ปฐมบท
โรงแรมวินเนอร์ โฮเทล
ภาพของงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบของบริษัทพี เอส อาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทน้ำหอมชื่อดังอันดันหนึ่งของประเทศไทยที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของเจ้าของผู้ซึ่งกำลังยืนรับแขกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ทุกท่วงท่าชวนมองจนสาวๆ ต่างพากันจับจ้องด้วยความหวังว่าคืนนี้อาจถูกเลือกให้เป็นคู่เต้นรำเปิดงานของเขา ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปหมดไม่ว่าจะด้วยหน้าตา ฐานะ หรือแม้แต่สมองอันเฉลียวฉลาด แต่ก็เหมือนว่าเขาจะไม่ได้ให้ความสนใจกับใครหรืออะไรเป็นพิเศษ ทุกอย่างรอบกายเป็นเพียงลมเบาๆ ที่บังเอิญพัดผ่าน ไม่ได้น่าสนใจอะไรมากนัก
พิชญะเริ่มรู้สึกเบื่อกับหลายสิ่งรอบตัวจนนึกอยากให้มันจบลงไวๆ เขาไม่ชอบงานเลี้ยง ไม่ค่อยชอบที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาใครต่อใคร
“ขอมือหน่อยครับคุณเดือน”
แต่เพราะหน้าที่งานการที่จำเป็นต้องสิ่งเหล่านี้วนเวียนเป็นองค์ประกอบหลักในชีวิต ชายหนุ่มจึงหมดทางเลือกจำต้องมองหาคู่เต้นรำในคืนนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนนอกจากพิณรัมภา เลขาของตัวเอง
หญิงสาวที่ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแพรวพราวเหมือนผู้หญิงคนอื่น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจเลือกเธอแทนที่จะเป็นใครคนไหน
“คะ ท่านประธานว่าอะไรนะคะ”
คนถูกเรียกร้องถาม ยังไม่กล้าส่งมือให้คนตรงหน้าไป เพราะอยากจะรู้ให้เข้าใจก่อนว่าเขาจะทำอะไร
“ในงานนี้ผมรู้จักคุณดีกว่าใครๆ เต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ” พิชญะไขข้อข้องใจให้เลขาสาวก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แต่เพียงเท่านั้นมันก็เรียกเสียงฮือฮาได้ทั่วงาน ส่งผลทำให้เขากับเลขาสาวตาคมที่กำลังมีความสุขกับการกินตกเป็นเป้าสายตาคนทั้งงานไปอย่างง่ายดาย สำหรับเขาคงเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับอีกคนนั้นไม่ใช่เลยจริงๆ
“เดือนเต้นรำไม่เป็นค่ะ คงไม่สะดะ…”
“คุณเดือนกำลังหักหน้าผมรู้ตัวรึเปล่า” สิ้นคำพิณรัมภาก็เงียบสนิท เธอใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาทีคิดว่าจะเอายังไงเพราะดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากตกเป็นขี้ปากของคนทั้งบริษัทในวันพรุ่งนี้ ถ้าหากเลือกได้จริงเธอขอมีชีวิตอย่างสงบสุขจะดีกว่า
“เอาเป็นว่าผมจะเพิ่มโบนัสสิ้นปีให้ ตกลงไหมครับ” คนที่รักเงินมากกว่าผู้ชายทั้งโลกไม่รีรอที่จะรีบส่งมือให้ พร้อมกับรอยยิ้มแสนหวาน
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะท่านประธาน” พิชญะยิ้มรับก่อนจะควงเลขาคนสวยไปที่ฟลอร์ท่ามกลางสายตาของใครต่อใครที่มองมาที่เขาและเธอเป็นตาเดียว กับพิชญะไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนดูท่าจะหนักกว่าเพราะเธอกำลังตื่นเต้น เสียจนเผลอเหยียบเข้าที่เท้าของเขาไม่ยอมหยุด
“คุณน่าจะแต่งตัวแบบนี้บ่อยๆ นะครับ ผมว่า…น่ารักดี” คนถูกชมซึ่งๆ หน้าเพียงแต่ยิ้มรับคำชม แม้จะแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่ดูต่างไปจากทุกวันของเจ้านายที่ปกติแล้วจะสงบปากสงบคำ พูดแทบนับคำได้
พิชญะ ไกศรนุวงศ์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่สาวๆ ทั้งประเทศใฝ่ฝันถึง เพราะไม่ว่าจะด้วยบุคลิก หน้าตา ฐานะ รวมไปถึงนิสัยสุขุมของเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นที่หมายปองของใครต่อใคร แต่สำหรับเธอแล้วเขามันก็แค่ผู้ชายแปลกๆ คนหนึ่งที่ชื่นชอบการอยู่คนเดียวเป็นชีวิตจิตใจเท่านั้น
เธอมีโอกาสได้เข้าทำงานในบริษัทฐานะเลขาส่วนตัวของเขาเมื่อสองปีก่อนด้วยการสัมภาษณ์ แน่นอนว่าเธอยังจดจำวันนั้นได้ขึ้นใจ เพราะบรรดาสาวๆ ที่เรียงรายเข้ามาสมัครในตำแหน่งนี้นั้นดันมีมากเสียจนเธอเกือบจะถอดใจ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่เขาเลือกจะเป็นเธอ!
“อุ้ย!” หญิงสาวกรีดร้องเบาๆ เมื่อเผลอไปเหยียบเท้าอีกคนเข้า
“ขอโทษค่ะท่านประธาน เจ็บไหมคะ” พิชญะส่ายหน้าตอบกลับเพียงน้อยนิด แปลกใจอยู่บ้างว่าอีกคนเพิ่งรู้ตัวรึไงว่าเหยียบเท้าเขาอยู่
“ปกติผมเห็นคุณตัวติดกับคุณดุจดาวไม่ใช่เหรอครับ วันนี้เธอไปไหนเสียล่ะ ถ้าจำไม่ผิดแผนกการขายก็ได้รับอนุญาตให้มาร่วมงานนี้เหมือนกัน” พิชญะพยายามชวนอีกคนคุยถึงเรื่องทั่วๆ ไปเพื่อลดอาการตื่นเต้นของอีกคนที่มันกำลังมีผลต่อเท้าทั้งสองข้างของเขาเป็นอย่างมาก
“ไม่ทราบสิคะ หมู่นี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่” พิณรัมภาตอบกลับอย่างเหม่อลอยราวกับมีเรื่องให้ต้องขบคิดเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของตัวเองที่หมู่นี้ทำตัวห่างเหินกัน ไม่ค่อยลงมาทานข้าวด้วยกันเหมือนเคย
มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ที่เธอเลิกรากับพีรเดชไป วันนั้นเธอไม่ได้รู้สึกว่าเสียแค่คนรักไปเท่านั้น
แต่ยังรู้สึกว่ากำลังจะเสียเพื่อนรักไปด้วยอีกคน
ไม่เข้าใจเลยว่าเธอทำอะไรผิด ทุกคนที่เธอรักถึงได้ค่อยๆ พากันทิ้งเธอไปทีละคน จนสุดท้ายชีวิตเธอก็กลับมายังจุดเดิมจุดที่ไม่เหลือใคร
หญิงสาวผละตัวออกห่างท่านประธานทันทีที่เพลงจบลง ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้รั้งเธอเอาไว้ เพราะต้องรีบขึ้นไปกล่าวเปิดงานเลี้ยงด้วยตัวเอง
พิณรัมภาพยายามมองหาดุจดาวเพื่อนรักที่แม้จะทำงานอยู่คนละแผนก แต่อีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนสนิทที่เธอให้ความไว้วางใจที่สุดเพราะสนิทสนมกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย จนกระทั่งเรียนจบจึงตัดสินใจมาสมัครที่เดียวกัน แต่เพื่อนของเธอกลับได้ทำงานในแผนกการขาย ส่วนเธอได้บรรจุในฐานะเลขาของท่านประธาน แต่ถึงอย่างนั้นมิตรภาพที่มีมาหลายปีก็ยังเหมือนเดิมและเธอก็หวังอยากให้มันเป็นแบบนั้นไปนานๆ
แต่ดูเหมือนความหวังนั้นจะต้องสิ้นสุดเมื่อสายตาได้เห็นใครบางคนที่กำลังเดินควบแขนมาพร้อมกับคนที่กำลังมองหา ใครบางคนที่กำลังส่งยิ้มให้ดุจดาวอย่างอบอุ่น ก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างเมื่อหันมาเจอเธอ
“พี่พี…” ชื่อของใครบางคนที่เกือบๆ จะลบลืมไปจากหัวใจถูกเอ่ยขึ้นเมื่อได้เห็นพีรเดชแฟนหนุ่มเดินเข้ามาในงานพร้อมกับใครอีกคน ใครบางคนที่ทำให้เธอช็อกจนพูดอะไรไม่ออกเพราะไม่คิดว่าพวกเขาสองคนจะกล้าทำกับเธอถึงขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนจะกล้าทำ
“เดือน แกอย่าโกรธฉันเลยนะ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก แต่ฉันกับพี่พีเราสองคนรักกัน ฉันขอโทษนะเดือนที่ไม่ได้บอกแกเรื่องนี้ ฉันกลัวว่าแกจะเสียใจ” ดุจดาวเอ่ยขึ้นก่อนจะยิ้มเยาะเมื่อได้เห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทซีดราวกับซากศพ ต่างจากแฟนหนุ่มที่เธอใช้มารยาหญิงในตัว แย่งเขามาเป็นของตัวเองจนสำเร็จที่มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
“นี่มันอะไรกันดาว! ไหนบอกพี่ว่างานเลี้ยงคืนนี้เดือนไม่มาไง!” พีรเดชตวาดถามคนรักสาวเมื่อจับได้ว่าอีกฝ่ายโกหก หลอกให้เขามางานเลี้ยงด้วย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเรื่องระหว่างเขากับพิณรัมภานั้นจบไม่สวยสักเท่าไหร่ และที่มันต้องจบลงก็เพราะเธอแบล็คเมล์ถ่ายรูปเขาที่นอนเปลือยอยู่บนเตียง ซ้ำยังขู่ว่าจะแพร่มันไปทั่ว หากเขาไม่เลิกกับแฟนสาวมาคบกับตัวเอง ซึ่งเพราะกลัวภาพพจน์ของตัวเองจะเสียเขาถึงได้ยอมทำตาม ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะยังไม่พอใจ หาเรื่องให้เขาต้องเจ็บช้ำๆ อีก
เขากับพิณรัมภาคบกันได้เกือบสองปีหลังจากที่เขาช่วยเธอจากการถูกกระชากกระเป๋า แม้จะทำงานคนละที่แต่มันกลับไม่ได้เป็นอุปสรรคของความรักระหว่างเขากับเธอเลยสักนิด เขาคาดหวังเอาไว้มากว่าสักวันจะขอเธอแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเหมือนคู่รักคนอื่นๆ จนกระทั่งเธอพาดุจดาวเพื่อนร่วมงานมาแนะนำให้รู้จัก แน่นอนว่าเขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อาจจะเผลอพลาดท่าเสียรู้ผู้หญิงเจ้ามารยาอย่างดุจดาวจนเกิดมีสัมพันธ์สวาทกับเธอเข้า ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาต้องบอกเลิกผู้หญิงดีๆ อย่างพิณรัมภา นับตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าไปพบเธออีกเลย
ภาพในวันนั้นยังคงจำได้ติดตา หญิงสาวไม่ได้ร้องไห้ ไม่แสดงท่าทีเสียใจอะไร เธอเพียงแต่ส่งยิ้มให้กัน ก่อนจะอวยพรให้เขานั้นโชคดี
“ดาวไม่อยากปิดบังเรื่องของเราแล้วนี่คะ ไหนๆ พี่พีกับเดือนก็เลิกกันไปแล้ว เดือนกับดาวเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ต้องแสดงความยินดีให้เพื่อนจริงไหมจ๊ะเดือน” พิณรัมภาเริ่มที่จะเข้าใจในหลายๆ สิ่งเมื่อได้ยินคนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนมาตลอดจีบปากจีบคอพูด ทุกอย่างมันกระจ่างแจ้งจนทำให้เธอหมดสิ้นในทุกๆ ความสงสัยว่าทำไมเขาถึงขอเลิกกับเธอ
ที่แท้เบื้องหลังก็มาจากผู้หญิงที่ชื่อดุจดาวคนนี้เองสินะ…
คนที่เธอเคยคิดว่าเป็นเพื่อน แต่กลับแทงข้างหลังกันด้วยการกระทำที่ใครมาเป็นเธอก็คงไม่มีวันรับได้ ต่อให้จะหมดเยื้อใยกับแฟนหนุ่มไปแล้วก็ตาม สิ่งที่มันยังค้างคาใจอยู่ในตอนนี้คือมันตั้งแต่เมื่อไหร่
พวกเขาสองคนไปรักกันตอนไหน นั่นต่างหากที่อยากจะรู้ที่สุด!
“เดือนครับ พี่อธิบายได้นะ…” พีรเดชเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน พยายามเอื้อมมือมาคว้าพิณรัมภาเอาไว้ แต่อีกคนกลับเบี่ยงตัวหนี เธอทำราวกับว่าสัมผัสเพียงปลายนิ้วของเขา เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงเป็นที่สุด
“ยังต้องอธิบายอะไรอีกค่ะพี่พี เดือนเขาเป็นฉลาด เราสองคนคงไม่ต้องพูดอะไรมากหรอกค่ะ จริงไหมจ๊ะเดือน แกอย่าโกรธฉันเลยนะ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันได้ที่ไหน” พิณรัมภาเพิ่งได้รู้ว่าคนเราสามารถสวมหน้ากากแสนดีเข้าหาคนอื่นได้จริงอย่างละครหลังข่าวก็วันนี้ วันที่เธอมีโอกาสได้เห็นมันด้วยตาด้วยตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าจะคบคนผิดมานานถึงวันนี้ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเพื่อนที่คบกันมานานหลายปีจะทำกันได้ลงคอ
“ที่ดาวพูดมาก็มีเหตุผล ถ้ายังไงเดือนขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ที่จริงคุณสองคนดูๆ ไปก็เหมาะสมกันดี เหมือนผีเน่ากับโรงผุไม่มีผิด”
“นังเดือน!”
“อ๊ะๆ อย่ากรีดร้องเหมือนคนไร้สติแบบนั้นสิจ๊ะดาวเพื่อ