บทที่7

1220 Words
“ไม่มีแต่ครับ ผมเป็นคนเลือกให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้นั่นมันก็แปลว่าผมยอมรับผลที่จะตามมาทุกรูปแบบ อย่าเพิ่งกังวลกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเลยนะครับคุณเดือน เชื่อใจผมนะครับ ผมรับรองว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น” พิณรัมภาเชื่อมั่นใจตัวเขา แต่ที่มั่นใจเลยก็คือตัวของเธอเองมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยอมพยักหน้ากลับไปให้พร้อมรอยยิ้ม จริงอย่างเขาว่า… จะมานั่งกังวลถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นทำไมกัน! เมื่อวางความเครียดลงไปได้หญิงสาวก็จัดการข้าวหมดไปถึงสองจานใหญ่ด้วยความหิว ทำเอาพ่อครัวจำเป็นถึงกลับยิ้มไม่หุบ รู้สึกดีที่อีกคนชอบในรสมือที่ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ใครคนไหนได้ลิ้มลองมันได้ง่ายๆ “ดื่มนมก่อนนะครับแล้วค่อยทานยาตาม” ว่าที่คุณแม่พยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือรับทั้งยาและนมเอาไว้ ขณะที่อีกคนก็ปลีกตัวไปจัดการกับจานชามบนโต๊ะอาหาร โดยไม่ยอมให้เธอมีส่วนร่วมเลยสักนิด “นี่ยังไม่ดึกเท่าไหร่ ผมว่าเรามาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่าเดิมดีไหมครับ” กระทั่งเมื่อทำทุกอย่างเสร็จพิชญะก็เดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาข้างๆ กันพร้อมเอ่ยถึงบางสิ่งที่มันน่าจะช่วยทำให้ชีวิตคู่ของเขากับภรรยาหมาดๆ เดินไปในทางทิศที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ อย่างน้อยก็ดีกว่านี้ “ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาผลัดกันถามคำถามคนละคำถามดีไหมคะ” พิณรัมภาเห็นด้วยแทบจะทันที อย่างน้อยๆ ถ้าต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาจริง เธอก็อยากรู้เรื่องของเขาในบางมุมที่ไม่เคยมีโอกาสได้รู้มาก่อน “เล่าเรื่องครอบครัวของคุณเดือนให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ” “ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวเล็กๆ ธรรมดาเท่านั้นค่ะ พ่อแม่ฉันหนีตามกันเพราะถูกทางบ้านกีดกัน จนตอนฉันอายุได้สิบหกปีเต็ม พวกท่านก็มาเสียไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด” เมื่ออีกคนกล้าถาม หญิงสาวก็กล้าที่จะตอบ ซึ่งเมื่อได้รู้คำตอบพิชญะก็ถึงกลับเงียบไป ผู้หญิงอายุแค่นั้นต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดจะโดดเดี่ยวสักแค่ไหน ไม่มีทางที่เขาจะได้เดาได้ถูกเลยจริงๆ “ผู้หญิงในรูปคนนั้น เธอเป็นใครเหรอคะ” ทว่าคำถามที่อีกคนเลือกที่จะถามกลับมานั้นมันยิ่งทำให้เขาเงียบไปพักใหญ่ เงียบจนน่ากลัว “ถ้าคุณลำบากใจที่จะตอบ ไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ” “เธอชื่อกุลธิตาครับ เป็นรักแรกของผมเอง เราสองคนเคยคบกันช่วงที่กำลังเรียนมหาลัย แต่แม่ของผมท่านไม่ชอบกุล ท่านก็เลยทำทุกอย่างจนกระทั่งเธอขอเลิกกับผมแล้วเดินทางไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย” พิณรัมภาไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปเมื่อได้รู้ถึงความเป็นมาระหว่างเขากับผู้หญิงในรูปคนนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือแววตาของเขาเศร้าสลดไปมาก ยามเมื่อต้องพูดถึงคนในอดีตที่เธอเดาเอาเองว่าเขาคงยังไม่ลืมเธอ “คุณกับแฟนเก่าคนนั้น รักกันมากไหมครับ” เมื่ออีกคนไม่คิดที่จะเอ่ยอะไร พิชญะจึงเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเอ่ยถามคำถามในข้อต่อไป “หมายถึงพี่พีน่ะเหรอคะ ถามว่ารักไหมก็คงรักมั้งคะ เพราะว่าเขาดีกับฉันมาก ดีมากจนฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาเดินมาบอกเลิกฉัน” เธอถึงได้เข้าใจเขาเพราะก็เพิ่งถูกบอกเลิกมาเมื่อไม่นาน ถามว่าเจ็บไหมก็คงเจ็บ แต่จะมากหรือน้อยนั้นคงขึ้นอยู่กับว่ารักอีกคนมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าหากว่ารักมาก ก็คงเจ็บมาก แต่ถ้ารักน้อยก็คงไม่เท่าไหร่ “คุณยังรักเธออยู่…ใช่ไหมคะ” พิชญะแน่นิ่งไปอีกครั้งกับคำถามที่เหมือนมันกำลังจะพาเขาย้อนกลับไปยังอดีตที่ไม่มีวันลืมของตัวเองอีกครั้ง อดีตที่มันเป็นสาเหตุทำให้เขาและมารดามองหน้ากันไม่ติดมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะว่าท่านใช้อำนาจจากเงินกดดันคนรักของเขาจนในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เลือกที่จะรับเงินหนึ่งก้อนที่ท่านเสนอให้ ยอมแพ้ทั้งๆ ที่เขากำลังสู้เพื่อเธอสุดกำลัง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องจบลง เพราะกุลธิตาเลือกที่จะหยุดความสัมพันธ์แล้วจากเขาไป นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยกล้าที่จะเปิดใจให้ใครอีกเลย “นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมไปส่งคุณเดือนที่ห้องดีกว่านะครับ” พิณรัมภาไม่ได้ต่อว่าที่จู่ๆ อีกคนก็ตัดบทไม่ยอมตอบคำถาม แค่นั้นมันก็ทำให้เธอรู้ได้แล้ว ว่าเขายังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่และคงจะรักเธอมากเสียด้วย “คุณเดือนนอนบนเตียงเถอะครับ เดี๋ยวผมออกไปนอนข้างนอกเอง” พิชญะเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาส่งภรรยาป้ายแดงถึงห้องนอนของตัวเอง “คุณจะไปนอนที่ไหนกันคะ ที่นี่มันมีแค่ห้องเดียว” “ผมนอนโซฟาก็ได้ครับ” ยิ่งอีกคนแสดงความเป็นสุภาพบุรุษพิณรัมภาก็ยิ่งรู้สึกแย่ มันเหมือนเธอมาสร้างความลำบากให้เขาไปหมด แม้แต่เตียงนอนของเขาที่เคยนอนหลับอย่างสบาย ก็ต้องมายกมันให้เธอ “คุณนอนบนเตียงเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันออกไปนอนที่โซฟาเอง” หญิงสาวพูดตัดบทก่อนจะหมุนตัวเดินหนี ติดแค่ยังไม่ขยับไปไหนต้นแขนกลับถูกอีกคนรั้งเอาไว้เบาๆ เข้าเสียก่อน “ไม่ได้ครับ คุณท้องอยู่จะไปนอนที่โซฟาแคบๆ แบบนั้นได้ยังไง” “ฉันเองก็ปล่อยให้คุณไปนอนที่โซฟาแคบๆ ไม่ได้เหมือนกันค่ะ ฉันจะนอนหลับได้ยังไงถ้าคุณต้องออกไปนอนตากยุงข้างนอกแบบนั้น!” เธอบอกถึงความรู้สึกของตัวเองให้อีกคนรับรู้ ซึ่งเขาก็ทำเพียงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เท่านั้นก่อนจะตัดสินใจพบกันคนละครึ่งทางในที่สุด “งั้นก็นอนครับ! นอนมันด้วยกันบนเตียงสองคนนี่แหละ!!” พิชญะตอบก่อนจะอุ้มแม่ของลูกขึ้นเตียงอย่างอ่อนโยน เขาเอื้อมไปหยิบหมอนข้างมาคั่นกลางเอาไว้ เพราะไม่อยากทำให้อีกคนต้องรู้สึกอึดอัด “แบบนี้โอเคไหมครับ” พิณรัมภาเพียงแต่พยักหน้ารับเบาๆ เท่านั้น หัวใจเธอยังเต้นแรงไม่หายเลยเมื่อจู่ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นมานอนบนเตียง “คุณจะไม่ข้ามมาใช่ไหมคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD