บทที่ 3 ซากศพ...เดอะฮีโร่1

1298 Words
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ซึ่งใครบางคนกำลังใช้เป็นที่พักผ่อนอย่างสบายอารมณ์ เนื่องจากตลอดระยะเวลาสามวันสามคืนที่ผ่านมานั้น เธอมีโอกาสสัมผัสกับความนุ่มสบายของหมอนใบเก่านี่ไม่ถึงสองชั่วโมงดี เพราะแผนกต่าง ๆ ต้องวุ่นวายกับการเตรียมข้อมูลเพื่อเสนอต่อนายใหญ่ที่มีความประสงค์จะมาเข้าร่วมประชุมยังสาขาประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้มา และแน่นอนว่าการเตรียมข้อมูลของแต่ละแผนกในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหาเรื่องข้อผิดพลาดของระบบจัดเก็บข้อมูล ถึงแม้จะจัดทำเป็นระบบที่ทรงประสิทธิภาพมากแค่ไหน เมื่อเจอกับผู้ใช้งานที่ไม่ค่อยมีความชำนาญและในเวลาเร่งรีบ มันก็ส่งผลให้ระบบคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเกิดข้อผิดพลาดได้ และเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งกันหรืออย่างไรไม่ทราบได้ บุคลากรที่ดูแลและควบคุมของแผนกเทคโนโลยีและการสื่อสารของบริษัท ซึ่งมีจำนวนเพียงแค่สองคนเท่านั้นคือผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการ ทั้งสองคนที่กล่าวถึงนั้น ได้รับคำสั่งด่วนให้เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อศึกษาและเรียนรู้ระบบงานให้สอดคล้องกับนโยบายของผู้บริหารที่หันมาให้ความสนใจในเรื่องระบบเทคโนฯ และการสื่อสารในช่วงระยะสองปีให้หลังนี้ หญิงสาวร่างบางที่นอนคุดคู้อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง หลังโต๊ะทำงานที่กองสุมไปด้วยเอกสารมากมาย ต้องรับมือกับปัญหาและความโกลาหลที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง แม้ตนจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับบริษัทแห่งนี้เลยก็ตาม! ร่างบางขยับตัวยื่นศีรษะทุยสวยออกมานอกผ้าห่มผืนหนาที่ให้ความอบอุ่นกับเธอในช่วงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา มือเรียวยื่นออกไปหยิบโทรศัพท์เหนือโต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้กำลังส่งเสียงอย่างบ้าคลั่งรบกวนการนอนอันแสนสุขของเธอ “ค่ะ ฝ่ายเทคโนฯ...” ตอบรับเสียงอู้อี้เนื่องจากเพิ่งตื่นนอน “แต่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่นะคะ ผู้จัดการกับผู้ช่วยไปต่างประเทศกันหมด....” ถูกขัดจังหวะอีกครั้งหลังจากพยายามพูดให้คนปลายสายได้รับรู้ “ฉันรู้แค่ว่า ฝ่ายเทคโนฯ ต้องส่งคนขึ้นมาที่ห้องประชุมใหญ่เดี๋ยวนี้ ขอย้ำว่าเดี๋ยวนี้!” เสียงแหลมๆ ของปลายสายดังออกมาตามสายโทรศัพท์ไม่เบานัก ก่อนจะวางสายไปเพื่อเป็นการตัดบทสนทนา ณ ห้องประชุมใหญ่ซึ่งขณะนี้ทุกคนต่างก้มหน้าให้ความสนใจกับแฟ้มงานที่วางอยู่ตรงหน้าเหมือนมันเป็นสิ่งที่ตนไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนในชีวิต บรรยากาศเงียบเชียบแม้เสียงหายใจก็ไม่มีใครกล้าทำให้เกิดเสียงดัง ทุกคนต่างเฝ้าภาวนาให้ภาวะตึงเครียดนี้สิ้นสุดลงเสียที พลางก็ผลัดกันเหลือบมองไปยังประตูห้องประชุมเป็นระยะ ๆ อย่างรอคอย สายตาคมของบุรุษที่นั่งอยู่หัวโต๊ะจ้องมองไปยังผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ และถ้าจะมีใครกล้ามองสบดวงตาคู่คมน่าเกรงขามนั่น คงได้เห็นเปลวไฟลูกใหญ่ที่กำลังลุกโชนพร้อมจะพุ่งออกมาทำลายล้างใครก็ตามที่หาญกล้าเอ่ยคำพูดไม่ถูกหู! ความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้น ทำให้ประธานใหญ่แห่งมาเวลราจ ต้องเสียเวลาในการทำงานไปร่วมยี่สิบนาที! และนี่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าปัญหานี้จะถูกแก้ไขอย่างเร่งด่วน “เอ่อ...จากฝ่ายเทคโนฯ...ค่ะ” เสียงเล็กที่เอ่ยทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดเรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปมองยังต้นเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง หญิงสาวร่างเล็กผมซอยสั้นระต้นคอ ปลายผมชี้ไปมาไม่เป็นทรงเหมือนเจ้าของเพิ่งจะมุดออกมาจากรังอะไรสักอย่าง ใบหน้าเรียวเล็กถูกปอยผมหน้าม้าที่ยาวเกือบถึงจมูกปกปิดไว้เกือบครึ่งหน้า ช่วยปกปิดดวงตาลึกโหล ซึ่งเกิดจากการอดหลับอดนอนมาเป็นเวลาหลายวัน เสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาถึงข้อศอก ปล่อยชายให้คลุมลงมาถึงสะโพกสภาพยับย่นดูไม่ได้ ขาเรียวเล็กอยู่ในกางเกงขาสามส่วนมีสภาพไม่ต่างกับเสื้อมากนัก เท้าบางที่ยืนอยู่บนรองเท้าพื้นสีขาวหูคีบสีฟ้านั่นอีก! ส่งผลให้ตอนนี้ร่างบางที่ยืนอยู่ทางด้านประตูทางเข้าห้องประชุมใหญ่ มีสภาพไม่ต่างจากซากศพเดินได้ที่เห็นตามหนังซอมบี้เลยสักนิด สายตาทุกคู่ที่มองมายังร่างเล็กสภาพไม่ต่างจากศพเดินได้ ต่างอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างราวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือตัวประหลาดหลุดออกมาจากจอทีวีก็ไม่ปาน บางคนหันมาส่งสายตาแสดงคำถามกับคนข้างกายว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้น คือคนจริง ๆ ใช่ไหม ? “เอ่อ...น..นี่เธอคือเด็กคนที่อยู่ในลิฟต์ เมื่อเช้านี้ไม่ใช่เหรอ” คุณวินิจเอ่ยถามขึ้นเป็นคนแรกเมื่อรู้สึกว่าสติที่กระเจิงไปเมื่อครู่ กลับเข้าร่างเป็นที่เรียบร้อย “ใช่ค่ะท่าน แล้วนี่ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย” เสียงผู้ช่วยสาวอวบเอ่ยกระซิบตอบเมื่อเจ้านายหันมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “คือตอนนี้ไม่มีคนอยู่ที่ฝ่ายเทคโนฯ ค่ะ และถ้าจำไม่ผิด มีคนโทรฯ ลงไปสั่งให้หนูขึ้นมาที่นี่ด่วน” เสียงแหบเนื่องจากเจ้าตัวเพิ่งตื่น ถูกส่งจากร่างที่ยืนเด่นอยู่ตรงประตูทางเข้า “มีหนูอยู่แค่คนเดียว อย่างที่บอกในโทรศัพท์ ว่าผู้จัดการกับผู้ช่วยไม่อยู่ ไปต่างประเทศได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว และพรุ่งนี้น่าจะเดินทางกลับ” อธิบายต่อเผื่อมีคนยังไม่รู้ “แค่นี้ใช่ไหมคะ หนูขอตัวลง...” รีบหาทางเลี่ยงก่อนจะมีใครซักถามอะไรมากกว่านี้ เพราะเธอไม่ได้อยู่ในฐานะของคนที่จะตอบคำถามอะไรได้มากนัก “เดี๋ยว ๆ นี่เธอเป็นผู้ช่วยของคุณโตใช่ไหม” เสียงผู้ช่วยหนุ่มของแผนกประชาสัมพันธ์เอ่ยขัดจังหวะ ด้วยน้ำเสียงแสดงความดีใจก่อนร่างเล็กจะเดินออกจากห้องประชุมไป “ใช่ค่ะ” หันมาตอบคำถามของหนุ่มแว่น ซึ่งเคยเจอสองสามครั้งในช่วงที่เกิดความวุ่นวายเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา “งั้นหนูก็ต้องช่วยเราได้!” หนุ่มแว่นยังคงถามอย่างมีความหวัง ว่าหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าจะแก้ปัญหาที่กำลังประสบอยู่ได้ “อะไรคะ?” เดินเข้ามาหาหนุ่มแว่น เมื่อเห็นอีกฝ่ายกวักมือเรียก “ถ้าเธอเป็นคนเดียวที่อยู่ในห้องไอทีเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา รับรองเธอช่วยฉันได้แน่ ๆ” หนุ่มแว่นบอกออกมาด้วยความดีใจ เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ตนได้พูดคุยติดต่อกับแผนกไอทีเพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องระบบคอมพิวเตอร์จนผ่านลุล่วงมาได้ด้วยดี ทำให้รู้ว่าสวรรค์ส่งนางฟ้าในคราบซอมบี้มาช่วยเขาแล้ว “อืม” นั่นคือเสียงรับคำสั้น ๆ จากเด็กสาวร่างเล็กที่ยืนฟังคำบอกเล่าสาเหตุที่ต้องเรียกคนจากแผนกไอทีขึ้นมายังห้องประชุมใหญ่ เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ขึ้นมา “อืม” เสียงรับคำสั้น ๆ แบบเดิมถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง เมื่อฟังคำบอกเล่าของหนุ่มแว่นเสร็จเรียบร้อย ใบหน้าภายใต้ความรุงรังของเส้นผมยุ่งเหยิงพยักขึ้นลงช้า ๆ อย่างใช้ความคิดไปด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD