่อย ๆ ค่ะ เดี๋ยวใกล้ถึงหนูจะบอกอีกที” หลังจากรวบรวมความกล้าได้สำเร็จ จึงหันไปบอกเลขาหนุ่มเสียงสั่นเล็กน้อย พลางขยับถอยออกไปนั่งให้ห่างจากร่างสูงที่ยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน “จริง ๆ หนูกลับเองก็ได้ค่ะ รบกวนคุณเปล่าๆ” “พรุ่งนี้เรียนกี่โมง” น้ำเสียงเอาแต่ใจยังถามต่อ “เอ่อ เก้าโมงค่ะ” รีบตอบออกไปเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน เจอหน้ากันแค่สองครั้ง เท่าที่จำได้ก็ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรกันถึงขนาดกับต้องลากไปฆ่าหมกป่าเลยนี่ “อืม” มุมปากหยักกระตุกยิ้มแสดงความพอใจเมื่อได้ยินเสียงตอบจากสาวร่างเล็กที่นั่งตัวลีบเบียดกระแซะนางแบบสาว “นี่เธอ! จะขยับมาเบียดอะไรหนักหนา ที่ออกจะกว้าง” เสียงแหลมของซูซานดังขึ้น เมื่อร่างเล็กที่นั่งคั่นระหว่างกลางของที่นั่งตอนหลังรถหรู เริ่มเบียดเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ “ขอโทษค่ะ” หันมาเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายเพราะลืมตัว ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่ใกล้คนหน้าดุนี่ เพราะเดาไม่ถูกเลยว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ถึงลากเธอมายัดใส่รถ แล้วไม่พูดไม่จาอะไร เอาแต่นั่งนิ่ง แผ่รังสีความน่ากลัวใส่คนรอบข้างให้เสียวสันหลังอยู่ตลอดเวลา “เฮ้ย! คุณ” ร่างเล็กถูกยกตัวลอยขึ้นมานั่งบนตักแกร่งร้องโวยวายออกมาด้วยความตกใจ เมื่อต้องมานั่งอยู่ในท่าแนบชิดแบบนี้ บนตักผู้ชายหน้าดุ แถมยังมือหนาที่เกาะกระชับอยู่กับเอวบาง ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดอยู่ใกล้ขมับนั่นอีก ทำไมหัวใจเธอมันเต้นตึกตัก ๆ เสียงดังขนาดนี้เนี่ย ทำอย่างกับไม่เคยนั่งตักผู้ชายไปได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เธอนั่งตักผู้ชาย เพราะมีแต่เพื่อนผู้ชายและสนิทกันมาก เวลาที่อยู่ด้วยกันก็มักจะเล่นอะไรถึงเนื้อถึงตัวอยู่แล้ว เพราะไอ้พวกนั้นมันก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งตักผู้ชายแล้วหัวใจมันเต้นกระหน่ำจนเจ็บหน้าอกไปหมด หรือว่าเธอจะเป็นโรคหัวใจ หรืออาจเป็นเพราะอดนอนหลายวันแล้วก็ได้ เลยรู้สึกเพลียหัวใจทำงานหนักเป็นพิเศษ “อยู่เฉย ๆ เด็กน้อย” เสียงทุ่มที่กระซิบชิดใบหูบาง เรียกขนในกายให้ลุกเกรียว ดวงตากลมเงยขึ้นสบตาคมดุดันที่ก้มมองนิ่งด้วยสายตาอ่านไม่ออก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ร้ายกาจแบบนี้นะ อยู่ดี ๆ ก็ลากมาขึ้นรถ แล้วนี่ยังมาทำแบบนี้ต่อหน้าต่อตาคนรักของตัวเองอีก ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไร ไม่สนใจสายตาหวานมองตัดพ้อของนางแบบสาวที่นั่งมองมาสักนิด “หลับซะ” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งอีกรอบ เมื่อร่างเล็กบนตักยังนั่งยุกยิก ขยับไปมาเพื่อหาทางกลับลงไปนั่งที่เดิม และเพราะเสียงออกคำสั่งพร้อมแรงกอดกระชับที่เอวคอด เจ้าของร่างบางก็นั่งตัวเกร็งกลั้นลมหายใจอีกรอบ มือหนาของคนเผด็จการยกขึ้นกดเบา ๆ เข้ากับศีรษะทุยสวย ในที่สุดใบหน้าเรียวเล็กก็อิงแนบอยู่กับอกแกร่งของเจ้าของตักอุ่นที่ยังคงนั่งอย่างสบายอารมณ์ ไม่ทุกข์ร้อนกับน้ำหนักที่กดทับอยู่บริเวณหน้าขาเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกถึงความอุ่นวาบที่วิ่งพล่านขึ้นลงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตลอดอายุสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้เลยว่าความรู้สึกแบบนี้มันมีอยู่จริงบนในโลกใบนี้ และความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพียงแค่ได้สัมผัสร่างบางนุ่มนิ่มตรงหน้า อัลเฟรโดร ฌองค์คอลนูเอล มาเวลราจ นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ตกอยู่ในภวังค์ความคิด หงุดหงิดและสับสนถึงการกระทำแปลก ๆ ของตัวเองในวันนี้ “พยัคฆ์ร้ายแห่งมาเวลราจ” ถึงกับฉุดกระชากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ตะโกนบอกปาว ๆ ว่า “ยัยเด็กสกปรก!” “หึ” เสียงกระแทกลมหายใจของนางแบบสาวดังขึ้นหลังจากเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า มือบางกำเข้าหากันแน่นเพื่อระงับอารมณ์เดือดกับภาพที่เห็น ปากบางเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองแผ่นหลังบางของคนที่ได้รับสิทธ์นั่งบนตักแกร่ง ใบหน้าสวยเฉี่ยวสะบัดออกจากภาพบาดตาหันมองออกนอกรถ นี่ถ้าไม่ใช่อัลเฟรโดร ชองค์คอลนูเอล มาเวลราจ ป่านนี้เธอคงเผลอร้องกรี๊ดแล้วกระชากไอ้เด็กสกปรกนั่นออกมาตบไปหลายฉาดแล้ว แต่ตอนนี้ สิ่งที่ทำได้คือท่องบอกตัวเองในใจให้ใจเย็นเข้าไว้ เพื่อตำแหน่งคุณนายใหญ่แห่งมาเวลราจ ในอนาคต กับอีแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น คงไม่มีอะไรหรอก เพราะตลอดเวลาที่เด็กคนนั้นพูดคุยกับภาทิศ ทั้งสองคนใช้ภาษาไทยบวกกับการแต่งตัวที่ไม่ได้เน้นสัดส่วนอะไรมากมาย และทรงผมซอยสั้นที่ดูเหมือนเด็กผู้ชายซะมากกว่า แถมยังแฟนคลับสาว ๆ ที่รุมถ่ายรูปและขอลายเซ็น ทำให้นางแบบสาวมองว่าเด็กที่นั่งอยู่บนตักแกร่งนั่นเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น น่านนรีพยายามมองหาเป้าหมายที่คิดว่าน่ามาถึงก่อน เนื่องจากวันนี้การจราจรค่อนข้างติดขัดเป็นพิเศษ เพราะโรงแรมหรูแห่งนี้มีการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ ซึ่งมีคนเข้าร่วมงานหนาตา และเพราะเป็นวันเปิดงานวันแรก ดูจากจำนวนสื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าวกันเป็นกลุ่มใหญ่นั่น ทำให้รู้ว่าวันนี้คงมีบุคคลสำคัญมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งแน่นอน “พี่พีท ถึงนานยัง...สวัสดีค่ะ” เอ่ยทักพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพ เมื่อเดินมาหยุดยืนใกล้หนุ่มหน้าสวยมาดเข้มที่นั่งอ่านนิตยสารท่องเที่ยวอยู่บนโซฟารับแขกของโรงแรมหรูติดอันดับหนึ่งในสามของประเทศ “ครึ่งชั่วโมงแล้ว ช้านะเรา” ตำหนิไม่จริงจังนัก พร้อมกับยื่นมือมาขยี้ผมของคนตัวเล็กซึ่งกำลังยืนยิ้มจนตาหยีรับผิดที่มาสาย เพราะตั้งแต่วันที่คนหน้าดุมาส่งที่หอพักกลางดึกเมื่อหลายวันก่อน แถมยังทิ้งท้ายประโยคน่าขนลุก ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นห้องพัก ‘ฝันดี เด็กน้อย’ เสียงทุ้มแผ่วเบากับดวงตาสีเขียวมรกตที่มันดูแวววาวยังไงบอกไม่ถูก ทำให้เธอนอนไม่หลับ คิดฟุ้งซ่านเห็นแต่ภาพใบหน้าดุ กับดวงตาคู่นั้นลอยไปลอยมาอยู่ในหัวตลอดเวลา “โทษทีพี่ โทรนัดมามีไรคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพลางหันไปทักหนุ่มหล่อมาดเข้มคู่แฝดที่เดินเข้ามาสมทบ “พี่ไมค์ พี่มาร์ค สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงแปลกใจเอ่ยถามผู้มาใหม่เนื่องจากทั้งสองเคยบอกว่าต้องไปดูแลกิจการที่ต่างประเทศ ไม่ค่อยมีเวลากลับมาเมืองไทยบ่อยนัก “ไงเรา ทำไมไม่ตัดเผ้าตัดผมให้มันเป็นทรงหน่อยวะ” ไมค์เอ่ยทักเป็นคนแรก พร้อมกับยกมือขึ้นมายีผมสั้นระต้นคอของน่านนรีจนยุ่งเหยิง ยังไม่หนำใจมือหนาของแฝดผู้น้องยกขึ้นเสยผมหน้าม้าที่มันยาวลงมาปิดหน้าปิดตาจนแทบมองไม่เห็นดวงตาของสาวร่างเล็ก “โอ้ยยย....พวกพี่เล่นไรเนี่ย...พูดจาเป็นคนแก่ไปได้ หน้าแก่แต่ไม่ต้องทำตัวแก่หรอกคุณสามมารจอมแสบ” เสียงเล็กเจ้าของผมยุ่งตะโกนโวยวาย สองมือก็พยายามยกขึ้นปัดป้องไม่ให้สองแฝดแกล้งเธอได้อีก “หนอย...ไอ้นี่ เดี๋ยวนี้กลายเป็นพวกเดียวกันไปแล้วหรือไง” มาร์คไม่ยอมเลิก แถมได้ยินฉายาแทงใจดำเข้าอีกก็ยิ่งโมโหใหญ่ เดี๋ยวนี้พวกเขาสามคนกลายเป็นมารไปแล้วในสายตาหลาน ๆ เพราะไอ้คุณน้องเขยตัวแสบที่ชอบเป่าหูคนโน้นคนนี้ ว่าพวกเขาเป็นคนกีดกันความรักของน้องสาวตัวเอง คิดแล้วก็ยิ่งเดือด หันไปจับร่างเล็กตรงหน้าเหวี่ยงพาดบ่าแล้วออกวิ่งไปรอบ ๆ บริเวณลอบบี้โรงแรมจนผู้คนแถวนั้นแตกตื่น “ไอ้พี่มาร์ค ปล่อยหนู...พี่พีทช่วยด้วย พี่ไมค์...โอ้ย! เวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย นิสัยไม่ดีแบบนี้ไงถึงไม่มีแฟนกะเขาสักทีน่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD