ตอนที่ 5
“ข้อเสนอ” โรสรินทร์กำลังคิดหาทางเอาคืนชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังอยู่ใกล้ๆ ใบหู เธอปล่อยช้อนในมือดังเค้ง ก่อนขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ข้อเสนออะไร” ใบหน้าเธอกระตุกอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้ามีเลศนัยและดวงตาวาววับของภีมะ กายสั่นเทาขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ไม่แปลกที่ผู้ชายจะชอบและอยากครอบครองผู้หญิงสวยๆ ผมก็เหมือนกัน ผมอยากได้คุณ!”
คำพูดของภีมะตรงดิ่งไม่มีอ้อมค้อม แทงเข้าไปในหัวใจโรสรินทร์อย่างจัง น้ำเสียงก็เหมือนจะยิ้มได้ ที่หญิงสาวรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ต้องการคำปฏิเสธ
“คุณ! เป็นของผม เพื่อแลกกับหนี้สินทั้งหมด”
โรสรินทร์โกรธจนหน้าร้อนผ่าว ดวงตากลมโตเปล่งประกายเกรี้ยวกราด ที่ถ้าเปลี่ยนเป็นมีดได้ กายแกร่งคงจะพรุนไปด้วยคมที่ทิ่มแทงลงไปอย่างไม่ยั้ง สองมือเรียวกำแน่น มองภีมะเหมือนกับไม่เคยเห็น เธอกำลังด่าออกไปแล้ว แต่ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมา
“ผมรู้ว่าคุณหนูโรสรักและผูกพันกับบ้านหลังนั้นมาก แล้วถ้าคุณหนูไม่ทำตามคำพูดของผม” ภีมะยิ้มใส่ตาโรสรินทร์ “ผมอาจจะแบบว่า ทุบบ้านนั้นทิ้ง...”
“ไอ้บ้า! ไอ้สารเลว!” ภีมะพูดไม่ทันจบ โรสรินทร์ก็ทนไม่ไหว ด่าออกไปในทันที แต่คนที่ถูกเธอด่ากลับยกไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์ เขายังส่งยิ้มยั่วยวนเติมโทสะใส่เธอมากยิ่งขึ้นด้วย
“แล้วก็อะไรนะ สวนดอกกุหลาบใช่ไหม ที่พ่อลูกช่วยกันปลูกไว้เป็นความทรงจำคิดคิดถึงคุณแม่ของคุณหนูโรส ผมก็จะแบบว่าใช้เท้ากระทืบและถอนทิ้งให้หมดเลยดีไหม”
เพี๊ยะ!!!
ใบหน้าเข้มหันไปตามแรงฝ่ามือที่หญิงสาวทุ่มลงไป เธอกำลังจะมอบมันให้ภีมะอีกครั้ง แต่คราวนี้ เพียงแค่ยกมือขึ้น...ไม่เพียงแค่สั่น หากโรสรินทร์กลับรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ภีมะยกมือลูบแก้มข้างที่ถูกตบ ขณะมองหญิงสาวที่มีใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาลุกโชนเป็นไฟและลุกขึ้นยืนเพื่อจะตบเขาซ้ำอีกครั้ง หากเขาไวกว่า คว้าเธอมานั่งบนตัก พร้อมพันธนาการแขนเรียวไว้ด้านหลัง
“คุณหนูนี่เผลอไม่ได้จริงๆ ” เขาเอ่ยอย่างเอือมระอาใจ พลางผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“เมื่อไหร่จะเข้าใจสักทีก็ไม่รู้ ต่อให้เก่งกล้าแค่ไหน แต่คุณก็สู้ผมไม่ได้อยู่ดี ทำไมถึงไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วทำให้ทุกอย่างมันง่ายกว่านี้กัน” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ยอมให้นายข่มเหงโดยไม่สู้ ฉันก็บ้าแล้วล่ะ อย่าคิดว่าจะรังแกกันง่ายๆ นะเว้ย ปล่อยฉันนะไอ้บ้าภีมะ”
“เฮ้อ! คุณหนูนี่พูดดีๆ ด้วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อพูดดีๆ แล้วคุณไม่ยอมฟัง ผมก็จะทำตามความต้องการของผมละกัน คุณหนูผู้แสนสวยผู้เย่อหยิ่ง คงต้องเตรียมรับมือผมให้ดี”
โรสรินทร์หนาวยะเยือกขึ้นมาทันควัน ก่อนทุกอย่างเป็นเสมือนเวลาที่หยุดนิ่ง คำด่ากลับกลายเป็นเสียงขลุกขลักที่ดังอยู่ในลำ เมื่อชายหนุ่มฉกปากลงมาปิดเรียวปากนุ่มอย่างแม่นยำ บดคลึงพลางปลดเนกไทออกจากลำคอ เพื่อมัดมือหญิงสาวไว้ ก่อนเขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับดันร่างโปร่งขึ้นบนบ่า
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้หมูสกปรก ไอ้โรคจิต ไอ้เลว”
ภีมะถึงกับส่ายศีรษะ กับคำพูดที่โรสรินทร์ช่างสรรหามาด่าทอไม่หยุด ไหนจะเท้าที่กระทุ้งมาบนอกเขาอีกล่ะ
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
ภีมะฝาดมือลงบนสะโพกกลมกลึงเพื่อหยุดยายตัวร้าย
“อยู่นิ่งๆ ดีกว่าคุณหนูโรส ถ้ายังไม่อยากจะเจ็บตัวมากไปกว่านี้”
“แกก็ปล่อยฉันก่อนซิไอ้บ้า ไอ้คนเลว”
“ปล่อยทำไม ปล่อยให้คุณหันมาทำร้ายผมอีกนะหรือ ไม่ดีกว่า อยู่อย่างนี้ดีแล้ว” ภีมะตอบและพาร่างโปร่งบางเดินลิ่วๆ ไปขึ้นรถเก๋งคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านนอกของอาคาร แต่แล้วชายหนุ่มก็เปลี่ยนหันเดินไปอีกทางที่เป็นอาคารใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมของเขาเอง
ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวเดินไปในลิฟต์ โดยไม่สนใจพนักงานและแขกเหรื่อที่เข้ามาจับจองหาที่พัก ซึ่งมองกันด้วยความตกใจ ตาโต อ้าปากค้างกันเป็นทิวแถว
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยไอ้บ้านี่มันจับฉันมา” โรสรินทร์รีบร้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานและแขกเหรื่อ แต่แล้วหัวใจของหญิงสาวก็ต้องหล่นไปกองอยู่บนพื้นที่ชายหนุ่มเดินผ่านไป
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเมียผมไม่ค่อยสบาย แต่ยังหนีเที่ยว ผมเลยต้องไปจับตัวมา ก่อนจะไปอาละวาดใส่คนอื่นให้เขาตกอกตกใจกัน”
“กรี๊ดด...ไอ้บ้าใครเป็นเมียแกห๊า...”
ภีมะกลุ้มกับน้ำเสียงแว๊ดๆ ของหญิงสาวเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำไงดีคงจะต้องรอให้ถึงห้องพักก่อนมั้ง เขาถึงจะสามารถกำจัดเสียงนี้ให้กลายเป็นอีกเสียงแทน
“ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้เป็น แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็ใช่แล้วละ แล้วคุณหนูโรสก็ช่วยหุบปากหยุดส่งเสียงร้องแว๊ดๆ จนตับไตไส้พุงของคนที่ได้ยินสั่นสะเทือนได้แล้ว ถ้ายังไม่อยากให้ผมจูบคุณตรงนี้ ที่ผมไม่รับประกันนะว่ามันจะเลยเถิดหรือเปล่า”
โรสรินทร์รีบหุบปากทันควัน เมื่อได้ยินคำขู่ วิธีการนี้เธอเอาตัวรอดจากภีมะไม่ได้ แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส เพียงแค่ต้องคิด!
หญิงสาวเริ่มคิดหาทางหนีจากน้ำมือของภีมะให้เร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะพลาดท่าเสียที
“นาย...นายภีมะ เอ่อ...เอ่อ...”
“มีอะไรหรือครับคุณหนูโรส” ภีมะที่เข้ามายืนอยู่ในลิฟต์และได้วางหญิงสาวให้ยืนเคียงข้างเขาเรียบร้อยแล้วเอ่ยถาม นิ้วยาวไล้ไปบนใบหน้าขาวที่แดงระเรื่อด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เอ่อ...ฉันรับข้อเสนอของนายก็ได้ แต่ให้ฉันทำใจก่อนได้ไหม” โรสรินทร์แทบจะกัดลิ้นตัวเองขณะพูดออกไป
ภีมะส่ายศีรษะ “ไม่ล่ะ ผมไม่ค่อยจะเชื่อใจคุณหนูเท่าไหร่ ยังไงผมก็ขอมัดจำไว้ก่อนละกัน” เขาก้มลงไปแนบปากกับลำคอระหงพลางขบกัดแผ่วเบา
โรสรินทร์สะดุ้งเฮือก ใบหน้าขาวซีดพอๆ กับกายที่สั่นเทา จะถอยหนีก็ไม่ได้ เมื่อกายเธอในตอนนี้อยู่ชิดกับผนังลิฟต์
“นาย...เอ่อ...นายภีมะ ถือว่าฉันขอร้องนะ ให้ฉันได้ทำใจก่อนได้ไหม อื้อ...” หญิงสาวรีบหันตัวหนีมือที่เคลื่อนไหวไปบนร่าง และยังทำการปลดกระดุมเสื้อของเธอออก ก่อนครอบครองปทุมถันอวบอิ่มเต่งตึง
ชายหนุ่มกดริมฝีปากบนคอระหงและเคลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงบัวคู่งาม เพราะนี่เป็นลิฟต์ส่วนตัว ดังนั้นเขาจะทำอะไรก็ได้ แม้จะรักโรสรินทร์ในลิฟต์ตัวนี้ก็ยังได้เลย แต่นั่นคงจะต้องเป็นเหตุการณ์ในอนาคต ตอนนี้เขาขอมัดจำหญิงสาวในห้องนอนอันแสนจะสบายก่อนจะดีกว่า
“ตัดสินใจช้าไปแล้วละคุณหนูโรส ยังไงตอนนี้ผมก็ต้องได้คุณ” ภีมะช้อนร่างโปร่งขึ้น เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบนสุดของโรงแรมที่ทั้งฟลอร์เป็นของเขา เดินเพียงแค่สามสี่ก้าวก็จะถึงห้องที่เขาเท่านั้นมีรหัสเปิดเข้าออก
ภีมะโยนโรสรินทร์ลงบนเตียง พร้อมแนบร่างตามติดลงไป
เพราะรู้ว่าหญิงสาวจะต้องพ่นวาจาด่าทอ เขาจึงแนบจุมพิตลงไปบนเรียวปากนุ่มกักกันเสียงไม่ชวนฟังไปเสีย ในขณะที่มือก็ทำการแกะเนกไทที่ผูกแขนเรียวเพื่อนำไปตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะทำการปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกายเนียนนุ่มโยนไปอย่างไร้ทิศทาง
“อื้อ...หยุดนะไอ้บ้าภีมะ”
ต้องหนี! แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย จะไปทางไหนก็ติดขัด อึดอัดคับแค้นใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม ยิ่งสะบัดกายให้ห่างไกลภีมะ กลับเป็นเสมือนถูกดึงดูดเข้าหา ผิวเนื้อเหมือนจะถูกเผาไหม้จากเพลิงสัมผัสที่ลูบไล้ไปทั่วกาย
“น้ำตาไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยครับคุณหนูโรส เรื่องนี้...เราทั้งคู่ต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะเหตุนี้ คุณหนูถึงได้พยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่พูดจากับผมตรงๆ และดีๆ ” ภีมะมองหน้าโรสรินทร์ด้วยสายตาอ่อนโยน