“ไม่ไปไม่ได้ครับ ท้องโตขึ้นทุกวันคุณจะอยู่คนเดียวได้ยังไง” เขาไม่ได้ห่วงแค่ลูก แต่ยังห่วงแม่ของลูกมากด้วยเพราะรู้ดีว่าเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน อีกทั้งเพื่อนรักหนึ่งเดียวที่เคยไว้ใจก็ดันมาหักหลัง ไม่ต้องคิดก็พอเดาได้ว่าตอนนี้เธออยู่คนเดียว ซึ่งเขาจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นอีก ทั้งเธอแล้วก็ลูกจะต้องอยู่กับเขา จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น!
“ได้ไม่ได้ฉันก็อยู่ของฉันมาได้ก็แล้วกัน คุณไม่จำเป็นต้องมาสนใจเลยสักนิด!”พิณรัมภายังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอก็อยู่คนเดียวมาตลอด แม้ตอนนี้อะไรๆ จะเปลี่ยนแปลงไปแต่ก็ใช่ว่าเธอต้องพึ่งพาเขา เธออยู่ของเธอได้ และเชื่อว่าอยู่ได้เท่าที่ใจอยากให้เป็น
“ผมคงไม่สนถ้าคุณไม่ใช่เมียที่กำลังอุ้มท้องลูกของผมอยู่!” พิชญะตอบกลับไปอีกครั้ง หนนี้ชายหนุ่มหันมาจ้องอีกคนด้วยสายตาดุดัน เขาเคยคิดว่าเธอเป็นคนดื้อเงียบ แต่ไม่คิดว่าจะดื้อได้ถึงขนาดนี้
“นี่!”
“เลือกมาครับว่าจะอยู่คอนโด หรือบ้านผม!” ชายหนุ่มยื่นตัวเลือกให้อีกคนอีกครั้ง ก่อนแสยะยิ้มเมื่อในที่สุดเขาก็ชนะอีกตามเคย
แม้ไม่อยากแต่สุดท้ายพิณรัมภาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมบอกทางมายังอพาร์ทเม้นท์ใหม่ของเธอให้อีกคนได้รู้ จนกระทั้งมาถึงเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงไล่เธอมานั่งรอที่เตียงก่อนที่เขาจะเดินเก็บเสื้อผ้าของเธอใส่กระเป๋าเดินทาง มันเป็นอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานก่อนที่เธอจะโพล่งขึ้น เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักข้างตู้เสื้อผ้าเข้า
“ตรงนี้เดี๋ยวฉันเก็บเองค่ะ” หญิงสาวว่าพร้อมแทรกตัวเข้าไปเก็บชุดชั้นในใส่ถุงอย่างลวกๆ นึกหงุดหงิดอีกคนที่ทำตัวราวกับเจ้าห้องก็ไม่ปาน เดินไปมาจนเธอเวียนหัวไปหมด นิสัยเดิมๆ ของเขาหายไปไหนกัน
กระทั่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น พิชญะก็เอื้อมมือมาแย่งทุกสิ่งไปถือก่อนจะเดินนำเธอออกมาจากห้องด้วยท่าทีสบายๆ ต่างจากเธอที่ได้แต่มองห้องใหม่ด้วยสายตาละห้อย รู้สึกเสียดายเงินมัดจำที่จ่ายไปไม่น้อย
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณเดือน” เดือดร้อนอีกคนที่เดินนำออกไปไกลต้องหันกลับมาร้องถามขึ้น เมื่อเธอไม่ยอมเดินตามหลังเขามาเสียที
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวเลือกที่จะตอบผ่านๆ ไม่กล้าบอกความในใจเพราะกลัวเขาจะดูถูกว่าเธองก ซึ่งเธอก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะชีวิตที่ต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา มันทำให้เธอรู้จักคุณค่าของเงินทุกบาทที่หามาได้
สถานที่ที่พิชญะพาเธอขับรถมาคือคอนโดหรูของเขาซึ่งอยู่ชั้นสี่สิบหก ภายในห้องดูกว้างขวางอบอุ่นบ่งบอกถึงสไตล์ของเจ้าของเป็นอย่างดี ที่เห็นจะถูกใจกว่าอะไรทั้งหมดคงหนีไม่พ้นกระจกใสรอบห้องที่มันทำให้มองเห็นทิวทัศน์เมืองหลวงได้อย่างจุใจ แบบนี้สินะชีวิตคนรวย
“พออยู่ได้ไหมครับ” พิชญะถามขึ้นเมื่ออีกคนเอาแต่ยืนเงียบไม่พูดอะไร เขาวางกระเป๋าในมือลงพื้นก่อนจะเดินนำหญิงสาวมานั่งที่โซฟา
“อย่าเรียกว่าอยู่ได้เลยค่ะ มันมากเกินไปด้วยซ้ำ จริงๆ แล้ว…”
“ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจ คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณนะครับคุณเดือน ขาดเหลืออะไรก็บอกผม ต่อจากนี้ไปผมจะดูแลคุณกับลูกให้ดีที่สุด ผมให้สัญญาครับ” อีกคนเอ่ยขัดเหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวจะพูดอะไร
“คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ ว่าเราสองคนจะอยู่กันได้รอดจริงๆ” พิณรัมภาตัดสินใจเอ่ยถามถึงสิ่งที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจ เธอกับเขาไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนิสัย หรือแม้แต่ความชอบส่วนตัว
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอที่เริ่มต้นมาจากความผิดพลาดจะยั่งยืนจริงๆ รึเปล่าก็ยังไม่มั่นใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำไปทั้งหมดเพราะแค่อยากจะรับผิดชอบ หรือเขาแค่ยังคงรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นกันแน่
“ผมจะไม่ทำถ้าหากไม่มั่นใจ” พิชญะตอบก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีจริงจัง แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพิณรัมภาจะไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าตัวเองจะรักเธอได้สักวัน
หลังจากจัดของใช้ส่วนตัวเสร็จพิณรัมภาก็ถูกเรียกให้ออกมาทานข้าวฝีมือของสามีหมาดๆ ที่ลงทุนเข้าครัวแสดงฝีมือให้เธอได้เห็นเป็นบุญตาด้วยตัวเอง ทุกๆ อย่างที่เขาบรรจงทำให้มันช่างดูอ่อนโยน อบอุ่นจนเธอเริ่มรู้สึกผิด ที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องมาเจอะเจอกับเรื่องราวแบบนี้
คนที่เพียบพร้อมอย่างเขาควรได้คู่ชีวิตที่ดีกว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าเธอที่มีแต่ตัว ไม่มีครอบครัว ไม่มีหน้าตาทางสังคม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำให้เขาเสื่อมเสียไปแค่ไหนที่ได้ผู้หญิงธรรมดาๆ คนนี้มาเป็นภรรยา
“ไม่อร่อยเหรอครับ อยากทานอย่างอื่นไหมครับเดี๋ยวผมทำให้ใหม่” พิชญะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมา
“เปล่าค่ะ ฉันแค่กำลังรู้สึกผิดกับคุณอยู่”
“รู้สึกผิดกับผมเรื่องอะไรครับ” ชายหนุ่มถามต่อด้วยความสงสัย
“คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอคะที่จู่ๆ ก็ต้องรับผิดชอบฉันกับเด็กในท้อง ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำลายชีวิตคุณ คุณไม่ควรต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้เลย” พิชญะลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อได้รู้ถึงเหตุผลที่ทำให้อีกคนนั่งเครียดอยู่เป็นนาน เขาเอื้อมมือมากุมมือเธอเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะอธิบายความเป็นจริงบางอย่าง ที่พิณรัมภาอาจจะลืมนึกถึงมันไป
“คืนนั้นผมไม่ได้เมา ที่จริงผมจะหยุดทุกอย่างก็ทำได้ง่ายๆ แต่ผมกลับเลือกที่จะสานมันต่อจนจบ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณคนเดียวนะครับคุณเดือน อีกอย่างผมไม่อยากให้เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นความผิดพลาด ถ้าลูกได้ยินเขาจะเสียใจแย่นะครับ” แม้คำพูดของเขามันจะฟังขึ้นแค่ไหน ภายในใจของพิณรัมภาก็ยังรู้สึกผิดต่อเขาอยู่เหมือนเดิม ลองถ้าเธอไม่เริ่ม เชื่อเถอะว่าเรื่องราวมันคงไม่มีทางต้องมาลงเอยแบบนี้อย่างแน่นอน
“แต่ว่าฉัน…”