หนูน้อยเซบาสเตียนก็คงจะอายม้วนอีกตามเคยเมื่อต้องเจอกับพายุจูบฟัดแก้มจากพี่สาวตัวเล็กคนนี้ คิดแล้วก็อยากจะไปหาซะเดี๋ยวนี้ เธอมัวแต่ทำงานและเรียนหนักจนลืมแหล่งพลังงานชีวิตจากบ้าน “ดอนเรอวานนี่” ไปได้อย่างไรนะ
“พรุ่งนี้พี่แวะไปรับแล้วกัน สาย ๆ นะ แล้วก็เตรียมเสื้อผ้าไปค้างเลยด้วย เพราะแม่แก! คงไม่ยอมปล่อยกลับง่าย ๆ แน่” ไมค์เดินเข้ามาโยกหัวคนตัวเล็ก ทิ้งประโยคที่ทุกคนรู้กันดีกับความห่วงและหวงของมาดามดอนเรอวานนี่ ที่มีต่อเด็กในปกครอง
“เฮ้ย...วันนี้หาเรื่องสนุก ๆ ทำกันดีกว่า ตอนนี้คนเริ่มเยอะแล้ว อีกเดี๋ยวงานที่ห้องจัดเลี้ยงใหญ่กำลังจะเริ่ม” ภาทิศเอ่ยชวนแล้วหันมองไปรอบบริเวณที่คนเริ่มทยอยเข้ามากันหนาตามากขึ้น
ประกอบกับสื่อมวลชนดูจะเพิ่มจำนวนขึ้นไปอีกเท่าตัว คิดในใจว่าเพื่อนเขาคนนี้มันเรียกกระแสได้ดีจริง ๆ นี่ขนาดมาแบบไม่เป็นทางการ กองทัพสื่อยังวิ่งวุ่นตามติดชนิดแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย
“เออ ขึ้นห้องก็ดีเหมือนกันจะได้หาอะไรสนุก ๆ ทำกัน เห็นไอ้มาร์คมันบอกว่ามีของเล่นมาใหม่ ไอ้หนามเอ็งเสร็จแน่ ๆ” ไมค์หันมายักคิ้วหลิ่วตากับคนตัวเล็ก
“อะไรพี่! ของเล่นอะไรอีกล่ะ คราวที่แล้วก็เล่นเอาหนูแทบคลานลงจากเตียงเลยนะ” เพราะความชื่นชอบส่วนตัวของหนุ่มมาร์คในเรื่องการถ่ายภาพ เมื่อชายหนุ่มได้กล้องใหม่มาแต่ละครั้ง คนที่เดือนร้อนมากที่สุดคือนางแบบจำเป็นซึ่งเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่ม
เพราะมักจะถูกหนุ่ม ๆ ทั้งสามคนจับแต่งตัว โพสท่าเป็นนางแบบอยู่ล่ำไป ซึ่งแต่ละครั้งการเป็นนางแบบจำเป็นของพวกหนุ่ม ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว เพราะแต่ละคนมักหาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ทันสมัยและบางทีก็ล้ำสมัยจนนางแบบแทบไม่กล้าใส่ ครั้งล่าสุดถ้าจำไม่ผิดเธอต้องเดินเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หนุ่มขี้เล่นมาดเข้มได้ถ่ายรูป หลายสิบรอบจนเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด
“แกก็พูดเกินไป พวกข้าก็ไม่ได้ใช้งานแกหนักขนาดนั้นนะโว้ย กะอีแค่ถอด ๆ ใส่ ๆ มันจะเหนื่อยอะไรนักหนาวะ” พี่มาร์คพูดขัดขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเริ่มออกอาการว่าจะถอนตัวจากภารกิจจำเป็นที่พวกเขายัดเยียดให้
“ใช่! ทำเป็นเล่นตัว ก็เห็นมันยิ้มแป้นทุกทีตอนได้ตังค์อะ” หนุ่มพีทรีบสนับสนุนหนุ่มมาดเข้มอีกเสียง เพราะจะได้เล่นสนุกด้วยการจับคนตัวเล็กแต่งตัวตามแบบที่ตนชื่นชอบ
“เอาน่าหนาม ครั้งนี้พวกพี่ลงขันจ่ายค่าขนมให้แกเลยนะเว้ย รับรองได้มากกว่าครั้งที่แล้วแน่ ๆ แค่ยอมเป็นของเล่นให้พวกพี่ไม่กี่ชั่วโมงเอง” หนุ่มหน้าสวยพยายามโน้มน้าวคนตัวเล็กอีกเสียงเพราะเขาอยากหาอะไรทำเพื่อคลายเครียดด้วยเหมือนกัน
“ก็ได้ ๆ แต่บอกก่อนนะว่าไม่เอาแบบคราวที่แล้วนะ หนูเมื่อยขามากเลย ขึ้นลงบันไดงี้ ขาสั่นพับ ๆ เลยอะ ขอแบบเบา ๆ สบาย ๆ แต่เงินดี ๆ น่ะมีไหม” เพราะรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเนื่องจากสามหนุ่มสามมุมที่ยืนกันอยู่ตรงหน้านี่ มีนิสัยเอาแต่ใจมากแค่ไหน สู้อดทนนิดหน่อยแถมได้ค่าขนมกับค่าเทอมไว้เป็นทุนได้อีกเยอะเลย
“งั้นขึ้นไปคุยบนห้องแล้วกัน จะได้ตกลงเรื่องค่าขนมด้วย ช่วงนี้พี่กับไอ้มาร์คเงินคล่องมือเว้ย ถ้าเราว่านอนสอนง่าย รับรองเลย ทิปหนักแน่”
“จริงดิ พี่ไมค์ มีงานเด็ด ๆ ไม่เห็นบอกน้องมั่งเลยนะ”
“ก็เล่นหายหัวไปเลยนี่หว่า พวกพี่ก็คิดว่าเรางานเยอะแล้ว เลยไม่เรียก”
“ไปได้แล้ว คนแม่งเยอะชิบ...” หนุ่มพีทเริ่มออกอาการหงุดหงิดเพราะจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีชายชุดดำกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวเมื่อครู่
บุรุษร่างสูงที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลางโถงทางเดินที่สามหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวตัวเล็กเดินผ่านไปนั้น กำลังถูกบรรดาสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ รุมสัมภาษณ์กันอย่างออกรสทีเดียว
เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ประธานใหญ่แห่งมาเวลราจ กรุ๊ป จะมาปรากฏกายต่อสาธารณชนง่าย ๆ แบบนี้ เพราะลำพังแค่ต้องเดินทางไปตรวจดูงานภายใต้การดูแลของมาเวลราจ กรุ๊ปให้ครบทุกแห่งภายในระยะเวลาหนึ่งปี ก็แทบจะทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
“ทุกท่านครับ ตอนนี้เรายังไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ ตอนนี้ใกล้เวลาเปิดงานแล้ว ขอทางด้วยครับ” จอห์นสัน เลขาหนุ่มต้องรีบเข้ามากันสื่อมวลชนที่กำลังเริ่มต้นยิงคำถามมากมายเข้ามา โดยไม่สนใจสีหน้าไม่พอใจของท่านประธานใหญ่เลยสักนิด และถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีก เขารับรองได้เลยว่าบรรดาสื่อมวลชนที่ว่าแน่ ยังต้องยอมถอยเมื่อเจอพายุไฟลูกใหญ่จากท่านประธานใหญ่หน้าดุ
ทางด้านซูซาน นางแบบสาวสวยนั้นไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่เดินเข้ามาในโรงแรมและเห็นบรรดานักข่าวที่รออยู่ เธอรีบขยับเข้ามาเกาะลำแขนแกร่งไว้ตลอดเวลา
ด้วยความมั่นใจว่าหลังจากใช้ช่วงเวลาค่ำคืนเร่าร้อนด้วยกันมาหลายวัน เธอสามารถทำให้นายใหญ่แห่งมาเวลราจพอใจเป็นอย่างมาก เพราะข้าวของเครื่องใช้ที่ได้รับในแต่ละครั้งหลังจากไปเดินช็อปปิ้งนั้น เธอแทบไม่ต้องเอ่ยปากว่าอยากได้ แต่พอกลับมาถึงห้องพัก สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นจะถูกนำมาวางไว้ในห้องเสมอ คิดอย่างเข้าข้างตัวเองโดยลืมข้อตกลงก่อนจะเดินทางมาที่เมืองไทยไปเสียสนิท
เพราะผู้จัดการส่วนตัวของเธอ แจ้งให้รู้ข้อตกลงก่อนจะรับงานจากจอห์นสัน เลขาฯ คนสนิทของ “พยัคฆ์ร้ายแห่งมาเวลราจ” เรื่องค่าจ้างและระยะเวลารวมทั้งกฎข้อห้ามต่าง ๆ แต่ซูซานก็ทำเป็นลืมและมองข้ามเพราะคิดว่าเสน่ห์แพรวพราวของตนสามารถมัดใจเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นได้
“คุณซูซานคะ ขอสัมภาษณ์หน่อยคะ” นักข่าวสายบันเทิงสี่ห้าคนยื่นไมค์เข้ามาถาม ต่างรอฟังคำตอบเรื่องความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างนางแบบสาวกับท่านประธานหนุ่ม
“มาเที่ยวเมืองไทยคราวนี้ มีข่าวดีอะไรไหมคะคุณซูซาน”
“มีเซอร์ไพส์ขอแต่งงานไหมคะ”
“แล้วจะแต่งเลยไหมคะ”
“คุณซูซานคะ ช่วยตอบคำถามด้วยค่ะ”
สารพัดคำถามที่ออกจากปากนักข่าวทั้งหลายนั้น สร้างความพอใจให้กับนางแบบสาวเป็นอย่างยิ่ง แค่ยืนสวย ๆ ยิ้มนิด ๆ แสดงอาการเขินอายบ้างเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ข่าวนี้ถูกกระจายออกไปโดยง่าย โดยเจ้าตัวไม่ต้องเอ่ยปากตอบคำถามใด ๆ ให้เมื่อยปาก
ทางด้านท่านประธานใหญ่แห่งมาเวลราจนั้น แม้จะไม่พอใจคำถามที่ได้ยิน แต่เขาไม่จำเป็นต้องลงทุนออกโรงตอบโต้ด้วยตัวเอง เนื่องจากในวันรุ่งขึ้นข่าวพวกนี้จะถูกสั่งเก็บห้ามเผยแพร่ เพียงแค่จอห์สันยกหูโทรศัพท์ต่อสายตรงถึงบรรดาเจ้าของสำนักพิมพ์ทั้งหลายเท่านั้น!
คำถามไร้สาระที่ได้ยินจากนักข่าวไม่ได้สร้างความสนใจให้กับอัลเฟรโดรเลยสักนิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาบังเอิญได้ยินกลุ่มหนุ่มสาวสามสี่คนคุยกันอย่างสนุกสนาน และการแสดงความสนิทสนมในแบบที่เขาเห็นแล้ว อยากจะเดินไปกระชากยัยเด็กสกปรกนั่นมาสั่งสอนนัก เป็นผู้หญิงยิงเรือใครใช้ให้มาทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายขนาดนี้ และไอ้ที่เห็นนั่งตักกันอีก มันจะเกินไปแล้ว ต้องเป็นตักแกร่งของเขาคนเดียวเท่านั้นสิที่ยัยนั่นจะนั่งได้
และถึงแม้เขาจะเห็นว่าหนุ่ม ๆ พวกนั้นคือเพื่อนและบอดี้การ์ดที่เป็นเหมือนพี่น้องกัน แต่ยังไงเสียมันก็ไม่สมควรที่ยัยนั่นจะแสดงความสนิทสนมกับผู้ชายจนน่า...
‘ของเล่นใหม่ เสร็จแน่ไอ้หนาม’
‘คราวที่แล้วก็เล่นเอาหนามแทบคลานลงจากเตียงเลยนะ’
‘ไม่ได้ใช้งานแกหนักขนาดนั้นนะโว้ย กะอีแค่ถอด ๆ ใส่ ๆ มันจะเหนื่อยอะไรนักหนาวะ’
‘คราวที่แล้วนะ หนูเมื่อยขามากเลย ขึ้นลงบันไดงี้ ขาสั่นพับ ๆ เลยอะ ขอแบบเบา ๆ สบาย ๆ แต่เงินดี ๆ น่ะมีไหม’
“ยังจะชวนกันขึ้นห้องอีก มันหมายความว่ายังไง เบา ๆ สบาย ๆ แต่เงินดี ๆ แล้วขึ้นไปทำอะไรกันบนห้อง” พึมพำด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ กรามแกร่งบดกันจนจอห์สันที่หันมาเห็นยังแทบผงะถอยหลัง เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายแสดงอารมณ์โกรธแทบอยากจะฆ่าใครได้มากขนาดนี้มาก่อน แล้วใครกันที่สามารถจุดไฟบรรลัยกัลป์ให้ลุกโชนขึ้นได้อย่างน่ากลัวขนาดนี้
“โจ นายใหญ่เป็นอะไรวะ ตอนเดินเข้ามายังเห็นนิ่ง ๆ อยู่เลยนี่” หันมาขอความกระจ่างจากโจนาธานที่เดินมาด้วยกัน
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อกี้ฉันว่าฉันเห็นหนูหนามนะ แต่มองไม่ชัดเห็นแค่ด้านข้าง ตัวเล็ก ๆ นั่งอยู่บนตักผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ คุ้น ๆ เหมือนจะเป็นคุณพีท” เพราะต้องเดินเข้ามาดูความเรียบร้อยก่อนล่วงหน้าที่เจ้านายจะเข้ามาถึง เขาทันได้เห็นเจ้าของร่างเล็ก ผมซอยสั้นที่บรรดาบอดีการ์ดเล่าให้ฟังว่า ถูกเจ้านายลากขึ้นรถแล้วพาไปส่งที่หอพักเมื่อหลายวันก่อน แต่ด้วยความที่เห็นแค่ด้านข้างเลยไม่แน่ใจว่าใช่หนูหนามหรือเปล่า
“อะ...อะไรนะ!...หนูหนาม นั่งตักผู้ชาย....เวรแล้วมึง เตรียมเก็บกวาดซากได้เลย” จอห์สันอุทานเสียงตกใจ เมื่อคิดภาพเด็กสาวตัวเล็กเจ้าของชื่อหนาม นั่งบนตักผู้ชาย! แล้วงานวันนี้จะรอดไหมล่ะ!